2.ยินดีต้อนรับ
“เพราะว่าแม่ของเจ้าคือสาวใช้ที่ภักดีกับข้ามาเป็นเวลานาน เพราะแบบนั้นข้าก็เลยฝังนางเอาไว้ที่สุสานของตระกูลไอฟอนเซ่..”
อาดาลีทรุดลงต่อหน้าหลุมศพที่มีชื่อของท่านแม่เขียนเอาไว้
“อากาธา ลิฟตัน”
เธอเอื้อมมือไปจับที่ป้ายหลุมฝังศพก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน มีหรือคำสั่งเสียของท่านแม่จะบอกเอาไว้ว่าไม่ให้ใครไปบอกเธอ การจากลาครั้งสุดท้ายของเราทั้งสองคนคือการที่ท่านแม่ส่งเธอขึ้นรถม้าด้วยน้ำตาในตอนที่เธอต้องไปเรียนที่อคาเด็มมี่อย่างนั้นหรือ?
13ปีที่ไม่ได้พบหน้า และพอเธอกลับมาท่านแม่ก็ไม่อยู่แล้ว..ไอฟอนเซ่ทำแบบนี้กับเธอได้อย่างไรกัน?
ถึงแม้ว่าจะเสียใจแต่การร้องไห้ออกมามันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ท่านดัชเชสกล่าวออกมาอย่างชัดเจนว่าท่านไม่ต้องการให้เธอตอบแทนเรื่องที่ท่านส่งเสียค่าเล่าเรียนให้เธอ เพราะอย่างนั้นเธอไม่จำเป็นที่จะต้องมาทำงานเป็นสาวใช้ในคฤหาสน์
เธอเองก็ไม่อยากจะอยู่ที่นี่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะอยากหาเบาะแสการตายของท่านแม่ แต่เธอไม่อยากจะอยู่ในคฤหาสน์ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดนี้เลย
เธอถือกระเป๋าขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะใช้หลังมือเช็ดน้ำตาเพื่อจะเดินออกไปจากที่นี่
“เดี๋ยวสิ..ไอฟอนเซ่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าอยากมาก็มาอยากไปก็ไปหรอกนะ...”
ฉันก้มหน้าลงเล็กน้อย ฉันไม่รู้ว่าท่านชายเอเดริคมาอยู่ที่สุสานนี่ได้อย่างไรกัน รู้แค่ว่าฉันไม่อยากจะเจอหน้าเขาเลย
“มาทำงานให้ข้าสิ ที่กองทัพต้องการเจ้าหน้าที่มากมาย และฉข้าต้องการเจ้าทำงานเป็นสายลับให้นะอาดาลี..”
เธอเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขา
“ฉันโกหกไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ การเป็นสายลับไม่เหมาะกับฉันหรอกค่ะคุณชาย..”
เอเดริคเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเธอยังคงเรียกขานเขาว่าคุณชายเหมือนเมื่อ13ปีที่แล้ว ในคฤหาสน์แห่งนี้หรือแม้แต่ในค่ายทหาร ไม่มีใครเรียกเขาว่าคุณชายมานานมากแล้วสินะ
“ของแบบนั้นมันฝึกกันได้ อาดาลี..ข้ารู้ว่าเจ้าอยากจะรู้เบาะแสเกี่ยวกับการเสียชีวิตของอากาธา ข้าเองก็เหมือนกัน การตายของอากาธานั้นมันไม่ปกติ..แม่ของเจ้าสำคัญกับข้ามากเหมือนกันนะ”
เธอมองเขาด้วยสายตาที่ตกใจแต่ทว่ามันก็เปี่ยมไปด้วยความหวัง
“หมายความว่าอย่างไรกันคะคุณชาย ท่านแม่..อาจจะถูกฆาตกรรมอย่างนั้นหรือคะ”
เอเดริคพยักหน้า
“เราคุยเรื่องนี้ที่นี่กันไม่ได้ เจ้าไปพักที่นี่ก่อนเถอะ ไม่ต้องกังวลไปเพราะว่านี่คือสวัสดิการของทหารน่ะ หากว่าเจ้ายินยอมเป็นสายลับเจ้าก็คือทหารของไอฟอนเซ่คนหนึ่ง”
เขายื่นกระดาษที่เขียนแผนที่พร้อมกับกุญแจมาให้เธอ บอกตามตรงว่าอาดาลีไม่คุ้นเคยกับความสมบูรณ์แบบของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว แววตาของคุณชายไม่มีความเมตตาหรือว่าอ่อนโยนอย่างที่เคย เขามีเพียงสายตาของความเจ้าเล่ห์เท่านั้นที่กำลังทอดสายตามองดูเธอ และเธอไม่รู้ว่าเขากำลังหลอกลวงเธออยู่รึเปล่าเรื่องที่ว่าท่านแม่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ
แต่การคาดเดาของเธอมันไร้ประโยชน์ หากอยากรู้ก็มีแต่ต้องเดินเข้าไปในถ้ำเสือเท่านั้น เธอเองก็ไม่ได้โง่และไร้สมองถึงขนาดที่หากมีอันตรายจริงๆ เธอจะยอมให้เขาหลอกลวงเธอสักหน่อย
ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่สามารถฝ่าดงนรกของชนชั้นสูงที่อคาเด็มมี่มาได้หรอก
อาดาลีเดินออกจากคฤหาสน์ไอฟอนเซ่ เธอเดินไปตามแผนที่และก็พบกับบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์เท่าไหร่นัก เธอไขกุญแจเข้าไปก็พบเจอกับความสะอาดสะอ้านของบ้าน ที่ราวกับมีคนมีดูแลอยู่ตลอด
สิ่งที่ตั้งใจเอาไว้ไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจสักอย่างเลย เธอตั้งใจว่าจะกลับมารับท่านแม่ออกไปจากไอฟอนเซ่เพื่อพาท่านไปอยู่ด้วย หลังจากนั้นก็จะทำงานเพื่อใช้หนี้ของท่านดัชเชสเรื่องที่ท่านมีเมตตาส่งเสียเธอเรียนจนจบ
พอคิดเรื่องนี้น้ำตาก็พานจะไหลลงมาอีกรอบ เธอหลับตาลงช้าๆ แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงนอนด้วยท่าทีหมดแรง
...................
“อาดาลีกลับมาแล้วนี่ เจอเด็กนั่นรึยังเอริค”
เอเดริคยกแก้วน้ำชาขึ้นมาดื่ม เขาส่งยิ้มให้กับท่านแม่ก่อนจะวางแก้วน้ำชาลง
“เจอแล้วครับ”
แบนีลช้อนสายตามองหน้าลูกชายของเธอ
“เอริค จะเล่นสนุกแม่ก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่ตำแหน่งดัชเชสของไอฟอนเซ่จะต้องเป็นบุตรีของเคาน์กีเซลลาเท่านั้น อย่าลืมว่าลูกมีคู่หมั้นอยู่แล้ว..และแม่ไม่ยอมให้เด็กคนนั้นมาทำให้แผนการของแม่ผิดพลาดหรอกนะ”
เธอกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดราวกับว่านั่นคือคำสั่งที่เอเดริคต้องทำตาม
“ท่านแม่ครับ..ผมกำลังจะได้ขึ้นเป็น ดยุคแห่งไอฟอนเซ่ คำสั่งของท่าน ท่านคิดว่าผมต้องกลัวเหมือนกับในตอนที่ผมอายุ10ขวบอย่างนั้นหรือ หากว่าท่านแม่อยากได้ไฮดี้มาเป็นลูกสะใภ้นักหนา ท่านก็ไปแต่งงานกับนางเองสิครับ..”
ดัชเชสแบนีลเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เธอไม่คิดว่าเอเดริคจะต่อต้านเธอเพราะนังเด็กคนนั้น
“เอริค นี่ลูกกำลังจะบอกแม่ว่าลูกจะเลือกอาดาลีมากกว่าแม่อย่างนั้นหรือ”
เขารินน้ำชาใส่ถ้วยก่อนจะยกขึ้นมาดื่มอีกครั้ง
“ผมไม่ได้เลือกสตรีผู้นั้นมากกว่าท่านแม่ แต่ผมกำลังบอกท่านว่า..ผมไม่ใช่เด็กที่จะเชื่อฟังคำสั่งของท่านอีกแล้วครับ ผมทำตามคำสั่งของท่านแม่มามากพอแล้วเพราะอย่างนั้น..จากนี้ไปอย่าได้หวังว่าท่านจะสั่งอะไรผมได้อีก”
มันเป็นเพราะนังเด็กนั่นจริงๆ ด้วยสินะ เพราะนังอาดาลีเพียงคนเดียวถึงทำให้ลูกชายที่เคยเชื่อฟังคำสั่งของเธอมากกว่าใครกลับกลายเป็นลูกชายที่ไม่แยแสเธอเช่นนี้
“แม่เคยสั่งกีดกันนังเด็กนั่น และส่งมันไปที่อื่นยาวนานถึง13ปี ครั้งนี้ลูกคิดว่าแม่จะไม่สามารถส่งนังนั่นไปที่อื่นได้อีกอย่างนั้นหรือ?”
เอเดริคหัวเราะออกมาเบาๆ
“ท่านแม่ครับ ท่านคิดว่าข้าจะกลัวคำขู่นั่นจนตัวสั่นเหมือนกับครั้งที่ผ่านมาอย่างนั้นหรือ?”
เขากล่าวทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำชา เอเดริคเดินไปยังด้านหน้าคฤหาสน์ที่มีรถเครื่องยนต์คันสีดำจอดอยู่ เขาเปิดประตูรถก่อนจะขับมันออกไปจากคฤหาสน์ไอฟอนเซ่ด้วยใบหน้าที่ฉาบไปด้วยรอยยิ้ม
เธอเข้ามาอยู่ในกำมือของเขาแล้ว ไม่ว่าใครหน้าไหนก็เอาเธอไปจากเขาไม่ได้ทั้งนั้น การรอคอยที่แสนยาวนานจบลงแล้ว ในยามนี้เขาจะต้องมีความสุขกับการได้ดื่มด่ำรสชาติหวานล้ำจากการรอคอยสักที
ยินดีต้อนรับกลับมานะ..อาดาลี โชคชะตาได้ทำหน้าที่ส่งคืนเธอให้เขาแล้ว