บท
ตั้งค่า

บทนำ

พื้นที่ขนาดใหญ่ภายในเมืองกลางทะเลทรายเช่นฟาริทนั้น ส่วนหนึ่งในอาณาเขตกว้างไกลถูกทำให้เป็นลานยาวสุดลูกลูกตา เครื่องบินซึ่งติดตราสายการบินฟาริทค่อยๆ ทะยานลงบนรันเวย์และลดความเร็วจวบจนจอดสนิทบนพื้นถนนสีดำนั้น

การเคลื่อนไหวเพื่อเตรียมตัวลงของผู้โดยสารเกิดขึ้นเกือบจะทันที นั่นรวมถึงร่างสูงใหญ่ซึ่งก้าวออกมาจากยานพาหนะทางอากาศด้วย เขาหยุดมองตึกซึ่งมีส่วนประกอบโดยมากเป็นเหล็กและกระจก ส่อให้เห็นถึงความโอ่อ่า นำสมัย ก่อนขยับแว่นตาสีดำของตนเองและทำท่าจะก้าวตามผู้คนทั้งหลายไปเบื้องหน้า หากชายหนุ่มก็ต้องหยุดชะงักเมื่อแอร์โฮสเตสประจำเครื่องบินส่งเสียงเรียกไว้

“คุณคะ”

สาวสวยประจำสายการบินมีใบหน้าเอียงอายเล็กน้อยเมื่อสบตากับใบหน้าคมภายใต้แว่นกันแดดสีดำ เธอรอจังหวะให้ผู้โดยสารเดินผ่านจุดนั้นไปจนหมดก่อนก้าวมาประชิดตัวร่างกำยำ ดวงตาภายใต้อายแชโดว์สีน้ำเงินเข้มส่อแววหวานฉ่ำยามเผยอริมฝีปากสีแดงเอื้อนเอ่ยวาจา

“เบอร์โทรของฉันค่ะ”

มือเรียวยื่นผ้าสีชมพูผืนเล็กๆ ซึ่งมองเห็นอยู่ว่ามันประทับรอยจูบ และเขียนเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ด้วย ร่างสูงใหญ่ในเสื้อคลุมสีดำเบรนด์เนมจึงขยับเข้ามาหา เขาใช้มือท้าวบนขอบประตูเครื่องบินซึ่งหญิงสาวกำลังยืนอยู่ก่อนบอกช้าๆ

“ไม่จำเป็นหรอกคนสวย”

แอร์โฮสเตสสาวหน้านิ่วลงด้วยความผิดหวังทันที ความจริงเธอนั้นเล็งชายหนุ่มผู้นี้ไว้ตั้งแต่เขาก้าวขึ้นมาบนเครื่องแล้ว หญิงสาวนึกถึงสายตาสีน้ำทะเลสวยภายใต้แว่นตาสีดำของเขา เพราะมันทำให้ร่างกายของเธอสั่น ใจวูบหวิวขึ้นมาทุกครั้งที่นึกถึง เมื่อคิดแบบนั้นแล้วเธอจึงพยายามเดินส่งสายตาอ่อยเหยื่ออยู่ตลอดการเดินทางครั้งนี้ และก็คิดว่าเขาคงต้องชำเลืองมองตามหุ่นเซ็กซี่ของตนเองบ้าง

สรุปแล้วหญิงสาวจึงเข้าข้างตัวเองทันทีว่า ชายหนุ่มนั้นอยากจะได้เบอร์โทรของเธอจนตัวสั่นเหมือนกันแล้ว ทว่าพอฟังคำที่เขาบอก ใจของหญิงสาวร่างอวบก็แทบจะขาดรอนๆ เธอส่งเสียงอ้อนทันที

“ทำไมล่ะคะ”

“ก็อย่างที่บอกว่าไม่จำเป็น”

ชายหนุ่มใช้มือดึงแว่นกันแดดสีดำออก ซึ่งแบบนั้นก็ส่อให้เห็นดวงหน้าคมคร้าม ผิวเนียนละเอียด และผมหยักศกระต้นคอชัดขึ้นกว่าเดิม แอร์โฮสเตสสาวถึงกับเสียงสั่นพูดออกมาโดยไม่ต้องถามทันที

“ฉันชื่อ...ซาร่า” เธอแทบละเมอเมื่อได้สบดวงตาสีน้ำทะเลแสนสวยนั่นอีกครั้ง “ได้โปรด...” แววตาของหญิงสาวส่อแววแห่งความต้องการจนไม่อาจจะปิดมิดได้

ร่างสูงใหญ่ดวงหน้าคมจึงเหยียดปากยิ้มนิดๆ “เสียดายที่ฉันกำลังรีบ” เขามองตามผู้คนซึ่งเข้าไปยังตัวอาคารสนามบินกันหมดแล้วก่อนพูดต่อ “แล้วที่นี่ก็คือฟาริท ไม่ใช่ลอสแองลิสอีกแล้ว”

พร้อมคำพูดเช่นนั้นดวงตาเจ้าเล่ห์สีสีน้ำทะเลก็เหลือบมองไปยังริมฝีปากและมองเลยไปตามลำคอของหญิงสาว ร่างอวบของซาร่าถึงกับสั่นเทาจนแทบทนไม่ได้เพราะเสน่ห์เรือนกายของชายหนุ่มนั้นทำให้ตนเองรู้สึกอยากให้เขาใช้มือสัมผัสมากกว่าใช้สายตายิ่งนัก

หากคนมองก็กลับยืดตัวตรงอีกครั้งก่อนหยักมุมปากน้อยๆ และหันหลังกลับเพื่อเดินตามผู้คนทั้งหลายไปยังตัวอาคารผู้โดยสารขาเข้าของสนามบินเมืองฟาริทช้าๆ

ซาร่ายืนหายใจหอบอยู่หลายสักพักเธอใช้มือจับหัวใจตนเองเหมือนจะปลอบประโลมให้มันเลิกเต้นดังๆ เสียที “ใคร!” เธออุทานเบาๆ ก่อนผลุบกลับเข้าไปในเครื่องบิน ซึ่งคนอื่นๆ ล้วนเดินออกไปหมดแล้ว หญิงสาวหยิบบัญชีรายชื่อผู้โดยสารขึ้นดูก่อนอุทานชื่อของบุรุษเมื่อครู่อย่างรู้สึกคุ้นหู

“วาคิม บิน อาหมัด อัล ฟาริท”

ขณะนั้นกัปตันก็เดินออกมาถึงจุดที่เธอยืนอยู่พอดี “ทำอะไรซาร่า” เขาถามพร้อมมองการแต่งตัวที่ออกจะไม่ค่อยเรียบร้อยของแอร์โฮสเตสสาวซึ่งเพิ่งย้ายสายการบินมาจากประเทศเพื่อนบ้านพร้อมดุต่อ

“ทำไมไม่รีบลงไป นอกจากมาสายแล้ว เธอยังอู้อีกหรือ”

“ไม่..ไม่ใช่ค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงยังไม่หายสั่น แต่ความอยากรู้ก็ยังทำให้เธอส่งเสียงถาม “กัปตันคะ ชื่อผู้ชายคนนี้น่ะค่ะ คุ้นๆ นะ คุณว่าไหม”

กัปตันอายุสี่สิบต้นๆ คว้ากระดาษในมือหญิงสาวพร้อมมองตามที่นิ้วเธอชี้ให้ดู และเขาก็หันกลับมามองหน้าแอร์โฮสเตสคนใหม่นั้นทันที

“อย่าบอกนะว่าเธอทำรุ่มร่ามกับ เจ้าชายวาคิม”

“เจ้าชาย!” แอร์โฮสเตสสาวเข่าแทบอ่อน ในขณะที่ผู้เป็นกัปตันตวาดซ้ำ

“ไม่มีใครบอกหรือไง พระองค์จะเดินทางมากับเราโดยไม่เปิดเผยตัว เธอทำอะไรงั้นหรือซาร่า” เขาดูเดือดดาลพร้อมหวาดกลัวเรื่องไม่ชอบมาพากลขึ้นทันที “เล่ามาเดี๋ยวนี้ ทั้งหมดเลย!”

ร่างสูงสง่าของเจ้าชายวาคิม บิน อาหมัด อัล ฟาริท ในชุดเดินทางสีดำก้าวออกมาจากด้านในตรงไปยังส่วนที่เป็นเหมือนโถงใหญ่ซึ่งผู้คนล้วนมายืนรอรับกันอยู่ และแม้พระองค์จะสวมแว่นกันแดดบังพระเนตรไว้ แต่มันก็มิอาจบดบังพระนาสิกโด่ง พระขนงเข้ม หรือริมโอษฐ์หยักที่ออกสีแดงระเรื่อเล็กน้อยได้เลย เพราะฉะนั้นผู้คนทั้งหลายจึงล้วนหันมองผิวพรรณซึ่งจัดว่าเนียนละเอียดกว่าชาวอาหรับทั่วไปอย่างสนใจ โดยเฉพาะพวกผู้หญิงทั้งหลาย

เมืองฟาริทในปัจจุบันเป็นเมืองที่เปิดรับอารยะธรรมจากต่างประเทศเข้ามามากพอสมควร ทะเลทรายนูดาร์อันกว้างใหญ่ของที่นี่สวยงาม และล้วนมีโอเอซิสที่น่าท่องเที่ยวหลายแห่ง รวมถึงแหล่งขุดน้ำมันรายใหญ่ซึ่งทันสมัยที่สุดในแถบนี้ และที่นั่นเป็นผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างราชวงศ์ฟาริท และชนเผ่าชีราห์

เพราะฉะนั้นจึงมีผู้คนมากมายเข้ามาเยือนเมืองใหญ่แห่งนี้บ่อยๆ มีทั้งอาหรับแท้ๆ ซึ่งคลุมหน้าคลุมตา และคนรุ่นใหม่ซึ่งผู้หญิงได้แต่คลุมศีรษะ รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ หรือเพื่อนบ้านใกล้เคียงด้วย และบัดนี้ทุกๆ คนก็ล้วนแอบมองชายร่างสง่ากำลังที่เดินตรงไปยังประตูด้านหน้ากันอย่างพร้อมเพรียง

วูบเดียวการเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น ณ สนามบินนั้น เมื่อกองทหารรักษาพระองค์ของฟาริทชักแถวเข้ามาอย่างกระทันหัน พรมสีแดงถูกดึงปูให้เป็นทางเดินยาวๆ และปรากฏร่างของหญิงสาวในชุดคลุมยาวสีเขียวมรกตเดินตรงเข้ามา เธอขยับผ้าคลุมศีรษะสีเดียวกันซึ่งถูกคลิปด้วยสีทองอร่ามแสดงถึงฐานะ ก่อนทำความเคารพเจ้าชายในชุดสีดำ

“เสด็จพี่วาคิม” เธอแย้มยิ้มอย่างดีใจ “ยินดีต้อนรับกลับสู่ฟาริทค่ะ”

ถึงตอนนั้นผู้คนล้วนถอยร่นเกาะกลุ่มยืนดูกันอย่างอยากรู้อยากเห็น บอดี้การ์ดในชุดสีดำ รวมถึงทหารรักษาพระองค์บางคนจึงต้องแบ่งส่วนไปดูแลความเรียบร้อยด้วย เสียงอึกทึกนั้นทำให้ยามรักษาการณ์พร้อมเจ้าหน้าประจำสนามบินหลายคนเริ่มออกมาเดินกันขวักไขว่

ตอนนี้จุดนั้นจึงคล้ายมีกิจกรรม หรืองานอะไรสักอย่างซึ่งเต็มไปด้วยความวุ่นวาย

เจ้าชายวาคิมถอนพระปัสสาสะน้อยๆ ทรงใช้พระหัตถ์ดึงแว่นกันแดดสีดำออก ก่อนตรัสเรียกหญิงสาวที่เดินเข้ามา

“เจ้าหญิงฟารียา”

“เจ้าชายวาคิม” คนโดนเรียกแย้มพระสรวลตอบ ก่อนบ่น “ทำไมไม่ใช้ให้เครื่องบินส่วนพระองค์ไปรับ หรือไม่ก็ทำไมไม่บอกให้ทหารเตรียมกองเกียรติยศล่ะคะ”

ดวงพักตร์คมดวงเนตรสีน้ำทะเลจึงมองเหตุการณ์ที่ดูวุ่นวายรอบๆ ก่อนบ่นเบาๆ “ฉันเกลียดเรื่องแบบนี้จริงๆ”

“ทรงเกลียดน้องหรือคะ”

“ไม่ใช่น้องฟารียา” พระองค์ดึงแขนผู้เป็นญาติห่างๆ “รีบออกไปกันก่อนเถอะ”

ซึ่งนั่นทำให้ราชนิกูลสาวออกอาการขวยเขินทันใด เพราะถึงแม้เจ้าชายวาคิมจะเรียกเธอว่าน้อง แต่ถ้าให้นับตามสายเลือดตรงๆ ละก็ ทั้งสองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย และสำหรับราชนิกูลหนุ่มรูปงามนี้ ถ้ามีใครสบพระเนตรพระองค์แล้วไม่หลงรักหรือถึงกับคลั่ง ก็บ้าเต็มทนแล้ว......

เจ้าชายวาคิมหยุดชะลอฝีเท้าเมื่อเห็นใครคนหนึ่งที่คุ้นตายืนขวางหน้าตามทางที่พระองค์กำลังจะเสด็จ เจ้าหญิงฟารียาลอบอมยิ้มเมื่อรู้ว่าบุคคลที่มายืนขวางอยู่นั้นเป็นใคร ร่างสูงนั้นอยู่ในชุดดำยาวคลุมทั้งตัว รอยยิ้มผุดขึ้นใต้ผ้าคลุมสีดำที่มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่โผล่พ้นออกมา พร้อมกันนั้นทหารองครักษ์ก็รีบกันเจ้าชายหนุ่มออกห่างแล้วชักปืนออกมาเล็งไปที่ชายลึกลับผู้นั้น

“เสด็จหนีสาวๆมาหรือยังไง ถึงได้รีบแบบนี้”

แต่น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่ดังขึ้นก็เหมือนจะเป็นการทักทายและหยอกล้อ เจ้าชายวาคิมแย้มพระสรวลออกมาก่อนจะเสด็จผ่านทหารองครักษ์ออกมายืนประจันหน้ากับชายผู้นั้น

“ราห์ฟาส นายก็มารับฉันด้วยหรือ” คำกล่าวนั้นทำให้ชายในชุดดำปลดผ้าคลุมหน้าของตนเองออก เผยให้เห็นดวงตาที่คมกริบราวกับพญาเหยี่ยว นัยน์ตาสีดำเช่นเดียวกับสีผมที่ยาวตรงระแค่บ่า จมูกโด่งและเรียวปากรูปกระจับส่งผลให้ใบหน้านั้นดูคมสันและน่าเกรงขามยิ่งขึ้น เจ้าหญิงฟารียาเดินยิ้มเข้ามาหาชายหนุ่มทั้งสองคน

“น้องเป็นคนโทรไปบอกพี่ราห์ฟาสเองค่ะ”

“อืม...มีสิ่งนี้แหล่ะที่น้องทำได้ถูกใจพี่ ฟารียา” เจ้าชายหนุ่มหันมาคลี่ยิ้มให้ก่อนหันไปหาเพื่อน “มานี่เลยราห์ฟาส จู่ๆก็หนีกลับมาก่อนเสียเฉยๆ” และเดินโอบไหล่เพื่อนรักซึ่งรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ไปทางรถยนต์ซึ่งจอดอยู่ที่ทางออก ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาของเหล่าบอดี้การ์ดและทหารองครักษ์

“กระหม่อมมีธุระส่วนตัวนิดหน่อยก็เลยรีบกลับมาก่อน” ราห์ฟาสบอกเสียงเรียบ

“นายไม่น่ารีบกลับมาก่อนเลย ในงานเลี้ยงนะมีแต่สาวๆสวยๆทั้งนั้น น่าเสียดาย”

“ฝ่าบาทก็ทรงทราบว่ากระหม่อมไม่ชอบงานเลี้ยงแบบนั้น” แววตาของราห์ฟาสเข้มขึ้น

“เฮ้อ...นายมันก็เป็นเสียแบบเนี่ย แล้วนี่ฉันอุตส่าห์ไม่บอกใครแล้วนะว่าจะกลับมาวันนี้ แต่ฟารียาก็รู้จนได้” เจ้าชายวาคิมกระซิบกับพระสหายเบาๆ เพื่อไม่ให้หญิงสาวที่เดินตามหลังมาได้ยิน

“ฮึ ฮึ ฝ่าบาทไม่ทรงทราบหรือยังไงว่าเจ้าหญิงฟารียาทรงทำได้ทุกอย่างถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับฝ่าบาท” ราห์ฟาสอมยิ้ม

“แต่ฟารียาเปรียบเสมือนน้องสาวของฉันนะ นายก็รู้อยู่ว่าฉันไม่ได้คิดอะไรกับฟารียา อีกอย่างฉันยังไม่อยากผูกติดตัวเองกับใคร”

“แต่อย่าทรงลืมนะว่าฝ่าบาทจะต้องขึ้นครองราชย์แล้วก็ต้องมีองค์ราชินีคู่บัลลังก์ ถึงฝ่าบาทไม่ทรงยินยอมแต่ก็เลี่ยงไม่ได้” ราห์ฟาสหันมายิ้มให้กับเจ้าชายหนุ่ม

“เอาไว้ถึงตอนนั้นก่อน แล้วค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้ฉันยังมีสิทธิ์เที่ยวได้อย่างเต็มที่ จริงไหม” เจ้าชายหนุ่มยักคิ้วให้เพื่อนรัก และอีกฝ่ายก็ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับยิ้ม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel