4.เรื่องเล่า
“ดาลีลูกรัก แม่มีบางอย่างอยากจะสารภาพกับลูก ที่จริงแล้วพ่อของลูกยังไม่ตาย เขากลับมาหาแม่และบอกให้แม่กลับไปหาเขา..”
เนื้อความในจดหมายมีแค่นี้ แค่นี้จริงๆ เธอแปลกใจตั้งแต่จดหมายสุดท้ายที่ท่านแม่ส่งไปหาเธอแล้ว แม่รักเธอมากขนาดไหนเรื่องนั้นเธอรู้ดีมากกว่าใคร แต่อยู่ๆ กลับบอกให้เธอไม่ต้องส่งจดหมายกลับไปหามันเป็นไปได้อย่างนั้นหรือ
แถมเนื้อความในจดหมายนี้ก็แสนจะสั้น ตามที่ท่านเอเดริคบอกกล่าว เขามีจดหมายอีก3ฉบับที่จะมอบให้เธอ นั่นหมายความว่าเขาจะต้องแอบอ่านเนื้อความในจดหมายนี้แล้วอย่างแน่นอน อาจจะอ่านมันด้วยการใช้เทียนในการส่องเพื่อดูเนื้อหาด้านใน บางอย่างกำลังบอกกล่าวเธอในใจว่าการตายของท่านแม่มันต้องมีเงื่อนงำอย่างแน่นอน และท่านแม่จะต้องล่วงรู้ว่าตัวเองตกอยู่ในอันตรายเพราะแบบนั้นท่านถึงได้พยายามจะกันเธอออกมา
เธอไม่อยากถูกใช้เป็นเครื่องมือให้กับท่านเอเดริค แต่มันดูเหมือนจะไม่มีหนทางให้เธอได้เดินแล้ว หากอยากรู้เรื่องของท่านแม่ก็จะต้องยินยอมเป็นมือเป็นเท้าให้เขา แฝงตัวเข้าไปในคฤหาสน์วิลเฮร์ม เพื่อไปตามสืบเรื่องของพันตรีเอกอน
อาดาลีนั่งคิดอยู่ค่อนวัน ฟ้ายังไม่มืดเลยด้วยซ้ำ รถเครื่องยนต์สีดำก็แล่นเข้ามาจอดที่ด้านหน้าบ้านหลังนี้พร้อมกับ คุณชายเอเดริคที่เดินลงมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอยังคงไม่ชินกับภาพลักษณ์ที่แสนสมบูรณ์แบบของเขาเลย ผมสีทองที่ถูกหวีเอาไว้อย่างเรียบร้อยและชุดเครื่องแบบทหารที่ดูเป็นทางการแบบสุดๆ
“ฉันมาเอา..คำตอบน่ะ”
เธอละสายตาจากใบหน้าของเขาไปมองทางอื่น
“นาน..แค่ไหนกันคะ ฉันหมายถึงระยะเวลาในการแฝงตัวเข้าไป กี่เดือนหรือว่ากี่ปี..”
เธอต้องการสอบถามถึงจุดสิ้นสุดในการทำงานระหว่างเขาและเธอ
“เรื่องนั้นข้าเองตอบไม่ได้เหมือนกัน ระยะเวลาก็จนกว่าข้าจะแน่ใจกับเรื่องราวบางอย่าง..”
แล้วมันนานแค่ไหนกันละโว้ย!!
“ข้าจะถือว่าเจ้าตอบตกลงแล้วนะ นี่เป็นชื่อและเรื่องราวเกี่ยวกับ มารี ฮาสนา ตัวตนใหม่ของเจ้า”
ไวกว่าความคิดเขาก็ส่งเอกสารมากมายมาให้เธอจดจำ เรื่องราวเกี่ยวกับเลดี้ตกอับ มารี ฮาสนา บุตรีของท่านเคาน์ฮาสนาที่หมดตัว เธอคือสตรีที่เก่งกาจและเรียนดีแต่กลับมีบิดาที่บ้าการพนัน นั่นทำให้ตระกูลฮาสนาต้องล่มสลาย และมารีจำเป็นที่จะต้องหางานทำเพื่อชดใช้หนี้สินที่บิดาเป็นคนก่อ
“อย่าคิดว่ากำลังโกหก แต่จะต้องคิดว่านี่คือเรื่องราวของเจ้าจริงๆ เจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่นานถึง13ปี ไม่มีใครรู้จักใบหน้าของอาดาลี ลิฟตันหรอก ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลแค่ทำตัวเหมือนกับว่าเจ้าคือมารีจริงๆ จดจำเรื่องราวของมารีเข้าไปให้ลึกถึงจิตวิญญาณ หลังจากนั้นก็จัดการหลอกตัวเองก่อน เพราะก่อนที่จะหลอกคนอื่นได้ แน่นอนว่าเจ้าจะต้องหลอกตัวเองก่อน..ต้องเชื่อก่อนว่าเจ้าคือมารี”
ฟังดูไม่ง่ายเหมือนกัน เพราะการผิดพลาดหรือแม้กระทั่งการถูกจับได้ว่าตัวเองคือสายลับ มันหมายถึงว่าเธอจะต้องตาย..
“ฉันจะพยายามค่ะท่าน ขอบคุณในความเมตตา..”
ดวงตาสีอัญมณีของเอเดริคกำลังมองท่าทีตั้งอกตั้งใจของอาดาลี เขารู้ว่าเธอไม่มีใคร ไม่มีคนรักหรือแม้กระทั่งไม่มีคนรู้ใจ เธอปฏิเสธชนชั้นสูงที่เข้าหาด้วยความชาญฉลาด นั่นยิ่งตอกย้ำว่าเธอจะสามารถทำให้เอกอนหลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้นเพราะการปฏิเสธที่แสนเฉลียวฉลาดของเธอ..
“เช่นนั้นข้าจะเล่านิทานให้เจ้าฟังสักเรื่อง..มันอาจจะฟังดูน่าเหลือเชื่อแต่ว่านี่คืองานของเจ้าล่ะอาดาลี..”
เมื่อนานมาแล้วก่อนที่จะเกิดการปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่ ความคิดเห็นของเหล่าทหารและขุนนางมากมายไม่ค่อยจะลงรอยกันเท่าไหร่นัก บางฝ่ายเข้าข้างราชวงศ์แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับเข้าข้างพวกชาวเมือง พวกเขาต้องการให้ล้มล้างราชวงศ์เพื่อที่ทหารจะได้มีอำนาจมากที่สุด แต่แล้วก็มีการยุติความขัดแย้งนั้นด้วยการแต่งงานเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ การแต่งงานระหว่างไอฟอนเซ่ และ วิลเฮร์ม
ตระกูลไอฟอนเซ่นั้นคือสายเลือดโดยตรงของราชวงศ์และพวกเรามีพลังพิเศษที่ถูกเก็บเป็นความลับมาตลอด เลือดของไอฟอนเซ่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยได้ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่ามันคือยาอายุวัฒนะ ผู้ใดที่ดื่มเลือดของไอฟอนเซ่เข้าไปจะหายป่วย อายุยืนยาวและแข็งแรง นั่นทำให้ตระกูลไอฟอนเซ่ต้องงำเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับเพื่อความปลอดภัยของคนในตระกูล
การแต่งงานระหว่างเคาน์วิลเฮร์ม นามว่าลุควิคและน้องสาวขององค์จักรพรรดินามว่าเจเนวี เนื่องจากเป็นการแต่งงานทางการเมืองเพื่อจับมือกันปกป้องราชวงศ์ และล้มล้างพวกชาวเมืองที่คิดปฏิวัติ ระหว่างบุรุษและสตรีที่สวมชุดแต่งงานจึงไม่มีความรักต่อกันเลย แต่ทว่าหลังจากการแต่งงานก็มีข่าวลือถึงรสนิยมที่แปลกประหลาดของท่านเคาน์ ว่าท่านเปิดโอกาสให้ชนชั้นสูงมากมายเข้ามาชมตัวเองและภรรยาร่วมรักกัน หรือบางครั้งก็มีการเปิดโอกาสให้บุรุษพวกนั้นเข้าร่วมการทำรักที่แสนโจ่งแจ้งนั้นด้วย เมื่อข่าวลือนั้นดังขึ้นมา ทางไอฟอนเซ่ก็ไม่อยู่เฉย ดัชเชสแบนีลน้องสาวของเจเนวีทำเรื่องของเข้าพบพี่สาวในทันที แน่นอนว่าเพราะอำนาจของพระราชวังทำให้ตระกูลวิลเฮร์มปฏิเสธคำขอเข้าพบของดัชเชสไม่ได้ และสิ่งที่ดัชเชสแบนีลเห็น นั่นคือพี่สาวที่อยู่ในสภาพตรอมใจ
บนร่างกายของนางมีรอยมีดมากมายที่กรีดเนื้อเถือหนังบางส่วนไป มีรอยฟันอยู่ตามลำคอและแขนขาราวกับว่านางถูกผู้คนกัดกินร่างกายและดื่มเลือดเป็นระยะเวลานานมากพอสมควร
“หากเจ้าพานางไป ข้าจะเปิดเผยความลับเรื่องเลือดที่แสนล้ำค่าของไอฟอนเซ่..คราวนี้ราชวงศ์จะต้องฉิบหายมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน"
คำกล่าวนั้นของท่านเคาน์มันเป็นคำขู่ที่ติดอยู่ในหัวใจของดัชเชสแบนีล เธอนำความเรื่องนั้นมาปรึกษากับองค์จักรพรรดิซึ่งเป็นพี่ชาย และสิ่งที่พระองค์ตอบกลับมาคือเราต้องสังหารพี่เจเนวีซะ ไม่อย่างนั้นหากความลับเปิดเผยออกมาจริงๆ เราทุกคนจะยากยิ่งกับการรักษาชีวิตเอาไว้
เธอทำได้แค่เงียบและไม่กล่าวคำออกมาอีกเลย ในระหว่างที่พี่ชายบอกว่าจะสังหารพี่สาว กลับมีข่าวการตั้งครรภ์ของพี่สาวเธอดังขึ้นมา
สวรรค์จะลงโทษพี่สาวของเธอไปถึงไหนกัน? ทำไมถึงไม่ปล่อยให้ท่านพี่จากไปดีๆ กลับยังยื้อชีวิตของพี่สาวเอเอาไว้ทำไม?
ในฤดูหนาวที่เหน็บหนาวไปจนถึงชั้นกระดูก เจเนวีคลอดเด็กผู้หญิงออกมา และเธอสิ้นใจไปหลังจากคลอดเด็กคนนั้น น่าแปลกยิ่งนัก ในวันที่เจเนวีสิ้นใจกลับไม่มีซากศพของเธอหลงเหลืออยู่เลย เลือดสักหยดก็ยังถูกผู้คนแย่งชิง เป็นสภาพการตายที่น่าสังเวชเกินกว่าที่จะรับไหว สุสานของเจเนวีคงจะเป็นสุสานเดียวที่มีเพียงป้ายชื่อแต่กลับไม่มีร่างของผู้เสียชีวิต