ตอน 3
“เข้ามาในบ้านคนอื่น โดยไม่ได้รับอนุญาต แถมยังเห็นงูเจ้าของบ้าน รู้ไหมจะต้องรับผิดชอบยังไง” เขาเดินเข้ามาใกล้สาวน้อย ที่ยังตกอยู่ในอาการหวาดหวั่น
“รับ...เอ่อ...ผิดชอบ” เป็นเด็กเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง เธอต้องรับผิดชอบอะไรแบบนี้ด้วยหรือ หญิงสาวมองหน้าหล่อคมสัน ติดใจตรงเครางามหนวดสวย เขาทำให้เธอมองไม่อาจละสายตาหนีไปมองส่วนอื่นได้ ถิ่นแถบนี้มีเทพซูส มาสถิตล่อลวงผู้หญิงอยู่ด้วยหรือ เธอยอมเป็นเทพี ยอมเป็นทาสเทพซูสตนนี้
“เอ่อ...อะไรดันหน้าขาหนู” ตองรู้สึกเหมือนมีของแข็งดันหน้าขา จึงค่อยๆ ลดสายตาลงไปมองสิ่งที่ดันอยู่นั้น ทันทีที่เห็น ร่างกายตองสั่นสะท้าน ดวงตาเบิกโต ปากก็อ้าค้างทันใด
“คุณไม่ได้ใส่เสื้อผ้า” ผ้าหลุดเขายังไม่ยอมหยิบมาปิดกายอีกหรือ ท้าลม ท้าแดดของจริงหน้าด้านสุดๆ
“อือฮึ” เขาตอบไม่แยแส ต่ออาการสั่นของเธอ ยื่นมือโอบกอดเธอไว้ “พร้อมรับผิดชอบข้อหาบุกรุก ข้อหาเห็นของกลาง เจ้าของบ้านหรือยัง” เด็กคนนี้น่ากินเขาเดาอายุราวๆ ยี่สิบต้นๆ ไม่เกินยี่สิบเอ็ด หรืออ่อนกว่านั้นนิดหน่อย เนื้อเนียน นุ่ม น่ากิน ผิวขาวแบบสาวเมืองกรุง เขาเดาไม่ออกว่าเธอมาจากไหน หากแต่เชื่อจากสายตาไม่ใช่คนแถวนี้
หากจะว่าพวกแม่ค้าในตลาดที่ตบตีแย่งเขานั้นก็ไม่ใช่ เธอแปลกหน้ามาใหม่มากกว่านั้น สำคัญไปกว่านั้นรู้สึกพอใจที่เธอเล่นกับเจ้าป้อมได้อย่างเข้าขากันดี
“ปล่อยหนู” ร่างอ่อนแรงเพราะเห็นงูเลื้อยอยู่กลางตัวชายตัวหนาสูงใหญ่ แรงผลักมดตัวเล็กว่าน้อยแล้ว สาวน้อยในอ้อมแขนหนุ่มใหญ่วัยดึก แรงน้อยยิ่งกว่ามดตัวเล็กหลายเท่า ซ้ำตัวยังเย็นเฉียบ เหมือนเพิ่งโดนแช่แข็งในห้องเย็นมาอย่างนั้นแหละ
ชายหนุ่มยอมปล่อยหากแต่ยิ้มเจ้าเล่ห์ยังคงฉาย หญิงสาวหันขวับหนีจากอ้อมกอดร้อนผ่าว รวมไปถึงหนีจากงู ที่ขยายใหญ่กว่าทีแรกที่เห็น สาวเท้าออกจากบ้านกลางสระนั้น ด้วยแข้งขาสั่นอ่อนแรง
“นี่ๆ หนูชื่ออะไร” ชายหนุ่มวัยดึกกว่าสาวน้อยร่างนุ่มนั้น เกือบปิดกั้นโอกาสดีของตัวเอง จึงตะโกนไล่หลังถามไป
ตองไม่คิดบอกชื่อ หรือไม่คิดถามชื่อเขา ได้แต่ออกวิ่งด้วยความว่องไว หายไปหลังต้นไม้รกครึ้ม ในสวนพื้นที่กว้าง เดินวนหาช่องที่ตัวเองรอดผ่านเข้ามา พอมุดเข้าไปได้วิ่งขึ้นบ้านยายทันใด
“ตอง ทำไมตัวเปียกแบบนั้น” ยายทองสุขตะโกนไล่หลังหลานวิ่งหายเข้าห้องนอน “สงสัยตกน้ำตกท่า” ยายได้แต่บ่นตาม ตามประสาคนสูงวัยที่เห็นอะไรมักบ่นไว้ก่อน “เด็กสมัยนี้ มันไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่เอาซะเลย อยู่กรุงเทพนานก็แบบนี้” ยายเด็ดผักต่อไป เผื่อลวกเป็นอาหารเย็นจิ้มแจ่ว
“ยายครับ ยายทองสุขอยู่ไหมครับ” เสียงผู้ชายห้าวๆ เรียกอยู่ตรงบันไดหน้าบ้าน ยายทองสุข ค่อยๆ ถลันตัวลุกไปมองคนที่ตะโกนเรียก
“อ้าว คม ว่าไง มีธุระอะไรหรือ”
“ผมเอาปลาสลิดแดดเดียวมาฝาก พอดีเอาปลาในสระได้หลายโล ส่งขายในตลาด เหลือนิดหน่อยเลยแร่ตากแดด แบ่งมาฝากยายครับ”
“เออๆ ขอบใจ”
“ยายเป็นยังไงบ้าง ลูกสาวมาหรือยังเห็นบอกผมเมื่อสองวันก่อน ลูกสาวจะพาหลานมาฝากให้อยู่ด้วยช่วงปิดเทอม”
“มาแล้วกลับไปแล้ว ส่วนหลานสาว อยู่ในห้อง เดี๋ยวยายไปตามมารู้จักกับคมนะ เผื่อยายจะฝากนางตองไปศึกษาดูงาน ฝึกทำเกษตรในสวนคมบ้าง คนแก่คุมเด็กวัยรุ่นไม่ไหวหรอก เด็กสมัยนี้สั่งสอนอะไรไม่ใคร่จักได้ดื้อรั้นปีนเกรียว”
“ครับ” คมย่อตัวนั่งลงบนแคร่รอยายไปเรียกหลานออกมา เพื่อทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง
ตองเพิ่งรู้ว่าตัวเองโดนลวดหนามเกี่ยวก็ตอนอาบน้ำ รู้สึกถึงความแสบ คงเป็นตอนรีบร้อนมุดกลับมา “อูยยย ! แสบหลัง” จุดโดนลวดหนามคือกลางแผ่นหลัง
กำลังจะก้าวออกไปขอยายายมาทา จังหวะยายโผล่มาพอดี “ยาย มียาอะไรให้ตองทาแผลไหมคะ”
“เป็นอะไรน่ะเรา”
“คงโดนลวดหนามเกี่ยวค่ะ”
“ไปทำอีท่าไหน ยายดูซิ”
“มุดรั้วไล่ตามหมาตัวป้อมไปแน่ๆ เลย” หญิงสาวสันนิษฐาน ตอนนั้นยังไม่โดน เชื่อว่าโดนตอนกลับออกมา เจองูตัวใหญ่เข้าไป ร้อนรนตื่นเต้นไปหมด
“เดี๋ยวยายหาสมุนไพรในสวนทาให้ มากับยายก่อนซิ”
“ทำไมล่ะยาย ทำไมต้องไปด้วย”
“มาเถอะ” ยายดึงข้อมือหลานสาวเดินตามลงไปยังด้านล่าง ใต้ถุนมีแคร่ไม้ไผ่วางอยู่ ตรงนั้นมีคนนั่ง หญิงสาวมองแผ่นหลังแขกของยายไร้ความรู้สึก
“คม นี่ไงหลานสาวยาย ชื่อตอง นี่ตองรู้จักไอ้คมไว้ซะสิ แต่แกควรเรียกลุงคม เพราะไอ้คมมันเป็นรุ่นพี่อายุมากกว่าแม่แก” ยายพูดซะยืดยาวไม่ทันได้สังเกตสายตา และความรู้สึกของตอง ตอนเห็นหน้าลุงคม ร่างกายตองแข็งทื่อ ไม่ต่างกับตอนโดนลุงคนนี้กอด หนวดเคราหน้าตา สีผิวแบบนี้ ใครบ้างจำไม่ได้
ยิ่งความหล่อคมสมชื่อลุงคม ทะลวงทะลุเคราสวยออกมา ทำให้ตองอ้าปากค้างในรอบหลายครั้งไม่กี่นาทีตั้งแต่มาที่นี่ ตาค้างอ้าปากค้าง ร่างกายแข็งทื่อตั้งหลายที
“ตอง...เฉยอยู่ทำไม ไหว้ลุงคมซะสิ” ยายทองสุขรบเร้า เห็นหลานสาวยืนนิ่งไม่รู้จักยกมือไหว้ผู้ใหญ่ นี่นางเต็มไม่สอนลูกบ้างเลยหรือ ทำไมมือแข็งเป็นสากแบบนี้
“หวะ...หวัดดีค่ะลุง...คม” เส้นเสียงหญิงสาวติดขัด ซ้ำยังได้รับสายตาเขม่นจากยายทองสุข คิดว่าตองไม่มีสัมมาคาระ ทั้งหมดเป็นแบบนั้นซะที่ไหน
“ลุงคมเป็นเจ้าของสวนข้างๆ บ้านเรา ที่แกมุดรั้วไล่ตามหมานั่นแหละ”
“ค่ะ...ลุง...คม” ความคิดของตองเชื่อว่าคนเป็นลุงต้องแก่ๆ แถมอยู่บ้านนอกด้วย หน้าตาคงน่าเกลียด เนื้อตัวมอมแมมคล้ำสกปรก ติดเหล้าขาว เหม็นกลิ่นดินกลิ่นโคลน ที่ไหนได้ลุงคมที่อยู่ตรงหน้าทำลายกำแพงคำว่าลุงในความคิดตองจนพังทลาย
“ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ หนู...ตอง” เขาเน้นหนูตองอย่างน่าตบปาก “ลุงเป็นเพื่อนรุ่นพี่แม่ของหนูจ้ะ เต็มกับลุงรู้จักกัน เรียนโรงเรียน ประถมและมัธยมโรงเรียนเดียวกัน” เขามีความหลังยาวยืดกับเต็มแม่ของตอง
“อ๋อ...ค่ะ”
ที่สำคัญคมเป็นแฟนกับเต็ม ทุกคนในหมู่บ้าน รวมไปถึงในโรงเรียน ต่างรู้กันทั้งสิ้น ว่าเขากับเต็มเป็นแฟนกัน หากแต่เมื่อเต็มไปเรียนกรุงเทพ สังคมเต็มจึงเปลี่ยนไป แทบไม่เคยกลับมาเยี่ยมบ้าน เขาเฝ้ารอเต็มอย่างมีความหวัง เต็มขาดการติดต่อกับเขาทุกอย่าง
ต่อให้เขาพยายามไล่ตามเต็มอย่างไร กลับไม่เคยทัน ทีแรกตั้งใจเข้าไปตามหาเต็มที่กรุงเทพ ถ้าไม่ประสบกับพ่อป่วยหนัก จนต้องเข้าไปนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล ป่านนี้เขาคงได้ตามเต็มไปอยู่กรุงเทพ
ยิ่งนานวันเขากับเต็มยิ่งห่างไกลกัน เมื่อเต็มแต่งงาน ท่ามกลางความเสียใจของเขา เต็มไม่เหลือความรู้สึกให้กับเขา ตั้งแต่ไปเรียนต่อที่กรุงเทพ
เหตุการณ์นั้นผ่านมายี่สิบกว่าปี ผู้หญิงตรงหน้านี้คือทายาทของอดีตคนรักที่เขารักมาก ดูมุมไหน มองด้านไหน ตองก็เหมือนเต็มราวกับสำเนาถูกต้องทุกกระเบียดนิ้ว
“เต็มมีลูกคนเดียวหรือยายทองสุข”
“มีสามคน คนโตกับคนรองเป็นผู้ชาย นางตองคนเล็ก เพิ่งเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง”
“อ๋อครับ”
“เออ...ไอ้คมสวนเอ็งมีสมุนไพรทาแผลไหม นางตองสิโดนลวดหนามสวนเอ็งเกี่ยวเอา”
“มีจ้ะเดี๋ยวฉันไปเอามาให้”