หนทางเอาตัวรอดของสายลับมือใหม่

60.0K · จบแล้ว
ฝากรักไว้ที่ปลายฟ้า
35
บท
3.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

คนหนึ่งใช้ฉันเป็นเครื่องมือส่วนอีกคนใช้ฉันเพื่อทำลายอีกฝ่าย แต่ฉันจะใช้ตัวเองเพื่อทำให้เขาทั้งสองคนให้ย่อยยับลงไป ให้พวกเขาหมอบกราบร้องขอความรักจากฉัน เหมือนในตอนที่ฉันอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากเขา

นิยายรักโรแมนติกโรแมนติกนิยายรักรักหวานๆ3P

1.กลับมาแล้ว

“ไม่ทราบว่าที่นั่งข้างๆ เลดี้ยังว่างอยู่ไหมครับ”

ฉันเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองที่นั่งข้างๆ ที่ยังว่างอยู่ของฉัน

“ขออภัยด้วยนะคะ ที่นั่งตรงนี้เป็นของเพื่อนฉันเอง เธอกำลังมาค่ะ..”

ชายผู้นั้นหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความเขินอาย ก่อนที่เขาจะเดินไปหาที่นั่งอื่นในรถไฟ ฉันพ่นลมหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย..การเรียนที่แสนยาวนานจบลงพร้อมกับการเดินทางกลับไปยังไอฟอนเซ่ ฉันเรียนจบมาด้วยการเป็นที่หนึ่งของชั้นเรียน เพื่อที่ท่านดัชเชสที่ส่งฉันเรียนจะได้ไม่เสียดายเงินมากมายที่ท่านส่งมาให้ฉัน

ฉันเติบโตมาในคฤหาสน์ที่แสนกว้างใหญ่และร่ำรวยของไอฟอนเซ่ แน่นอนว่าฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลที่แสนยิ่งใหญ่นั่น ฉันก็แค่โชคดีที่ได้รับความเอ็นดูจากท่านดัชเชสเพราะว่าท่านแม่ของฉันเป็นแม่นมของคุณชายเอเดริค ไอฟอนเซ่ ท่านแม่ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการเลี้ยงว่าที่ดยุคคนต่อไปของไอฟอนเซ่อย่างสุดกำลัง ท่านดัชเชสเองก็เห็นว่าท่านแม่คือข้ารับใช้ที่ภักดี เพราะอย่างนั้นท่านจึงส่งฉันมาเรียนในอคาเด็มมี่จนจบ และในยามนี้ฉันกำลังจะกลับไปที่ไอฟอนเซ่เพื่อทำงานที่นั่น

รถไฟเคลื่อนตัวมาจอดเทียบที่ชานชาลา ฉันถือกระเป๋าหนังสีน้ำตาลเดินลงมาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ท่านแม่มิใช่สตรีที่งดงามมากเท่าไหร่นัก และฉันก็ไม่เคยเห็นท่านพ่อมาก่อน ท่านแม่กล่าวว่าท่านพ่อเสียไปตั้งแต่ที่ฉันยังเด็ก แต่ในช่วงเวลาที่ฉันอยู่ในอคาเด็มมี่ ใบหน้านี้ค่อนข้างเป็นปัญหามาทีเดียว การเข้าไปเรียนที่นั่นในฐานะของสามัญชนก็ใช้ชีวิตยากมาพอสมควรแล้ว ยิ่งฉันมีใบหน้าที่ค่อนข้างโดดเด่น เหล่าชนชั้นสูงที่เรียนที่นั่นต่างวุ่นวายมากทีเดียว บุรุษก็ยื่นข้อเสนอให้ฉันไปเพื่อคู่รักของพวกเขา ยื่นข้อเสนอจะให้เงินบ้าง ให้ทรัพย์สินบ้างล่ะ ส่วนสตรีก็พยายามหาทางกำจัดฉันออกไปจากที่นั่น กว่าจะมีชีวิตรอดจนเรียนจบมาจากนรกนั่นได้ ทำเอาฉันแทบจะเป็นบ้าไปเลยให้ตายเถอะ!

และเพราะใบหน้านี้ฉันถึงได้ต้องซื้อตั๋วรถไฟสองใบเพื่อไม่ให้มีใครมานั่งข้างๆ ตราบใดที่ฉันยังไม่สามารถพาแม่ออกมาจากไอฟอนเซ่ได้ ฉันจะยังไม่มีความรักอย่างเด็ดขาด

“ไปที่คฤหาสน์ไอฟอนเซ่ค่ะ”

ฉันเดินขึ้นรถม้า ก่อนจะส่งเหรียญเงินให้กับคนขับรถม้า บนถนนหนทางในยามนี้ไม่ได้มีแต่รถม้าแล้ว แต่มีรถที่มีเครื่องยนต์เคลื่อนตัวไปมาบนถนนเช่นเดียวกัน

ฉันนั่งบนรถม้าได้ไม่นานก็มาถึงประตูทางเข้าของคฤหาสน์

“ให้ผมเข้าไปส่งด้านในไหมครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ จอดตรงนี้ก็พอแล้ว”

ฉันเดินลงจากรถม้าพร้อมกับถือกระเป๋าเดินเข้าไปด้านใน ฉันเงยหน้าขึ้นมองคฤหาสน์สีงาช้างที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางสวนดอกไม้

13 ปีแล้วสินะ 13ปีที่ฉันไม่ได้กลับมาที่นี่ เป็น13ปีที่ฉันไม่ได้พบเจอท่านแม่เลย เราสองแม่ลูกทำได้แค่เพียงเขียนจดหมายหากันเท่านั้น และในปีที่แล้วท่านแม่กลับเขียนจดหมายมาหาฉันว่าไม่ให้ฉันส่งจดหมายไปหาท่านแม่อีก เอาไว้ค่อยมาพบเจอกันวันที่ฉันเรียนจบ เพราะแบบนั้นฉันถึงได้ตั้งหน้าตั้งตาเรียนให้จบเร็วมากกว่าคนอื่นๆ

แสงแดดยามสายในฤดูร้อนทำให้การเดินเข้าไปในคฤหาสน์ไอฟอนเซ่นั้นยากเย็นเต็มที ฉันจะต้องเดินผ่านสวนไปก่อน และในสวนมีทหารของไอฟอนเซ่กำลังฝึกฝนกันอย่างหนัก ทหารมากมายที่กำลังต่อสู้กันไปมา 

มีบุรุษผู้หนึ่งซึ่งโดดเด่นมากกว่าใครๆ เขายืนอยู่ที่ด้านหน้าของเหล่าทหารพวกนั้น เรือนผมสีทองสว่างถูกหวีและเซ็ตเอาไว้เป็นอย่างดี เครื่องแบบทหารสีน้ำเงินนั่นดูเหมาะกับเขาอย่างไม่น่าเชื่อ ดวงตาสีทับทิมที่ฉายแววเย็นชาและไม่สนใจสิ่งใดนั้นกำลังมองมาที่เธอ

ฉันก้มหน้าเล็กน้อย เพราะพอจะเดาออกได้ว่าชายผู้นั้นคือ คุณชายเอเดริคอย่างแน่นอน ครั้งสุดท้ายที่เราพบเจอกัน คือในตอนที่ฉันอายุ 8 ขวบ ส่วนเขา 10 ขวบ เขายังดูเป็นพี่ชายที่ใจดีและพาเธอเที่ยวเล่นในสวนด้านหลังคฤหาสน์ แต่ในยามนี้กลิ่นอายรอบตัวของเขาทำเอาเธอไม่คุ้นเคยเอาซะเลย อย่างว่า..เราไม่ได้พบเจอกันนานมากขนาดนั้น

ไม่มีแล้วเพื่อนในวัยเด็ก มีเพียงแค่ว่าที่ท่านดยุคและลูกสาวของคนรับใช้เท่านั้น

“.....”

เอเดริคปรายสายตาของเขามองที่สตรีชุดสีดำที่กำลังเดินเข้ามาในคฤหาสน์ เธอทอดสายตามองเขาด้วยแววตาที่ว่างเปล่าในขณะที่เขารู้สึกตื่นเต้นจนแทบจะเป็นบ้า

อาดาลี..กลับมาแล้ว สาวน้อยแสนน่ารักที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเอ่ยปากว่าอยากจะเป็นเจ้าสาวของเขา ในวัยเด็กเธอน่ารักและน่าเอ็นดูมากทีเดียว แต่ทว่าในยามนี้เธอเติบโตขึ้นมาอย่างงดงามจนเขาไม่สามารถละสายตาไปจากใบหน้านั้นได้เลย ดวงตาที่กลมโตนั่นทำให้เขาอยากจะทำให้มันหลั่งน้ำตาออกมาสักครั้ง ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อขบเม้มไปมาสร้างความรู้สึกมากมากมายให้เขา เขาอยากจะทำให้ริมฝีปากเล็กๆ นั่นส่งเสียงร้องครางออกมาสักครั้ง เธอสวมชุดเดรสรัดรูปที่ปิดมิดจนมองไม่เห็นผิวกายเลย ทั้งเสื้อที่แขนยาวและคอเสื้อที่ยกสูงขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับมองว่าเรือนร่างของเธอดูน่าค้นหามากทีเดียว

อาดาลีกลับมาแล้ว..สตรีที่เขารอคอยเธอมาทั้งชีวิตกลับมาหาเขาแล้วสินะ

เมื่อทหารที่กำลังฝึกมองเห็นสายตาที่เปลี่ยนไปของท่านร้อยเอก พวกเขาก็มองตามสายตาของเจ้านายไป และสิ่งที่ปรากฏต่อสายตาของพวกเขาคือหญิงงามที่ทำให้ดอกไม้ในสวนพลันหม่นหมอง

พระเจ้าช่วยสตรีงดงามท่านนี้คือใครกัน?

“ฝึกต่อสิ อยากจะวิ่งรอบสนามอีกสิบรอบอย่างนั้นหรือ?”

เอเดริคไม่ชอบใจสายตาของทหารพวกนั้นเท่าไหร่นัก ถึงแม้ว่าเขาจะอยากเดินเข้าไปหาและพูดคุยกับอาดาลี และสิ่งที่เขาทำได้กลับเป็นการเมินเฉยต่อเธอเท่านั้น

ท่านแม่คงจะไม่พอใจเท่าไหร่นัก หากว่าเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาชื่นชมอาดาลี เพราะครั้งที่แล้วที่เขาเอ่ยว่าเขาต้องการให้เธอย้ายมาอยู่ที่เรือนหลักกับเขา ท่านแม่ถึงกับส่งเธอไปเรียนที่อคาเด็มมี่ยาวนานถึง13ปี และมีคำสั่งอย่างชัดเจนไม่ให้อาดาลี กลับมาที่นี่จนกว่าจะเรียนจบ..

แต่เธอกลับมาแล้ว และกลับมาในช่วงเวลาที่เขากำลังจะได้แต่งตั้งเป็นท่านดยุคแล้วด้วย ดูเหมือนว่าครั้งนี้ฟ้าจะเข้าข้างเขามากกว่าท่านแม่นะ

ดัชเชสแบนีลมองหน้าของเด็กสาวที่เธอส่งไปเรียนที่อคาเด็มมี่ของชนชั้นสูง เธออุตส่าห์เลือกอคาเด็มมี่ที่มีแต่พวกชนชั้นสูงไปเรียน เพื่อสั่งสอนให้เด็กคนนี้รู้จุดยืนของตัวเอง เธอไม่คิดว่านางจะสามารถเรียนจบและคว้าที่หนึ่งของรุ่นมาได้ด้วยซ้ำ

“เก่งมากเลยนี่อาดาลี..”

“ขอบคุณค่ะท่านดัชเชส ข้าไปพบท่านแม่ได้ไหมคะ ไม่ทราบว่าท่านแม่ของข้าอยู่ที่ไหน”

ดัชเชสแบนีลกระตุกยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก

“ช่างน่าเศร้าอาดาลี แม่ของเจ้าเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว..นางฝากฝังไม่ให้ข้าบอกเจ้าเพราะกลัวว่าเจ้าจะเรียนไม่จบ ข้าไม่อยากจะปิดบังเจ้าหรอกนะ แต่ว่า..นั่นคือคำสั่งเสียของแม่เจ้านี่..”