ตอนที่ 1 ความเจ็บปวดครั้งก่อน
เมื่อสองราชนิกูลและอีกหนึ่งหนุ่มเดินมาถึงรถ ทหารองครักษ์ก็รีบเปิดประตูให้ทั้งหมดเข้าไปนั่งอย่างว่องไว จากนั้นรถลีมูซีนที่มีธงชาติของฟาริทก็เคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว
““แล้วชี้คราซิมเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือเปล่า” เจ้าชายหนุ่มรับสั่งขึ้นเมื่อรถเคลื่อนตัวออกมาได้สักพักหนึ่ง
“ท่านพ่อสบายดี แต่ตอนนี้กำลังยุ่งอยู่กับการจดรายชื่อแขก” ราห์ฟาสหันมามองหน้าองค์รัชทายาทหนุ่ม
“รายชื่อแขก แขกอะไรกัน?” พระขนงหนาของเจ้าชายหนุ่มขมวดเข้าหากัน
“ก็พี่ราห์ฟาสกำลังจะได้เป็นท่านชี้คราห์ฟาส หัวหน้าเผ่าชีราห์คนใหม่ไงล่ะคะ” เจ้าหญิงฟารียารีบตอบแทนขึ้นมาก่อนที่เจ้าของชื่อจะตอบ ราห์ฟาสจึงหันมายิ้มที่มุมปากให้กับเจ้าหญิงสาว
“จริงเหรอเพื่อน ฉันดีใจกับนายด้วยนะ” เจ้าชายวาคิมโน้มตัวเข้ามาโอบกอดเพื่อนรักเอาไว้แล้วตบหลังเบาๆ 2-3 ครั้งก่อนจะผละออกมา
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
“แบบนี้คืนนี้เราต้องเลี้ยงฉลองกันให้ถึงเช้าไปเลยถ้าจะดี”
“ไม่ดีแน่ค่ะ เพราะตอนนี้เสด็จลุงกับเสด็จป้ารอเสด็จพี่อยู่ที่วังนะคะ” เจ้าหญิงฟารียาเอ่ยคัดค้านในแผนการที่เจ้าชายหนุ่มคิดวางเอาไว้
“จริงอย่างที่เจ้าหญิงฟารียารับสั่ง เวลาของเรายังมีอีกมาก ฝ่าบาทเพิ่งเสด็จกลับมาอย่าทรงรีบร้อนเลย” ราห์ฟาสอมยิ้ม เมื่อเพื่อนหนุ่มทำสีหน้าสลดลง
“แล้วนายจะไปเข้าเฝ้าทั้งสองพระองค์พร้อมกับฉันเลยหรือเปล่า”
“ไม่ล่ะ ก่อนมาที่นี่กระหม่อมเข้าเฝ้ามาเรียบร้อยแล้ว และคงต้องรีบกลับเพราะมีงานที่ยังค้างอยู่”
“นายยังคงเห็นงานมาก่อนเรื่องอื่นเสมอ ถามจริงๆเถอะ นายหนีวิคตอเรียกลับมาแบบนี้ ฝ่ายนั้นเขาไม่โวยวายเอาหรือไง แล้วนายขอเธอแต่งงานหรือยัง หรือว่านายพาเธอมาที่ฟาริทด้วย”
“แหม...เนื้อหอมกันจริงๆเลยนะ แล้วเสด็จพี่ล่ะแอบพาใครกลับมาด้วยหรือเปล่า น้องอยู่ที่นี่ได้ยินแต่ข่าวของเสด็จพี่กับสาวต่างชาติทุกวัน แถมยังควงสาวไม่ซ้ำหน้ากันด้วยซ้ำ เสด็จลุงกับเสด็จป้าทรงกริ้วมาก เสด็จพี่เตรียมรับศึกหนักเอาไว้ได้เลยค่ะ รับรองว่างานนี้วังแตกแน่ๆ” เจ้าหญิงฟารียาบอกแล้วเมินหน้าออกไปมองข้างทาง
“ผู้ชายมันก็ต้องมีเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงเป็นธรรมดา แล้วอีกอย่างพี่ก็ไม่เคยบังคับใจใคร จริงไหมราห์ฟาส”
คำตรัสของเจ้าชายวาคิมเหมือนกับมีดคมที่กรีดลงกลางหัวใจของอีกฝ่ายอย่างจัง ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปแล้วหันออกมามองนอกหน้าต่างรถ เขาหวลนึกไปถึงเรื่องเมื่อ 3 เดือนก่อน ก่อนที่เขาจะเรียนจบแล้วกลับมาที่ฟาริท
วิคตอเรียสาวคนรักของตนเองนั้นคบกับเขามาเกือบ 2 ปี ชีคหนุ่มเคยวาดวิมานเอาไว้ว่าหลังจากเรียนจบจะขอหญิงสาวแต่งงาน แต่ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปเมื่อมีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาพัวพันด้วย ชายหนุ่มคนนั้นช่างประจบเอาใจ และแสดงตัวว่ามีฐานะที่ดีกว่าเขา ร่ำรวยกว่าเขา วิคตอเรียจึงเริ่มตีตัวออกห่าง เขาชวนไปไหนด้วยก็ทำเป็นบ่ายเบี่ยงจนผิดสังเกต แต่ชี้คหนุ่มก็ยังเชื่อใจในตัวของหญิงคนรักอยู่จึงไม่ได้คิดอะไร
จนกระทั่งก่อนจบ 3 เดือน ซึ่งเป็นวันเกิดของวิคตอเรียเขาได้ซื้อแหวนเพชรเพื่อหวังจะขอหญิงสาวแต่งงานที่บ้านของเธออย่างเงียบๆ แต่สิ่งที่ตนเองได้เห็นก็คือวิคตอเรียนอนทอดกายเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงกับชายหนุ่มคนนั้น ความโกรธและความแค้นพุ่งพล่านขึ้นมาทันที เขาปากล่องแหวนเพชรลงกับพื้นห้องก่อนผลุนผลันออกมาจากบ้านหลังนั้นโดยเร็ว
และจากความรักที่มีต่อหญิงสาว ทุกอย่างจึงแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธและความแค้น เขาจึงมีอคติและเกลียดผู้หญิงต่างชาติทุกคนตั้งแต่วินาทีนั้นเลยทีเดียว
“ราห์ฟาส ราห์ฟาส!” เจ้าชายวาคิมเห็นเพื่อนหนุ่มเงียบไปจึงสะกิดเรียก ราห์ฟาสหันกลับมาพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นสูง
“ทรงเรียกกระหม่อมหรือ”
“ใช่ นายเป็นอะไรไป พอพูดถึงวิคตอเรีย นายก็เงียบไป มีอะไรหรือเปล่า?” เจ้าชายหนุ่มตรัสถามอย่างสงสัยในท่าทางที่เงียบไปของเพื่อนรัก
“เปล่าเลย” ราห์ฟาส์ตอบ “วิคตอเรียกับกระหม่อมเลิกกันแล้ว” เขาบอกเสียงเรียบเหมือนกับไม่รู้สึกอะไรเลย เจ้าชายวาคิมจึงนิ่งลง ทรงมองหน้าเพื่อนเหมือนพยายามหยั่งความรู้สึกอีกฝ่ายก่อนตบไหล่เพื่อนรักเบาๆ
“งั้นก็ขอโทษด้วยที่พูดถึงผู้หญิงคนนั้นให้นายต้องเจ็บช้ำอีก”
“ไม่เลย! กระหม่อมไม่ได้รู้สึกอะไร สำหรับกระหม่อมงานคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต”
เจ้าหญิงฟารียามองท่าท่างของหนุ่มทั้งคู่ก่อนพูดอย่างใส่อารมณ์ “ผู้หญิงคนนั้นโง่จริงๆ ที่ทิ้งพี่ราห์ฟาสไป แต่ก็ดีแล้วผู้หญิงต่างชาติหรือจะมาสู้ผู้หญิงชาวฟาริทของพวกเราได้ หญิงต่างศาสนาพวกนั้นไม่เหมาะกับชายชาวฟาริทหรอก” ทรงรับสั่งพร้อมกับปรายตาไปทางเจ้าชายหนุ่ม
“น้องพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก ความรักมันขึ้นอยู่กับหัวใจไม่เกี่ยวกับเชื่อชาติศาสนา”
“เสด็จพี่ล่ะก็” คำพูดค้านของเจ้าชายวาคิมทำให้เจ้าหญิงวัยสาวต้องนั่งหน้ามุ่ยไปทันที
“เอาไว้ฉันจะไปหานายที่ชีราห์แล้วกัน” เจ้าชายวาคิมยิ้มที่มุมปาก
“ตกลง! แล้วเจอกันที่ชีราห์” ราห์ฟาสก้มศีรษะลงให้กับเจ้าชายหนุ่มก่อนจะหันมาทางเจ้าหญิงฟารียาบ้าง และรถก็จอดลงตรงหน้าบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ร่างสูงในชุดดำของชี้คหนุ่มจึงก้าวลง จากนั้นรถก็เคลื่อนต่อไปเพื่อมุ่งหน้าไปยังวังหลวงของประเทศกลางทะเลทรายแห่งนี้
ชี้คหนุ่มยืนมองไปจนรถเลี้ยวลับสายตาแล้วจึงหันกลับเข้าบ้าน บ้านหลังนี้เขาจะใช้เป็นที่พักในเวลาที่เดินทางมาในเมืองหรือแม้กระทั่งตอนเด็กๆ ซึ่งเขาเรียนอยู่ที่นี่ บ้านหลังนี้จึงเป็นบ้านหลังที่สองของเขา ที่นี่จะมีแค่คนรับใช้อยู่ไม่ถึง 5 คน เพราะเขาไม่ชอบความวุ่นวาย
“นายท่านกลับมาแล้ว” สาวใช้คนหนึ่งวิ่งลงมาจากบันไดเข้ามารับหน้าเขา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของนายหนุ่ม “จะรับน้ำชาเลยหรือเปล่าคะ” สาวใช้ถามเสียงอ่อยลง
“ไม่ ไปบอกให้นาดาลเตรียมตัว ฉันจะเดินทางกลับชีราห์เดี๋ยวนี้”
“ค่ะ” สาวใช้รับคำแล้วรีบไปทำตามคำสั่งของเขาทันที
ท่ามกลางทะเลทรายที่ร้อนระอุในช่วงเที่ยงวันนั้นไม่อาจทำให้ลูกทะเลทรายอย่างราห์ฟาสหวาดกลัวได้ เพราะเขาเติบโตมาท่ามกลางความผันแปรของทะเลทราย เขาถูกฝึกให้รับรู้ถึงรสชาติที่โหดร้ายของทะเลทรายและการเอาชีวิตรอดควบคู่ไปกับการทำธุรกิจน้ำมัน นาดาลเร่งฝีเท้าให้ขยับขึ้นมาทันกับนายหนุ่ม
“นายท่านจะหยุดพักที่โอเอซิสข้างหน้าก่อนหรือเปล่าครับ”
“ไม่ล่ะ ฉันอยากไปให้ถึงบ้านเร็วๆ มีงานอีกมากที่รออยู่”
นาดาลจับสังเกตนายหนุ่มตั้งแต่ตอนที่ออกมาจากบ้านในตัวเมืองแล้ว นายหนุ่มของเขาเงียบขรึมลงไปทั้งๆที่ควรจะมีรอยยิ้มมากกว่าเมื่อได้เจอกับเพื่อนรักอย่างเจ้าชายวาคิม แล้วตั้งแต่กลับมาเขาก็มุ่งแต่ทำงานไม่สนใจหรือใส่ใจเรื่องเที่ยวเตร่และเรื่องผู้หญิงเลย แต่จริงๆ แล้วนาดาลเห็นว่าวัยอย่างชี้คหนุ่มนั้นสมควรที่จะมีเรื่องผู้หญิงเข้ามายุ่งเกี่ยวข้องบ้างได้แล้ว หรือจริงๆ แล้วเจ้านายของเขามีเรื่องอะไรที่เก็บไว้ในใจอย่างนั้นหรือ
“นายท่านต้องการจะพูดอะไรหรือเปล่า มีอะไรก็พูดมาได้นะครับ” ราห์ฟาสจึงหันมามองหน้าคนสนิทที่เป็นทั้งเพื่อนและบอดี้การ์ด นาดาลมองตอบก่อนพูดต่อ “หนามที่มันฝังลึกอยู่ข้างใน ถ้าไม่บ่งมันออกมันก็จะแทงลึกลงไปเรื่อยๆ แล้วมันก็จะยิ่งเจ็บปวดขึ้นมากกว่าเก่า นายท่านว่ายังงั้นหรือเปล่า”
“นายน่าจะไปเป็นนักปรัชญามากกว่าจะมาเป็นบอดี้การ์ดอยู่ท่ามกลางทะเลทรายที่แห้งแล้งแบบนี้” ราห์ฟาสกระตุกยิ้มแล้วหันกลับไปมองเบื้องหน้าดังเดิม ก่อนจะพูดต่อ “เรื่องบางเรื่องก็ควรเก็บเอาไว้เตือนใจตัวเอง ไม่ให้ตัดสินใจผิดพลาดอย่างเมื่อครั้งในอดีตอีก”
“อดีตมันก็คืออดีตเป็นแค่สิ่งที่ใช้เตือนใจเท่านั้น ไม่ควรเก็บเอามาเป็นที่ตั้งเพื่อตัดสินในเรื่องต่อๆ ไปนะครับ”
“แต่เรื่องแบบนี้มันใช้ตัดสินกันได้ ผู้หญิงก็เหมือนกันทุกคนไม่มียกเว้น”
“นายท่านน่าจะเปิดใจรับใครสักคนนะครับ จะได้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องนั้นอีก” นาดาลเสนอ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ตอบสนอง
“ฮึ ฮึ ไม่ล่ะหัวใจของฉันมันตายด้านไปแล้ว มันไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว และฉันไม่ใช่คนที่มีโชคดีอย่างนายที่ได้ภรรยาที่น่ารักและซื่อสัตย์” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ
“นายท่านปิดกั้นหัวใจตัวเองมากเกินไป”
“แต่การปิดกั้นของฉันมันก็ทำให้ฉันไม่ต้องเจ็บปวดอีก”
“ผู้หญิงที่ดียังมีอีกมากนะครับ เพียงแต่นายท่านยังไม่เจอ แต่ถ้าวันใดนายท่านเจอเธอคนนั้น นายท่านจะรู้ว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่ด้านเดียว” นาดาลดูเป็นห่วงเจ้านายของเขามาก ไม่อยากให้นายหนุ่มต้องมาจมอยู่กับความโกรธ ความเกลียดและความแค้นที่เกิดขึ้นเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียว
“ขอบใจที่นายเตือน ฉันรู้ว่านายเตือนด้วยความเป็นห่วง แต่ฉันลืมมันไม่ได้และจะไม่มีวันลืมด้วย ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนฉันก็ไม่สนใจทั้งนั้น ถ้าจะสนก็จะสนเพราะความแค้น แล้วเธอคนนั้นที่นายพูดก็จะกลายเป็นเหยื่อเพื่อรองรับอารมณ์แค้นของฉันมากกว่า”
แววตาที่มุ่งมั่นของเขามุ่งตรงไปยังเนินทรายที่อยู่เบื้องหน้าราวกับจะมองให้มันสลายไปต่อหน้าต่อหน้า เขาไม่มีทางลืมความมักง่ายและหลายใจของพวกผู้หญิงได้ ผู้หญิงไม่ว่าที่ไหนก็เหมือนกันหมดพอเห็นใครที่ให้ผลประโยชน์ได้มากกว่าก็รีบเข้าไปเกาะคนนั้นทันที ทำตัวน่ารังเกียจพอๆกับพวกปลิง พวกทากไม่มีผิด!