ตอนที่ ๔ ไม่มีคนโง่
“คลับคนแน่นเหมือนเดิมเลยนะ สาว ๆ ก็สวย ๆ กันทั้งนั้น” สายตาของมาวินกวาดมองไปรอบคลับซึ่งตอนนี้เขานั่งอยู่ด้านล่างหน้าเคาน์เตอร์บาร์
“สนใจคนไหนก็หิ้วขึ้นห้อง” เขาพูดแล้วยื่นคีย์การ์ดให้กับหลานชาย
“ไม่เอา พี่ก็รู้ว่าผมกำลังคลีนตัวเอง” เขาดันมันกลับไม่ยอมรับคีย์การ์ดห้อง “ทำไมไม่เชื่อผมเหรอ แต่ส่วนเรื่องคนคุยมันอีกเรื่องนะ”
“มึงนี้เจ้าเล่ห์นะ” เขาหยิบคีย์การ์ดขึ้นมาแล้วเคาะมันลงที่พื้นกระเบื้องเนื้อดีตามจังหวะของดนตรีที่กำลังเปิดเบา ๆ ให้ได้บรรยากาศ
“คงไม่เท่าพี่หรอก ทุกอย่างผมก็ได้มาจากพี่นะครับ แล้วก็...” เขาใช้สายตามองเลยไปยังด้านหลังของมาธัส “พี่ว่ามันพรหมลิขิตหรือเปล่าครับ”
“......” เขาหันมองไปตามสายตาของมาวิน พบกับกิ่งฟ้าที่กำลังนั่งดื่มอยู่กับเพื่อนอีกสองคน เธอกำลังพูดคุยหัวเราะกับเพื่อนด้วยความสนุกสนาน
มาวินที่ได้มองเห็นรีบยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มหวังที่จะเดินเข้าไปหากิ่งฟ้า แต่กลับถูกมือของมาธัสรั้งเอาไว้ก่อน หลานชายยอมเชื่อฟังแต่ยังทอดสายตามองไปทางเธอตลอดเวลา
“พี่ห้ามผมทำไม”
“เขามากับเพื่อน อย่าไปขัดเขาเลยดีกว่า อีกอย่างเธอคงไม่อยากมาเจอกับมึงที่นี่หรอกทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นดีที่สุด” มันก็แค่ข้ออ้างที่เขาไม่อยากเห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันเท่านั้น
“ก็แค่เข้าไปทักผมไม่ได้จะไปนั่งด้วยซะหน่อย” มาวินบ่นขึ้น เขายังอยากเข้าไปทักทายกิ่งฟ้า
“เชื่อกูเถอะ ขึ้นไปห้องทำงานจะได้มองเห็นชัดเจนกว่านี้” เขาว่าแล้วพามาวินเดินขึ้นมาบนห้องทำงาน มีกระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นด้านล่างจากตรงนี้ได้อย่างชัดเจน
“เธอต่างจากวันนั้นมากเลยนะครับ วันนั้นไม่เห็นจะยิ้มแต่วันนี้ยิ้มเก่งมาก” สายตาของเขายังคงจ้องมองไปที่หญิงสาวด้านล่างเช่นเดิม
มาธัสกับเอาแต่มองตามเท่านั้น เขารู้ว่ารอยยิ้มของเธอนั้นดูสดใส ตอนนี้มันเทียบไม่ได้กับเมื่อก่อน อาจจะเป็นเพราะเขาเองที่ทำให้รอยยิ้มสดใสของเธอนั้นหายไป
“พี่ว่า...ผมจะมีความสุขมากแค่ไหน ถ้าได้อยู่กับเธอแล้วมองเห็นรอยยิ้มนี้ทุกวัน”
“เลิกฝัน ให้ได้แต่งก่อน จัดการเรื่องคนคุยของมึงให้ได้ก่อนเถอะ” เขาตัดสินใจเดินมานั่งที่โซฟา ไม่อยากได้ยินเรื่องราวของกิ่งฟ้าที่ดังออกมาจากปากมาวิน
แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่านี้ เขาจะบอกหลานชายไปเลยดีไหมว่ากิ่งฟ้าเป็นคนของเขา และเขาก็ไม่ปล่อยให้ใครมาแย่งไปง่าย ๆ
“พี่กำลังคิดอะไรอยู่” มาวินทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ กับเขา “พูดมาเถอะผมรู้ว่าพี่มีเรื่องในใจ”
“สมมุติว่า เธอเคยมีอดีตกับคนใกล้ตัวของมึง มึงจะคิดยังไง”
“พี่ถามอะไรเนี่ย ผมคงไม่โชคร้ายแบบนั้นหรอก อีกอย่างผมว่าเธอไม่น่าจะมีแฟนด้วยซ้ำนะครับ ดูสิมีผู้ชายไปขอชนแก้วด้วยเธอก็ปฏิเสธทุกครั้งเลย”
เสียงวางแก้วกระทบลงที่โต๊ะกระจก เขาหันมองไปตามสายตาของมาวินอีกครั้ง ฟันที่กำลังขบกันทำให้กรามนูนขึ้นมาเป็นสัน
“คนเราเมื่อมันโชคร้ายแม่งก็ร้ายสุด ๆ เลยนะ” เขายกแก้วในมือขึ้นมาดื่มอีกครั้ง
“อย่าพูดเป็นลางร้ายสิครับ ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้นกับผมนะ อีกอย่าง...ถ้ามันเกิดขึ้นจริง ๆ ผมก็ควรมองที่ปัจจุบันมากกว่าว่าไหม”
“คิดได้แบบนั้นก็ดี แต่อย่าไปชอบถูกเมียใครแล้วกัน” คำพูดลอย ๆ ทำให้มาวินหัวเราะเสียงดัง
“วันนี้พี่แปลกนะ ถามอะไรก็ไม่รู้ คิดมากเรื่องแฟนพี่หรือเปล่าถึงถามกับผมแบบนี้” เขาถามคำถามกลับแต่ได้มาแค่ความเงียบเท่านั้น สีหน้าของมาธัสยังคงไม่แสดงออกสิ่งใด
“จะกลับตอนไหน” เขามองนาฬิกาข้อมืออยากทำงานที่ค้างเอาไว้
“อีกสักพัก ถ้าอยากทำงานก็ไปทำเถอะ ผมจะนั่งอยู่ในห้องนี่แหละ” มาวินเอนหลังพิงไปด้านหลังจ้องมองไปที่กิ่งฟ้าอยู่เช่นเดิม
“งั้นกูลงไปดูความเรียบร้อยข้างล่างก่อน อยากดื่มอะไรก็สั่งมาเลย” เขาว่าจบแล้วเดินออกมาจากห้องทำงาน มาธัสหลบเดินเข้ามาหยุดยืนมองดูกิ่งฟ้าที่มุมมุมหนึ่ง
ทันทีที่เธอลุกมาเข้าห้องน้ำเขาก็ไม่รอช้าที่จะเดินตามหลัง รอให้เธอออกมาแล้วจับแขนลากขึ้นไปบนห้องชั้นสาม ก่อนใช้เท้าปิดประตูเสียงดังเหมือนกับอารมณ์ที่ร้อนรุ่มในตอนนี้
“ปล่อยนะ!!” เธอไม่ทันที่จะร้องขอความช่วยเหลือเขาก็ลากเธอให้เดินตามมาในห้องที่มีเพียงเตียงนอนกว้างเท่านั้น
“ดื่มมากเกินไปหรือเปล่า” สองข้างแก้มของหญิงสาวแดงระเรือง ด้วยที่กิ่งฟ้าเป็นคนผิวขาวพอได้ดื่มเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ก็ทำให้เธอผิวพรรณมีเลือดฝาดขึ้นมาทันที
“อย่ามายุ่ง บอกแล้วไงว่าไม่อยากเจอหน้า” เธอไม่ยอมให้เขาเข้ามาใกล้ทั้งยังพยายามจะออกไปจากห้องเพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่ออยู่กับเขาเพียงลำพัง
“คิดหรือยังว่าจะถอนหมั้นยังไง” มาธัสดึงให้เธอมานั่งที่เตียงนอน แต่หญิงสาวก็ยังคงขัดขืนไม่ยอมทำตามแต่สุดท้ายก็สู้แรงของเขาไม่ได้
“ฉันเคยพูดหรือไงว่าจะถอนหมั้น ปล่อยนะ! คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้” เธอร้องโวยวายเมื่อเขาสวมกอดเธอเอาไว้บนหน้าตัก “บอกให้ปล่อยไง!”
“หยุดดิ้น ไม่งั้นพี่จะทำอย่างอื่นแทนแล้วนะ” เขาเลิกคิ้วขึ้นแล้วยกยิ้มมุมปาก ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากคนทั้งสอง ได้กลิ่นพีชอ่อน ๆ มาจากริมฝีปากของเธอ
“ไม่หยุดบอกให้ปล่อยไง!! ฉันเป็นคู่หมั้นของหลานคุณนะ คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉัน” กิ่งฟ้าพยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีกับเขา
“พี่จะคุยกับกิ่งเป็นครั้งสุดท้าย ถอนหมั้นซะ ไม่งั้นพี่จะทำในสิ่งที่กิ่งคาดไม่ถึง”
“มีอะไรที่คาดไม่ถึงอีก จะทำอะไรก็ทำคุณมันเลวอยู่แล้ว เรื่องเลว ๆ คุณชอบทำมันอยู่แล้ว” กิ่งฟ้าตะโกนเสียงดังด้วยความอัดอั้นใจ เธอถูกมาธัสกดลงมาบนเตียงนอน
เขาซุกใบหน้าลงมาตามลำคอมิหนำซ้ำยังออกแรงขบเม้มที่ผิวขาวจนเกิดรอยแดง เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ถูกเขากระชากจนขาดไม่เหลือชิ้นดี ความปวดแสบปวดร้อนที่ถูกผิวผ้าบาดเนื้อยังเป็นทางยาว
“อย่าทำแบบนี้นะ!! ปล่อยฉัน!!” เธอดิ้นรนขัดขืนไม่ยอมให้เขาได้ทำตามใจ แต่แรงอันเล็กน้อยเท่ามดหรือจะสู้แรงช้างสารเช่นเขาได้
“พี่บอกกิ่งแล้วไงว่าอย่ามาท้าทายพี่ ถ้าทำไม่ได้ก็บอกมาพี่จะจัดการทุกอย่างให้เอง” เขาเงยหน้าขึ้นมาจ้องตากับเธอ “ว่าไง”
“ทำไม ทำไมถึงไม่ต่างคนต่างอยู่ ทำไมถึงได้ตามราวีฉันไม่เลิก ฉันไปเผาบ้านคุณหรือไงถึงได้จองเวรจองกรรมฉันแบบนี้” เธอพูดทั้งน้ำตาคลอ ความน้อยเนื้อต่ำใจมันกำลังทำให้บ่อน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ทะลักออกมา
“เรามันคู่เวรคู่กรรมกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนพี่ก็จะตามกิ่งไป นรกหรือสวรรค์ พี่ไม่สนหรอก”
“จะให้ฉันทำบุญกี่วัดคุณถึงจะออกไปจากชีวิตของฉันสักที หรือว่าจะให้ฉันบวชให้ตลอดชีวิต” เธอไม่ได้พูดประชดแต่มันคือความรู้สึกจริง ๆ ที่เกิดขึ้นในตอนนี้
“กิ่ง...พี่ไม่ให้มันเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นหรอก กิ่งไม่มีทางที่จะได้บวชต่อไปนี้กิ่งอยู่ที่ไหนพี่จะอยู่ที่นั่น ตามเป็นเงาติดตัวกิ่ง”
“เอาสิ...อยากทำอะไรก็เชิญ ฉันก็จะทำในสิ่งที่ฉันอยากทำเหมือนกัน” เธอใช้มือผลักให้มาธัสลุกออกไปจากร่างกาย แต่ดูเหมือนจะทำเช่นนั้นไม่ได้เพราะน้ำหนักตัวของเขาหนักเกินกว่าแรงของเธอจะดันไหว
“แค่นี้ยังทำอะไรพี่ไม่ได้เลย อย่าคิดว่าจะทำอะไรได้ เป็นเด็กดีนะพี่จะให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ” เขาลูบมือลงมาที่ผมของเธออย่างนุ่มนวล
“ฉันไม่ต้องการอะไร มีสิ่งเดียวที่ฉันต้องการคือ...ไม่มีคุณอยู่ในชีวิตของฉัน” เธอจ้องตากับเขานิ่ง แววตาดูจริงจังกว่าครั้งไหน ๆ
“มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอกกิ่ง พี่ยังคงยืนยันคำเดิมว่าพี่จะไม่มีทางปล่อยกิ่งไปไหนอีก”
“เลิกทำเหมือนกับว่ารักฉัน ชีวิตนี้ขาดฉันไม่ได้สักที ฉันไม่ได้หัวอ่อนเหมือนแต่ก่อนแล้วนะ คราวนี้พนันเอาไว้เท่าไหร่ล่ะ บ้านกี่หลังรถยนต์กี่คันกันล่ะ” เธอยกยิ้มมุมปาก คำพูดของเขาเชื่อถือไม่ได้สักอย่าง
“ใช่ชีวิตของพี่ขาดกิ่งไม่ได้ แล้วพี่ยัง...” เขาเม้มริมฝีปากอยากจะเอ่ยคำที่อยู่ในใจแต่ปากมันดันไม่ยอมขยับ
“หึ...เลิกตอแหลสักทีเถอะ คนโง่เท่านั้นที่เชื่อสิ่งที่คุณพูด ขอโทษนะ...ฉันฉลาดมากพอที่จะรับฟังและเชื่อว่าสิ่งที่พูดในตอนนี้มันคือเรื่องจริงหรือแค่เรื่องขำ ๆ สำหรับคุณ”
“กิ่งจะให้พี่ทำยังไง พี่พยายามแล้วพูดแล้วกิ่งก็ไม่เชื่อ ให้พี่ไปคุยกับพ่อแม่กิ่งดีไหม พี่จะหมั้นและแต่งงานกับกิ่งเอง” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังมองเธอด้วยสายตาที่จริงใจ
“หึ...คิดว่าฉันต้องการแบบนั้นเหรอ ฉันต้องการให้เราไม่ต้องเจอกันอีกไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน เข้าใจหรือยัง”
“ไม่เข้าใจ” เขาดึงเธอเข้ามาสวมกอดทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนอนใหญ่
“ปล่อยสักที จะมากอดทำไมอึดอัด” เธอพยายามดิ้นออกจากวงแขนของเขา “บอกให้ปล่อยไง คุณนี่เข้าใจอะไรยากจริง ๆ ฉันบอกว่าไม่อยากข้องเกี่ยวกับคุณไง”
“กิ่งไม่รักพี่แล้วเหรอ” เขาเชยปลายคางเธอขึ้นมาจ้องมองสบตา “ตอบพี่สิกิ่ง กิ่งยังรักพี่อยู่ใช่ไหม”
“จะหลงตัวเองก็ให้มันพอดีหน่อยเถอะ คุณไม่ควรจะเอ่ยคำนี้ออกมา ความรักของฉันคู่ควรกับคนดี ๆ เท่านั้นไม่ใช่กับคุณจำเอาไว้ด้วย”
“พี่ก็คนดี” เขายิ้มเหมือนกับว่าไม่รู้สึกรู้สากับคำพูดกระแทกใจ ถึงแม้จะช้ำใจกับคำพูดของกิ่งฟ้าแต่ก็ต้องยอมรับมัน
“คนดีกะผีนะสิ ปล่อย!” เธอไม่พูดเปล่าใช้หัวเข่ากระทุ้งเข้าที่เป้ากางเกงของเขา
“กิ่ง!!” มาธัสร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ทันใดนั้นกิ่งฟ้ารีบใช้โอกาสที่มีเพียงน้อยนิดวิ่งตรงไปที่ประตูห้อง แต่กลับเปิดมันไม่ออก รอยยิ้มมุมปากของเขาปรากฏขึ้น
“จะ...จะทำอะไร!!” เมื่อเธอเห็นสายตาที่จ้องมองมาถึงกลับทำให้ขาทั้งสองข้างที่มีแรงเต็มเปี่ยมสั่นเทา
“เล่นแรงเกินไปหรือเปล่า ถ้าพี่มีลูกไม่ได้ใครจะรับผิดชอบ”
“ก็แล้วแต่คุณสิ ใครบอกให้คุณทำตัวรุ่มร่ามกับฉัน เปิดเลยนะฉันบอกให้เปิด!” เธอเขย่าลูกบิดประตูห้อง ยิ่งเขาสาวเท้าเข้ามาใกล้ยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นไหว
“มารับโทษซะดี ๆ” เขาคว้าเธอโยนลงมาที่เตียงนอน จับกดเอาตัวขึ้นคร่อมร่างบางเอาไว้ ใช้มือทั้งสองข้างกดข้อมือเล็กลงไปบนที่นอน
“เจ็บนะ!! ปล่อยฉันไอ้คนเลว” กิ่งฟ้าทั้งดิ้นรนและร้องตะโกนให้คนที่อยู่ด้านนอกได้ช่วยเหลือเธอ
“จะบอกอะไรให้...ที่นี่มันเป็นที่ของพี่ ใครจะกล้าเข้ามาช่วยเธอ” เขายกยิ้มมุมปากอย่างผู้ถือชัยชนะ “ร้องสิร้องดัง ๆ” เขาเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักบนหัวเตียงนอน
“อะไร?” เธอมองกุญแจมือที่กำลังถูกสวมลงมาที่ข้อมือของตัวเอง “ไม่นะ!! ไอ้โรคจิต!! ปล่อยฉันนะ!” พูดไม่ทันขาดคำมือทั้งสองข้างก็ถูกตรึงเอาไว้เนื้อศีรษะด้วยกุญแจมือเหล็กหนาอย่างดี
“ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเจ็บนะพี่เตือนเธอแล้วนะ” เขาลุกขึ้นจากตัวเธอ ก่อนที่จะกวาดสายตามองไปตามเรือนร่าง “คิดจะออกไปทั้งอย่างนี้ คิดว่าพี่จะให้ออกไปหรือไง”
“จะทำอะไร อย่านะ!! ฉันไม่ต้องการแบบนี้!!” เธอมองเห็นมาธัสลุกขึ้นยืนข้างเตียง เขากำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองให้พ้นจากร่างกาย
“ทำไม แต่ก่อนเธอก็เห็นหมดแล้ว จะอายอะไร” เขาถอดเสื้อเชิ้ตออกเหลือเอาไว้เพียงกางเกงสีดำขายาว “เสื้อก็ขาดแล้วถอดมันทิ้งเลยแล้วกัน”
“เอามือสกปรกออกไปเลยนะ อย่ามาแตะต้องฉันนะ!!” เธอกรีดร้องเสียงแหลมเมื่อถอดชุดเดรสสีครีมออกจากร่างกาย “บอกให้หยุดไง ฉันบอกให้หยุด” เธอพูดเสียงสั่น
“จะร้องทำไม แต่ก่อนยังปากดีกับพี่อยู่เลย ครั้งนี้มันจะดีกว่าเมื่อก่อนเชื่อพี่เถอะ” เขาเลื่อนชุดออกทางปลายเท้า
เหลือเอาไว้เพียงชุดชั้นในสีขาวลูกไม้เนื้อบาง มาธัสยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจหน้าอกอวบอิ่มดูเหมือนจะเติบใหญ่มากกว่าเมื่อก่อน เขาวางมือลงที่หน้าอกทั้งสองข้าง
“ไอ้ลามก ไอ้โรคจิต อย่าจับนะกรี๊ดดดดด” เธอกรีดร้องเสียงแหลมจนเขาแสบแก้วหู ทันใดนั้นเขาเลื่อนลิ้นชักหัวเตียงออกมาอีกครั้งก่อนใส่ปลอกรัดเอาไว้ที่ปากของเธอ “อื้อ อือ อืม อื้อ”
“ค่อยสบายหูหน่อย ถ้ากิ่งเป็นเด็กดีพูดเพราะ ๆ พี่จะไม่ทำอะไรกิ่งเข้าใจไหม ถ้าเข้าใจพยักหน้าแล้วพี่จะถอดให้” เขายังเอามือทั้งสองข้างบีบเคล้นที่หน้าอก
“อื้อ อือ” ได้ยินเพียงเสียงอู้อี้ที่ลำคอของหญิงสาวเพียงเท่านั้น
บาร์สีขาวถูกปลดออกเผยให้มองเห็นหน้าอกอวบอิ่มที่ยอดปลายสีชมพูหวานไม่ต่างจากเมื่อก่อน ปลายนิ้วแข็งตวัดเขี่ยที่ปลายยอดทำให้คนที่นอนดิ้นไปมาดิ้นพล่านมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า
“รู้สึกดีใช่ไหม ดูสิมันแข็งสู้มือพี่ด้วย” เขาไม่เพียงพูดเท่านั้นยังก้มลงมาใช้ปลายลิ้นเลียวนที่ยอดอกทั้งสองข้าง ใช้ฟันคมกดกัดเป็นจังหวะ
“อื้อ อือ อือ” ได้ยินแต่เสียงครางในลำคอ ไม่รู้ว่าเป็นคำด่าหรือคำชื่นชมแต่คงเป็นอย่างแรกมากกว่า
“เด็กดี...ให้พี่ดูหน่อยสิว่าข้างล่างพร้อมหรือยัง” มาธัสเลื่อนมือลงไปที่ด้านล่างใช้ปลายนิ้วเกี่ยวเอาแพนตี้เนื้อบางออกทางปลายเท้าอย่างรวดเร็ว
กิ่งฟ้าหนีบเรียวขาทั้งสองข้างเอาไว้แน่นไม่ยอมให้เขาได้มองเห็นสิ่งที่หวงแหน แต่ใครจะทนทานความแข็งแรงของลำแขนกล้ามใหญ่ของเขาได้นาน
“อื้อ อือ อืออออ” เธอส่ายใบหน้าไปมา พยายามบอกให้มาธัสหยุดเอาไว้เพียงเท่านี้ เท้าทั้งสองข้างยังถีบให้เขาออกห่าง
“กิ่ง” เขาเรียกชื่อของเธอพร้อมทั้งจ้องมองตากับเธอนิ่ง “ถ้าไม่อยากเจ็บตัว ก็ว่าง่าย ๆ” เขาจับข้อเท้าเอาไว้แน่นก่อนจับให้เรียวขาแยกออกกว้าง
หญิงสาวได้แต่นอนดิ้นไปมา ถึงแม้มือทั้งสองข้างจะเจ็บปวดที่ถูกความคมของกุญแจมือบาดเข้าให้ ความพยายามดิ้นรนขัดขืนยังไม่ทำให้เธอหมดแรงไปง่าย ๆ
ชายหนุ่มใช้ความรวดเร็วแทรกกายเข้ามาแนบชิดอย่างรวดเร็วใช้มือทั้งสองข้างดันให้เรียวขาแยกออกกว้าง ปลายนิ้วใหญ่ถูกลากขึ้นลงตามรอยแยกที่เปียกชุ่มก่อนที่จะค่อย ๆ หายเข้าไปในช่องทางรักที่คับแน่น
“อื้อ” กิ่งฟ้าครางออกมาเสียงดัง ร่างของเธอกำลังสั่นเท่ารับรู้ได้ว่าร่างกายกำลังร้อนรุ่มเหมือนถูกลูกไฟเล็ก ๆ วิ่งไปทั่วร่างกายที่เปลือยเปล่าทั้งที่อากาศภายในห้องนั้นเย็นสบาย
“รู้สึกดีไหม ถ้ากิ่งเลิกดื้อพี่จะปลดที่ปากให้” เขาจ้องมองใบหน้าที่ตอนนี้กำลังเปื้อนน้ำตา
“อื้อ อืม อื้อ” เหมือนว่าเธอกำลังพูดคุยกับเขา มาธัสจึงตัดสินใจปล่อยริมฝีปากของเธอให้เป็นอิสระ “ไอ้คนชั่ว! ฉันเกลียดแกเข้าไส้เลย เอามือออกไปนะ”
“หึ...ดื้อมากใช่ไหม” เขาสอดใส่นิ้วเพิ่มเข้ามาในกายสาว “มีอารมณ์แล้วใช่ไหม ตอดแน่นแบบนี้” เขามองกายสาวที่ไม่ได้ต่างออกไปจากเมื่อก่อน
“ฉันเกลียดแก ไอ้บ้า ไอ้คนเลว ฮื้อ ๆ” เสียงร่ำไห้ที่ไม่สามารถทำอะไรได้ของกิ่งฟ้ายังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง