นางมองโลกในด้านดี
อี้เหลียวถอนหายใจ จิงเชียวรู้สึกแบบนั้นจริงๆ หรือนางแค่ปลอบใจตัวเอง
“แต่คุณหนูรองไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อยท่านเองก็ล้มไม่โดนนาง เป็นคุณหนูใหญ่เองที่ลุกไม่ขึ้นดิ้นกระแด๋วๆ แต่ท่านอ๋องกลับเลือกที่จะช่วยคุณหนูรอง”
อยากจะต่อคำว่าเพราะเห็นว่าฝั่งนั้นสวยกว่าแต่หยุดคำพูดไว้แค่นั้น
จิงเชียวยิ้มทั้งๆ ที่กำลังเคี้ยวอาหารเต็มปาก
“เขาทำถูกแล้วหากเป็นข้าก็จะช่วยจิงชินเหมือนกัน หากนางถูกข้าทับไปนางจะต้องเจ็บหนักแน่ ไม่พิการก็ตาย”
อี้เหลียวยังไม่ยอม
“ก็สมควรแล้วอาภรณ์ของคุณหนู นางตัดเย็บแบบไหนกันถึงจะปริขาดได้ให้อับอายคนอื่นเขา”
อี้เหลียวพูดในเรื่องที่สงสัยแต่หาหลักฐานไม่ได้
“เวลามีน้อยเจ้าอย่าโทษจิงชินเลยอี้เหลียว นางตัดเย็บอาภรณ์ให้ข้าทุกครั้งไม่มีปัญหาอะไรครั้งนี้อาจจะเพราะเวลาที่น้อยไป”
“คุณหนู เมื่อไหร่จะเลิกเป็นคนแบบนี้เสียที่เห็นๆ กันอยู่ว่าท่านอ๋องตั้งใจเอาใจคุณหนูรองเห็นว่านางสวยกว่า ไม่ชายตามองท่านสักนิด”
“แต่เขาก็ช่วยดันข้าให้ลุกขึ้นนะ พี่อ๋องฟู่ก็ดีกับข้าเหมือนกัน อย่าว่าเขาเลยใครเห็นจิงชินก็ต้องชอบนาง”
อี้เหลียวทรุดกายลงบนเก้าอี้ โลกสดใสของจิงเชียวไม่มีใครทำลายลงได้จริงๆ เขาผลักนางยังมองในเแง่ดีว่าเขาช่วยดันให้ลุกขึ้น
ชีวิตของจิงเชียวจึงไม่มีคำว่าแค้นเคืองหรือโกรธใครสักคน นางจึงยังยิ้มและกินอย่างมีความสุข จะว่าไปแบบนี้ก็ดีแต่อี้เหลียวอยากจะให้คุณหนูของนางระแวดระวังให้มากกว่านี้กลัวใครจะอาศัยช่องนี้ของนางทำร้ายจิงเชียวจนเกินไป
“ท่านพี่ไม่ควรให้ลูกแต่งกับท่านอ๋องฟู่ฉวีช่าย”
“เพราะเหตุใดกันเล่าฮูหยิน ฟู่ฉวีช่ายองอาจหล่อเหลาแล้วยัง รู้จักมักคุ้นกับจิงเชียวของเรามาแต่ไหนแต่ไร”
“ท่านพี่ท่านไม่เห็นหรือว่าเขา มองแค่รูปลักษณ์ภายนอกมองจิงเชียวแค่หญิงอ้วนน่าเกลียดก็เท่านั้น”
“จิงเชียวของข้าน่ารังเกียจตรงไหนวันๆ นางก็ไม่เคยให้ร้ายใคร อีกทั้งยังมองผู้คนในแง่ดีเสมอ หากใครแต่งกับนางล้วนแต่โชคดี ถึงจะมีเมียอีกนับสิบนางก็คงไม่เที่ยวไปเกะกะระรานเมียอื่นของสามีแน่”
“ท่านพี่ท่านพูดแบบนี้กระทบถึงข้าหรือไม่”
“ฮูหยิน…ฮูหยินของข้าเองก็ไม่เคยระรานใคร มีแต่ข้าที่เผลอพลาดไปทำให้จิงชินเกิดมาฮูหยินของข้ายังใจดีรับจิงชินมาเลี้ยงดูราวกับลูกในไส้”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับท่านอ๋องฟู๋หากจิงเชียวของเราเหมาะที่จะเป็นภรรยาก็ควรจะเป็นภรรยาของใครก็ได้มิใช่หรือ”
“ข้าก็แค่หวังว่าอ๋องฟู่จะไม่รังเกียจนางและคิดถึงอดีตที่เคยวิ่งเล่นกับจิงเชียวมาก่อน และนั่นจะทำให้จิงเชียวหันมาใส่ใจตัวเอง กินให้น้อยลงก็เท่านั้น”
“หากท่านอ๋องฟู่ไม่แต่งจิงเชียวของเราเล่าท่านจะทำอย่างไร”
“กล้าพูดว่าไม่แต่งหรือ ดี ข้าจะเข้าเฝ้าฝ่าบาทวันนี้ ให้มีราชโองการให้อ๋องฟู่ฉวีช่ายแต่งกับ จิงเชียวอย่างไม่มีข้อแม้”
จิงชินที่ยกชายามบ่ายมาให้ท่านราชครูกับฮูหยินจิงหรานยิ้มบางๆ ก้าวเดินเข้าไปในห้องที่ทั้งคู่กำลังหารือกัน
“ท่านพ่อ ท่านแม่”
จิงหรานหันไปยิ้มกับจิงชิน
“ข้ายกชากับขนมก้อนอาหารว่างยามบ่ายมาให้ท่านทั้งสอง และมากล่าวคำขอโทษที่ทำให้พี่สาวจิงเชียวอับอายด้วยอาภรณ์ที่ข้าตัดเย็บ”
“ลุกขึ้น จะคุกเข่าทำไมกันเรื่องเล็กน้อยแค่นี้”
ใต้เท้าฉินตำหนิเบาๆ
จิงหรานเดินเข้าไปกุมมือจิงชินที่นั่งคุกเข่าสำนึกผิดกับพื้น สบตาอ่อนโยนเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าๆ ของนางอีกทั้งใบหน้างดงามยามเศร้าสร้อยยิ่งน่าสงสารยิ่งนัก
“เรา…ข้ากับพ่อของเจ้าไม่ได้โกรธอะไรเจ้าเสียหน่อย เจ้าทำดีแล้วบรรเลงเพลงกู่เจิ้งยอมให้จิงเชียวออกไปร่ายรำต่อหน้าผู้คนแทนที่จะเป็นเจ้าได้แสดงความสามารถแล้วเผยความงดงามเพียงลำพัง แต่เจ้ากลับยอมทำตามที่ข้าขอก็ดีแค่ไหนแล้ว”
จิงชินยังก้มหน้าสำนึกผิด
“แต่พี่สาวก็อายคนทั้งงาน ที่อาภรณ์นางปริขาดแล้วยังล้มลงกับพื้น”
“อย่ากังวลไปจิงชิน ข้าดุเจ้าหรือท่านพ่อเจ้าดุเจ้าหรือ เราสองคนไม่เคยดุด่าแล้วอีกอย่างท่านพ่อของเจ้ายังตั้งใจทาบทามรองแม่ทัพจื้อกู่เพื่อเจ้า ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นลูกสาวคนหนึ่งที่อ่อนหวานน่าเอ็นดูอีกทั้งตั้งแต่เจ้ามาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยสร้างปัญหานางก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก มานั่งนี่ดื่มชากับของว่างกับข้ากับพ่อเจ้าดีกว่า ข้าหวังว่าต่อไปแค่เจ้าดีกับจิงเชียวเหมือนในตอนนี้ก็พอแล้ว จิงเชียวนางต่างจากเจ้าที่นางหวังแค่กินอิ่มนอนหลับก็มีความสุขแล้วต่อไปเจ้าก็แค่คอยส่งเสริมนางเคียงข้างนางเหมือนในตอนนี้”
จิงชินยอมลุกขึ้นแต่โดยดี