บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 8 เพื่อนเก่าที่ไม่อยากนับเป็นเพื่อน

ปาริชาตินิ่งอึ้งไปชั่วครู่เมื่ออีกฝ่ายปฏิเสธไม่ยอมให้เธอเข้าไปด้านในลูกเดียว เธอจะเอายังไงต่อดีนะ ถ้าทำตามขั้นตอนแล้วเมื่อไรเธอถึงจะได้เจอเพื่อนของเธอล่ะ แล้วป่านนี้เจ้าชายจะทำอะไรเพื่อนของเธอบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ โอ๊ย! ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด

คิ้วเรียวของเจ้าหญิงฟารียาขมวดเข้าหากันเมื่อทรงทอดพระเนตรจากด้านในรถเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตูวัง เจ้าหญิงสาวกำลังจะออกไปผ่อนคลายอารมณ์ความโกรธและความแค้นจากสิ่งที่เจ้าชายวาคิมทำเอาไว้กับเธอด้วยการช้อปปิ้ง

“หยุดสิ!” ราชนิกูลหญิงสั่งคนขับรถเสียงแข็งเมื่อรถแล่นเข้ามาจอดที่หน้าประตูวัง

ทหารยามรีบเข้าไปโค้งให้เมื่อรู้ว่าใครอยู่ในรถคันนั้น

“เกิดอะไรขึ้น?” เจ้าหญิงฟารียาเปิดกระจกรถลงมานิดหนึ่งแล้วถามออกไป

“มีผู้หญิงคนหนึ่งมาขอเข้าเฝ้าเจ้าชายวาคิมขอรับ ท่าทางน่าจะเป็นเอ่อ....” ทหารยามผู้นั้นหยุดพูดแล้วรีบก้มหน้าต่ำลงทันทีที่เห็นแววเนตรที่ไม่พอใจของเจ้าหญิงพระองค์นี้

ฟารียาเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อคิดว่าผู้หญิงที่หน้าประตูวังคงจะเป็นผู้หญิงอีกคนของเจ้าชายหนุ่มที่เธอหลงรักอยู่ แววตาของพระองค์จึงเพ่งมองไปยังร่างบางที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูด้วยความอาฆาต แต่แล้วคิ้วเรียวก็ต้องขมวดเข้าหากันอีกครั้ง เมื่อเธอรู้สึกคุ้นตากับร่างบางนั้นมาก วรกายสมส่วนของเจ้าหญิงฟารียาจึงก้าวลงมาจากรถยนต์ส่วนพระองค์แล้วเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวที่ยืนอยู่ แล้วเมื่อสายตาของทั้งสองสาวสบกันสีหน้าของความแปลกใจก็เกิดขึ้นพร้อมกับเสียงอุทานที่ดังออกมาพร้อมกัน

“ปาริชาติ!”

“เจ้าหญิงฟารียา!”

แต่อาการแปลกใจของเจ้าหญิงสาวจะมีมากกว่า เมื่อเช้าก็เจอกับสร้อยสะบันงา พอตกเย็นก็มาเจอกับปาริชาติ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเพื่อนสมัยเรียนของเธอถึงมาที่นี่ทั้งคู่ คนแรกมาพร้อมกับคนที่เธอแอบหลงรัก ส่วนคนที่สองมากับใครล่ะ ความสงสัยบวกกับความไม่พอใจทำให้ใบหน้าสวยที่คลุมเอาไว้ด้วยผ้าป่านเนื้อบางเบาเชิดขึ้น

“เธอมาที่นี่ได้ยังไง? แล้วมาทำไม?” น้ำเสียงนั้นแข็งกระด้างพอๆกับแววตาที่ส่งไป

“เธออยู่ที่นี่เหรอ” คิ้วเรียวของปาริชาติคลายออกและมองเห็นแสงสว่างอยู่เบื้องหน้า

“นี่! ฉันถามเธอนะ ไม่ใช่ให้เธอมาย้อนถามฉัน” อีกฝ่ายตะคอกเสียงดัง

“ฉันบอกเธอไม่ได้ตอนนี้ จนกว่าฉันจะรู้ว่าเธออยู่ที่นี่หรือเปล่า”

“เธอน่าจะรู้นะว่าที่นี่เป็นที่ไหน แล้วฉันมีฐานะอะไร ฉันสั่งลงโทษเธอได้ถ้าเธอยังไม่ยอมตอบฉันดีๆ” ฟารียาเหยียดมุมปากอย่างคนที่เหนือกว่า

“ก็ได้” ปาริชาติพยายามทำใจให้เย็นลงก่อนจะตอบออกไป “ฉันมาตามหาสร้อยสะบันงา เจ้าชายวาคิมลักพาตัวสร้อยสะบันงามาจากเมืองไทย ถ้าเธออยู่ที่นี่ก็ช่วยพาสร้อยออกมาให้ฉันที พวกเราจะได้รีบกลับเมืองไทย”

คำตอบของปาริชาติทำให้เจ้าหญิงสาวหันมามองหน้าเพื่อนสมัยเรียนด้วยดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นกว่าเดิม เธอมองเห็นหนทางที่จะกำจัดเจ้าสร้อยสะบันงาแล้ว แต่เธอจะทำแบบเปิดเผยไม่ได้ไม่งั้นเจ้าชายวาคิมจะโกรธและเกลียดเธอได้

“ใช่ ฉันอยู่ที่นี่กับเจ้าชายวาคิม เมื่อเช้าฉันเจอกับสร้อยสะบันงาแล้ว”

“ถ้างั้นก็ดีเลย เธอพาสร้อยออกมาทีนะ ถือว่าช่วยเพื่อนเก่าแล้วกันถึงยังไงสร้อยก็เคยช่วยเธอเอาไว้ตอนสมัยเรียน” ปาริชาติคลี่ยิ้มอย่างดีใจ

“ไม่ต้องมาทวงบุญคุณกับฉัน คนอย่างฉันไม่เคยคิดให้ใครช่วย เมื่อเช้าก็ไม่เห็นว่าสร้อยสะบันงาจะมีท่าทางเดือดร้อนอะไรเลย แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าพี่วาคิมลักพาตัวมา ไม่ใช่เพราะว่าเพื่อนของเธอตามมาเอง” รอยยิ้มเยาะเผยอขึ้นที่ริมฝีปากบางของราชนิกูลสาว

“เธอก็น่าจะรู้ว่าสร้อยสะบันงาไม่ใช่ผู้หญิงที่จะวิ่งเข้าหาผู้ชายแบบ... สร้อยถูกอบรมมาอย่างดีสมกับเป็นกุลสตรี” ปาริชาติอดไม่ได้ที่จะพูดเหน็บอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ

“เธอ..เธอว่าใคร” ฟารียาเม้มปากแน่นเมื่อโดยอีกฝ่ายว่าทางอ้อม แต่อยู่ต่อหน้าเหล่าทหาร เธอจะต้องวางตัวให้ดูดีอยู่เสมอ

“ไม่ได้ว่าใครทั้งนั้น ฉันพูดรวมๆ แล้วเธอจะช่วยฉันหรือเปล่า” ปาริชาติมองเจ้าหญิงสาวด้วยสีหน้าเรียบเฉย พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ทำให้อีกฝ่ายต้องโมโห

ฟารียาหรี่ดวงตาลงเล็กน้อยแล้วมองไปยังอีกฝ่ายอย่างประเมินค่า ถ้ามีปาริชาติอยู่ด้วยก็คงจะมีประโยชน์บ้าง อย่างน้อยปาริชาติก็คงไม่ยอมให้เจ้าชายวาคิมได้เข้าใกล้สร้อยสะบันงา ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่เธอคิดเอาไว้

“ช่วยก็ได้ แต่ว่าฉันคงพาสร้อยสะบันงาออกมาข้างนอกไม่ได้เพราะว่าตอนนี้พี่วาคิมคุมตัวสร้อยสะบันงาเอาไว้ในห้องไม่ยอมให้ออกไปไหน แล้วคนอย่างพี่วาคิมถ้าต้องการใครหรืออะไรก็ต้องได้ แม้แต่สร้อยสะบันงาก็คงจะไม่รอดเงื้อมือของพี่วาคิมแน่ๆ ฉันจะช่วยเท่าที่จะช่วยได้เพราะสร้อยสะบันงาก็เป็นเพื่อนเก่า” ฟารียาพยายามพูดให้อีกฝ่ายร้อนรนมากขึ้น และดูว่ามันจะได้ผลดีเสียด้วย

“งั้นเธอก็รีบพาฉันไปพบเจ้าชายวาคิมตอนนี้เลยสิ ฉันจะพูดกับเจ้าชายเอง”

“ที่นี่วังหลวงนะ ไม่ใช่บ้านของชาวบ้านธรรมดา ที่ใครจะพบใครก็ทำได้ตามใจชอบ” ฟารียาทำสีหน้าบึ้งตึงขึ้นอย่างไม่พอใจ

“ฉันขอโทษ ฉันอยากเจอสร้อยมากก็เท่านั้นเอง ฉันเป็นห่วงสร้อย”

“พี่วาคิมยังไม่ทำอะไรสร้อยสะบันงาตอนนี้หรอก แต่ถ้านานกว่านี้ก็ไม่แน่” เจ้าหญิงสาวรับสั่งก่อนจะยิ้มเยาะที่มุมปาก

“ฉันจะต้องเข้าไปช่วยสร้อยสะบันงา เธอช่วยพาฉันเข้าไปข้างในทีได้ไหม?” ปาริชาติบอกแล้วนิ่งเพื่อรอคำตอบ

ฟารียายืนหันหลังให้อีกฝ่ายเหมือนกับคนที่ใช้ความคิด แต่เรียวปากงามนั้นกลับแย้มยิ้มออกมาอย่างอย่างพอใจในแผนการที่ตนเองกำลังวางเอาไว้

“ได้ ฉันจะพาเธอเข้าไปในฐานะเพื่อนของฉัน แต่เธอจะต้องหาทางช่วยสร้อยสะบันงาเอาเอง ส่วนฉันจะคอยช่วยอยู่ห่างๆ เธอคงเข้าใจนะ”

“แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว ขอแค่ให้ฉันเข้าไปข้างในได้ก็พอ”

“ดี ที่เข้าใจอะไรง่ายๆ งั้นก็ตามฉันมา” เจ้าหญิงฟารียาบอกแล้วหมุนตัวเดินกลับไปที่รถ ปาริชาติรีบสาวเท้าตามไปเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจแล้วก้าวขึ้นไปนั่งคู่กับคนขับรถถึงเธอจะเป็นเพื่อนกันมา แต่ฐานะต่างกันมาก

“กลับเข้าวัง ฉันไม่ไปแล้ว” คำสั่งนั้นฟังดูห้วนๆ แต่มันก็ทำให้รถยนต์ส่วนพระองค์ของเจ้าหญิงฟารียาเลี้ยวกลับไปทางเดิมได้

ท่ามกลางธรรมชาติที่เขียวชะอุ่มของโอเอซิสขนาดใหญ่ที่สุดในฟาริทและเป็นที่ตั้งของคฤหาสน์สีขาวที่โดดเด่นอยู่ท่ามกลางแมกไม้สีเขียว ร่างสูงของชี้คราห์ฟาสก้าวลงมาจากรถแลนโรเวอร์สีดำ ทันทีที่ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในบ้าน หญิงสาวร่างเพรียวในชุดสีครีมยาวปล่อยผมยาวแค่หลัง ก็วิ่งเข้ามากอดแขนของชี้คหนุ่มเอาไว้พร้อมกับยิ้มให้อย่างดีใจ ใบหน้ารูปไข่กับเครื่องหน้าที่ได้สัดส่วนกันทำให้ใบหน้านั้นดูสวยน่ารัก

“พี่ราห์ฟาสกลับมาแล้ว หิวไหมคะ เดี๋ยวราลีน่าจะไปหาอะไรให้ทาน”

“ไม่ พี่ทานที่สนามบินมาแล้ว” เขาก้มลงมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของน้องสาวบุญธรรมอย่างเอ็นดู ราลีน่าเป็นเด็กสาวในชนเผ่าชีราห์ที่กำพร้าทั้งพ่อและแม่ มารดาที่เสียไปของเขาขอราลีน่ามาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็กๆด้วยความสงสารและถูกชะตา และนั่นก็ทำให้เขารักและเอ็นดูหญิงสาวเหมือนกับน้องสาวที่คลานตามกันมา

“เหรอคะ” ราลีน่าทำหน้าเศร้าๆ สำหรับพี่ชายคนนี้ หญิงสาวคิดมากกว่าความเป็นพี่ชายกับน้องสาวกัน เธอจำได้ว่าแอบหลงรักพี่ชายผู้มีพระคุณคนนี้มาตั้งแต่เริ่มจำความได้และเธอก็กีดกันผู้หญิงทุกคนที่คิดจะเข้าใกล้พี่ชายที่รักของเธอ ภายใต้หน้าตาและกิริยาที่ดูเรียบร้อยนั้นเคลือบเอาไว้ด้วยความเลวร้ายที่น่ากลัว ที่แม้แต่ชี้คราซิมผู้ปกครองเผ่าชีราห์และเป็นบิดาของชี้คราห์ฟาสเองก็ยังไม่รู้

“แล้วพ่ออยู่ที่ไหนตอนนี้” ชายหนุ่มเอ่ยถามถึงบิดา

“อยู่ที่หลังบ้านค่ะ กำลังคุยอยู่กับพวกตัวแทนเผ่า” หญิงสาวยิ้มให้พี่ชาย

“อืม...” ราห์ฟาสรับคำในลำคอแล้วทำท่าจะเดินขึ้นชั้นบน

“เดี๋ยวค่ะ!” ราลีน่าดึงแขนพี่ชายเอาไว้ ราห์ฟาสหันมาเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม

“พี่ราห์ฟาสจะอาบน้ำไหมคะ เดี๋ยวน้องไปผสมน้ำให้”

“ไม่ต้องหรอก ให้พวกสาวใช้ทำเถอะ”

“ไม่ได้หรอกค่ะ นังพวกนั้นมันจ้องจะเข้าใกล้พี่อยู่ด้วย น้องไม่ยอมหรอก” หญิงสาวบอกแล้วก็ต้องก้มหน้าลงต่ำเมื่อสบสายตาดุๆของพี่ชาย

“พี่ไม่ใช่ผู้ชายที่บ้าผู้หญิงนะราลีน่า แล้วพี่ก็ไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัวของพี่มากนัก พี่จะมีใครหรือจะทำอะไรมันก็ไม่เกี่ยวกับเธอ”

“ทำไมจะไม่เกี่ยวคะ ในเมื่อผู้หญิงพวกนั้นไม่มีใครดีเลยสักคน พวกมันคิดจะมาหลอกลวงพี่ทั้งนั้น” ราลีน่ามีสีหน้าบึ้งตึงน้ำเสียงแข็งกร้าวขึ้น

“พูดจาให้สุภาพหน่อยราลีน่า แล้วพี่ก็ไม่ใช่คนโง่ที่จะให้ผู้หญิงมาหลอกง่ายๆ เธอจะดูถูกพี่มากเกินไปแล้ว” เขามองน้องสาวบุญธรรมอย่างไม่พอใจ ราลีน่าเองก็คงจะรู้ตัวว่าพี่ชายเริ่มโกรธแล้วจึงรีบเปลี่ยนท่าทางทันที

“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ น้องเป็นห่วงพี่ราห์ฟาส ไม่อยากให้พวกผู้หญิงที่ไม่ดีเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยก็เท่า

นั้นเอง” เธอดึงแขนของชายหนุ่มเข้ามากออดเอาไว้

“ปล่อยพี่เถอะ ใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี เธอเป็นสาวแล้วมันไม่สมควร” ราห์ฟาสบอกเสียงเรียบแล้วแกะมือของผู้เป็นน้องสาวออก

“ไม่ดียังไงคะ แล้วก็ไม่มีใครกล้ามาว่าเราหรอกค่ะ” หญิงสาวบอกเสียงหวาน แล้วหันไปมองค้อนนาดาลที่เพิ่งเดินเข้ามา

“มีอะไรก็ไปทำสิ มายืนมองอะไรอยู่ล่ะ”

“ราลีน่า...นาดาลกับพี่มีงานที่จะต้องทำ เธอนั่นแหล่ะมีงานอะไรก็ไปทำซะ อย่ามายุ่งกับพี่” ราห์ฟาสบอกอย่างรำคาญใจ

“นี่...พี่ราห์ฟาสไล่น้องหรือคะ ไม่รักน้องแล้วเหรอคะ” เธอทำตาแดงๆเหมือนจะร้องไห้

“ถ้าสิ่งที่มันจะทำให้พี่ไม่รักเธอ ก็คงจะเป็นเพราะความวุ่นวายของตัวเธอเองนั่นแหล่ะ เธอก็รู้ว่าพี่ไม่ชอบให้ใครเข้ามาก้าวก่ายเรื่องของพี่”

“พี่ราห์ฟาส” หยดน้ำใสๆไหลลงมาทีละหยดจากดวงตากลมโตของหญิงสาว

“จำเอาไว้ว่าพี่ไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายในชีวิตของพี่ แล้วถ้าไม่อยากให้พี่เกลียดก็เลิกทำตัวเป็นเด็กที่ไม่ยอมโตแบบนี้เสียที เพราะมันจะทำให้ความน่ารักของเธอหมดไป” พูดจบชี้คหนุ่มก็รีบเดินขึ้นไปชั้นบนทันที โดยมีนาดาลเดินตามหลังไป

คำพูดของพี่ชายทำให้หัวใจของผู้เป็นน้องสาวบุญธรรมถึงกับเย็นวาบ ใบหน้าสวยซีดลงอย่าทันตาเห็น สายตาที่มองตามแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มไปนั้นเต็มไปด้วยความน้อยใจและการตัดพ้อ เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อเขาเพื่อให้เขาพอใจ แต่ดูที่เขาทำกับเธอสิ เห็นเธอเป็นแค่น้องสาวตัวเล็กๆเท่านั้น แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่มีเรื่องผู้หญิงเข้ามาพัวพัน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีผู้หญิงเข้ามาสนใจเขา เธอรู้ดีว่าชี้คหนุ่มผู้นี้กำลังเป็นที่สนใจของเหล่าสาวไฮโซมากมาย และข้อนี้เองที่ทำให้ราลีน่ารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในชาติกำเนิดของตนเอง และเกลียดผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้พี่ชายอันเป็นที่รักของเธอ และพร้อมที่จะทำลายผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาในชีวิตของเขา แววตาที่อ่อนแอเมื่อครู่ได้เปลี่ยนไปเป็นแววตาแห่งความเกลียดชังขึ้นมาแทนที่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel