หนามรักลุงคมxลุงนายของหนู

80.0K · จบแล้ว
พิมพ์ชนก
40
บท
20.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

หนามรักลุงคม ช่วยไม่ได้ถ้าเขาจะเอาความแค้นมาลงที่ตอง สาวน้อยผู้ไร้เดียงสา เพราะคนเป็นแม่ได้ทำร้ายหัวใจเขาแสนสาหัส การจากไปของหล่อน สร้างรอยแผลไว้กับเขาอย่างไม่อาจรักษาหายขาด นับจากนี้ตัวแทนของคนรักเก่า จะต้องได้รับรู้ถึงความทรมานจากรสสวาทที่เขาประเคนให้ โดยไม่รู้ซึ้งความรักใดๆ จากเขา แม้แต่เศษเสี้ยวลุงนายของหนูรักแท้รักษาภูมิแพ้ได้จริงๆ หรือ งั้นลองถามลุงนายด้วยเสียงกระเส่าๆ บนเตียงดูสิจะหายไหม น่าจะหายนะ หายใจไม่ทันต่างหากล่ะ

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันสัญญาทางรักโตมาด้วยโรแมนติก

ตอน 1 หนามรักลุงคม

“แม่จะให้ตองอยู่แบบนี้จริงๆ หรือคะ ประเทศอะไรเนี่ย” ลูกสาวโวยวายที่ถูกพาออกมาจากเมืองหลวง เมืองที่มีทุกอย่างสวยงาม เพื่อนฝูง และงานปาร์ตี้สุดแสนคึกครื้น ประเทศที่เงียบเชียบแบบนี้อยู่กันเข้าไปได้อย่างไร ไวไฟมีเปล่าก็ไม่รู้ เคเบิ้ล โรงหนัง ห้างฯ โอ๊ยย อีตองอยากตาย

“จังหวัดอุดร ไม่ใช่ประเทศ” แม่ประชดลูกสาว

“เออ...นั่นแหละแม่” บ้านยายเมื่อวัยเด็กตัวเล็กๆ ไม่รู้ประสามันคือใช่สำหรับตอง หากแต่เมื่อโตเต็มวัยตองไม่เคยอยากมาบ้านยาย ถ้าแม่ไม่บังคับอย่างเช่นตอนนี้ ตองไม่มีวัน เดินทางมาเหยียบ แดดแรง ฝุ่นเยอะ ไม่มีอะไรเรียกว่าความโสภา

“เราอยู่กรุงเทพเอาแต่นั่งจ้องหน้าจอ ติดเกม ติดปาร์ตี้ ติดเพื่อน ออกมาอยู่บ้านนอกคอกนาแบบนนี้ จะได้สูดอากาศดีบริสุทธิ์ กลับไปเรียนหัวสมองดีๆ แม่คิดมาแล้วน่าคือดี” แบบนี้ทุกทีคุณนายเต็ม อะไรก็ ‘คือดี’ เสมอ เป็นคำพูดติดปาก คุณนายท่านนายพลอนุสรณ์จัดแจงให้ลูกทุกอย่าง ขนาดนี้ลูกยังไม่ได้ดั่งใจนาง

รถยนต์หรูแล่นไปจอดหน้าบ้านกึ่งปูนกึ่งไม้หลังหนึ่ง รั้วรอบบ้านเป็นรั้วลวดหนามง่ายๆ ป้องกันวัวควายหมาแมวเท่านั้น ประหนึ่งเพื่อแบ่งเขตแดนกับบ้านข้างๆ บ้านยายหลังใหญ่โต แต่ถึงอย่างไรในความรู้สึกตองก็คือชนบท ห่างไกลแสงสีแบบที่เธอชอบ

“มาแล้วหรือเต็ม” ยายทองสุขยิ้มแป้นก้าวออกมาต้อนรับลูกสาวกับหลานสาว ผู้ได้รับข่าวจะมาเยี่ยมยาย รวมทั้งเต็มจะฝากหลานสาวให้อยู่กับยายเป็นการชั่วคราว

เต็มไม่ได้มาพร้อมกับสามีหล่อนขับรถเช่าจากสนามบินมาเองกับลูกสาวคนสวย การกล่อมตองมาอยู่พักผ่อนบ้านยายไม่ใช่เรื่องง่าย จึงใช้เงินล่อหากอยู่ได้จนเปิดเทอม จะให้เงินต้อนรับเปิดเทอมห้าหมื่นบาท ในเมื่อหว่านล้อมทุกวิธีแล้วไม่ผล จึงต้องใช้เงินเท่าที่เต็มพอคิดได้ เต็มไม่ชอบให้ลูกสาวอยู่กับกลุ่มเพื่อนมากเกินไป หล่อนไม่มีเวลาเลี้ยงต้องทำงาน ออกงานกับสามี เรียกได้ว่าเลี้ยงลูกด้วยเงินย่อมไม่ผิด

หล่อนโตมากับสังคมต่างจังหวัดหล่อหลอมให้เป็นคนดี รู้จักทำมาหากิน จนได้พบกับสามีเป็นทหารตอนนี้ยศใหญ่โตเป็นถึงนายพล ด้วยความมีงานเยอะ ต้องออกงานกันอยู่ประจำไปต่างจังหวัดบ้าง สโมสรโน่นนี้บ้าง จึงทำให้บกพร่องการทำหน้าที่แม่ ลูกสาวอย่างตอง จึงหันไปพึ่งพาเพื่อนฝูงมากกว่าอยู่ติดบ้าน นี่ก็ยึดกุญแจรถ อายัดบัตรเครดิต ให้ใช้แค่เงินในบัญชีเท่านั้น

“แม่สวัสดีค่ะ ตองสวัสดียายสิ” เต็มหันไปทำเสียงดุใส่ลูกสาว ทำเป็นมือแข็งไม่ยอมไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่

“หวัดดีค่ะยาย บ้านยายไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ” ตองพุ่มมือไหว้ยายไปงั้นๆ แถมเหน็บท้ายประโยค แบบไม่เห็นหัวผู้ใหญ่ คล้ายเด็กขาดการอบรม

“ไม่เปลี่ยนยังไง ดูสินี่บ้านใหม่นะ แม่หนูปลูกให้ยายใหม่ไง” ยายทองสุขกล่าว บ้านหลังเก่าเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง ตามแบบโบราณพอรื้อลงมาปลูกใหม่ทีแรกลูกสาวอยากให้เป็นรูปแบบทันสมัย ไม่เอาล่ะเสียดายไม้ยังดีๆ ขอสร้างผสมดีกว่า ยังคงไม้ไว้ด้านบน ส่วนด้านล่างก่ออิฐปูนพอรับไหว ยังไงยายทองสุขยังชอบบ้านไม้ มันให้ความรู้สึกคลาสสิก เป็นยุคของแกดี

“ตองหมายถึงบรรยากาศ บ้านนอกยังไงก็ยังงั้น” ตองเบะปากประกอบอารมณ์กับคำพูด

“บ้านนอกก็แบบนี้แหละตอง เอาอะไรมาก ยายชอบนะ ความเจริญเข้าไม่ถึง ยายเบื่อความวุ่นวาย” ก็ยายทองสุขเป็นคนบ้านนอกไม่เคยไปสัมผัสเมืองกรุง ยกเว้นงานแต่งงานเต็ม ไปตอนนั้นแค่หนึ่งสัปดาห์ เต็มพาแม่เที่ยวกรุง ส่วนยายทองสุขร่ำร้องอยากกลับบ้านท่าเดียว เป็นห่วงหมาแมว ไก่ ผัก หญ้าที่ปลูกไว้

“เงียบตายชัก” ตองบ่นอุบอิบ

“เงียบก็มีทีวี มีไก่ มีเป็ดร้องให้ฟัง” นั่นคือความคิดของยาย ดนตรีมโหรีของยายคือ เสียงสัตว์ที่แกเลี้ยงไว้ร้องประสานกัน มันก็จริงของแบบนี้ไม่เข้ากับเด็กรุ่นใหม่

“โอ๊ยยย ของแบบนั้น มันจะสู้เพลงตี๊ดๆ ได้ไงล่ะยาย” ช่องว่างระหว่างยายกับตองมีมากกว่าเต็มคิด หากว่าเต็มไม่มีเวลาดูลูก จำเป็นให้ออกมาชมโลกอีกแง่มุมหนึ่ง ซึ่งห่างไกลความเจริญ

“ตอง...อย่าก้าวร้าวพอซะที” เต็มปรามลูกไม่จริงจัง หล่อนไม่เด็ดขาดเหมือนสามี เสียงดังพูดเยอะลูกไม่กลัว

“ไปดูห้องดูหับสิตอง” ยายทองสุขหาทางออกให้แม่ลูก ถ้าแกไม่แน่จริงคงไม่เลี้ยงเต็มมาจนโตป่านนี้ เมื่อก่อนเต็มใช่ย่อยซะทีไหน

“ไม่เห็นอยากดู” ห้องนอนโทรมๆ ไม่นุ่มหอมฟุ้งเหมือนที่บ้านกรุงเทพ ตองรังเกียจความเป็นบ้านนอกทุกอย่าง เบะปาก หลิ่วตา ดูแคลนบ้านยาย ก็แค่อากาศดี ทำไมล่ะขาดความทันสมัยมันก็ไม่เร้าใจหรอก

“ตอง !” เต็มหันไปปรามลูก “ยังไงที่นี่ก็บ้านเกิดแม่นะ”

“คร้าๆๆ แม่” ฝ่ายลูกตัดรำคาญ ลุกเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน “บรรยากาศเหมือนบ้านผีสิง” บ้านนี้ยายอยู่ลำพัง มีบ้านน้ากับป้า ถัดไปอีกหลัง ไม่ค่อยข้องเกี่ยวกันเท่าไร ป้า กับน้าทำงานในตัวอำเภอต่างเป็นสาวโสด ป้าหม้าย น้าสาวแก่โสดค้างบ้าน

ป้าเป็นพยาบาลโรงพยาบาลประจำอำเภอ ส่วนน้าสาวเป็นครูประจำโรงเรียนในอำเภอเดียวกัน ปลูกบ้านไม่ห่างกับบ้านยายมาก เหมือนวังแม่หม้าย ไม่มีผู้ชายแผ้วพาน

สาวน้อยหนีกรุงนำกระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้อง ก็แค่โยนๆ ไม่ได้ใส่ใจเก็บ ย้อนกลับลงมาด้านล่าง เพื่อกล่าวลาแม่ แม่มาส่งไม่ค้างประเดี๋ยวจะกลับ ขับรถไปคืนร้านเช่ารถตรงสนามบิน จากนั้นขึ้นเครื่องกลับ ยายขอให้นอนค้างสักคืนเต็มอ้างมีงาน ต้องรีบกลับยายจึงไม่รบเร้า

“อย่าดื้อกับยายนะตอง” สั่งลูกสาวก่อนก้าวขึ้นรถ

“รู้แล้วแม่สั่งเป็นครั้งที่ร้อยแล้วเนี่ย” เสียงรับปากแม่ไม่เต็มใจ ทั้งรำคาญที่แม่พูดวกวน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนมีสมองทำไมต้องพูดหลายที ที่สำคัญห้ามลืมข้อตกลงเงินห้าหมื่นก็แล้วกัน

“มาสิแม่กอดหน่อย” เต็มรักและเป็นห่วงลูกสาวมาก ถ้าไม่ทำแบบนี้ ตองก็อยู่แต่กับกลุ่มเพื่อนกลัวเสียคน อยากใช้ธรรมชาติบำบัดนิสัยลูก จำเป็นต้องทำแบบนี้

สองแม่ลูกร่ำลากันเต็มก้าวขึ้นรถ ส่วนตองส่งสายตาเศร้าสร้อยไปทางแม่ มองดูรถเช่าที่แม่ขับเคลื่อนจากไปตามถนนเลี้ยวไปจนลับตา

“แม่ไปแล้ว ตองจะเข้าสวนกับยายไหม”

“ก็ดีเหมือนกันค่ะ” ตอบไปงั้นๆ ไม่ได้ใส่ใจ เข้าสวนในความหมายตอง คือสวนย่อมสวนพักผ่อนหย่อนใจ

“งั้นก็ตามมา” ยายหยิบหมวกสานปีกกว้างสวมลงบนศีรษะหลานสาว ตองเดินตามยายด้วยความซังกระตาย เธอต้องอยู่กับอะไรแบบนี้นานสองเกือบสามเดือน ตามข้อตกลงกับทางบ้านไม่อย่างนั้นจะถูกตัดทุกอย่าง ตอนนี้ก็โดนตัดบัตรเครดิต ใช้เงินจำกัดเดือนละไม่กี่พัน ถ้าไม่ทำตามคำสั่ง อดทุกอย่าง

ตองผิดหวังมาก คิดว่ายายจะไปนั่งพักผ่อนในสวน ที่ได้ไปปลูกผักพรวนดิน ตองจึงไม่ยอมหยิบจับอะไร นอกจากนั่งอยู่ในร่มดูเฉยๆ นอกจากนั่งเล่นเกลือกกลิ้งอยู่บนเสื่อ มองดูต้นไม้ ผัก หญ้า เอาแต่ถอนหายใจเบื่อเซ็งวนๆ ไป

“ยายคะยาย”

“ว่าไงตอง”

“สวนข้างๆ นี้ของใคร ทำไมต้นไม้ครึ้มรกจัง”

“สวนของไอ้คมมัน มันปลูกพืชแบบไร่นาสวนผสม ที่ของมันเลยมีทุกอย่าง มันใจดีเก็บผลไม้ เก็บผักก็เอามาฝากยาย ปลา ไก่ ไข่ไก่ ยายไม่ต้องซื้อหรอกได้จากสวนไอ้คมนั่นแหละ”

“ล้อมลวดหนามซะหนาแน่นเลยนะยาย” เจ้าของน่าจะเป็นคนหวงเขตแดน

“มีคนขโมยของในสวนมันสิ มันเลยต้องล้อม ว่าไม่ได้คนสมัยนี้มือไวใจเร็ว ไม่ปลูกไม่ทำ เอาแต่จะฉกของคนอื่น” ยายทองสุขใช้ภาษาแบบบ้านกูมึง มัน เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับแก

สาวน้อยนึกภาพไม่ออกว่าไอ้คมของยายหน้าตาเป็นแบบไหน เชื่อว่าคงแก่ๆ ตามประสาคนบ้านนอกบ้านนา ทำไร่ทำสวน ไม่น่าสนใจไม่สมควรใส่ใจ

จังหวะกำลังคุยกันกับยายทองสุข หมาน้อยสีน้ำตาลขนสั้นหากแต่เป็นลูกสุนัขพันธุ์ฝรั่งน่าจะเป็นแลบราดอร์รีทริฟเวอร์

“ไง...เจ้าหนูน้อย มายังไงเนี่ย” สาวน้อยเรียกเจ้าตัวปุกปุยน่ารักเข้ามาหา มันแลบลิ้นแก่วงหางเป็นมิตร ตองยกมือลูบหัวลูบหลัง มันก็ยิ่งคลอเคลียร์ “ชื่ออะไรน่ะหนูน้อย” พอถามชื่อ เจ้าหนูน้อยอวบอ้วน วิ่งกระดิกหางลอดรั้วหนีหนูตองไป