ท่านพี่อ๋องฟู่ดีกับข้าจริงๆนะ
"ฟู่ฉวีช่ายอ๋องรับราชโองการรรร"
ขันทีชรานำราชโองการวางบนถาดสีทองคลี่ออกช้าๆ อ่านดังๆ
ใบหน้าเรียบเฉยของอ๋องฟู่ไม่ได้มีท่าทีอะไร เพียงแค่คุกเข่าลงรับร่างโองการจากมือขันทีชรา
"ท่านอ๋องยินดีด้วย ยินดีด้วยข้าน้อยไม่คิดจริงๆ ว่าท่านจะได้ชายาเอกกับชายารองเสียพร้อมกันในคราวเดียว แล้วยังเป็นพี่น้องร่วมบิดาเรื่องบาดหมางคงไม่มี และพวกนางก็คงปรนนิบัติท่านอ๋องอย่างดี หากไม่ติดที่ ไม่ติดที่ชายาเอกจะ… อวบอั๋นไปหน่อย…ไม่สิอย่าเรียกว่าอวบอั๋นข้าน้อยกำลังสรรหาคำพูดที่จะไม่ทำให้ท่านอ๋องขุ่นเคือง และหากใต้เท้าฉินมาได้ยินก็จะยิ่งขุ่นเคือง เอาเป็นว่าชายาเอก…ร่างหนาไม่สิ ไม่พูดดีกว่า"ฟู่อ๋องหลุบตามองพื้น
"เสร็จธุระท่านหรือยังกงกง"
"อ่า เรียบร้อยแล้วขอรับ ข้าน้อยทูลลา"
ประสานมือตรงหน้าเข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟันกับกิริยาของอ๋องฟู่ที่มักจะเย็นชากับผู้อื่นราวกับคนคนนั้นไร้ตัวตน
"ท่านอ๋อง สมใจไหมขอรับในที่สุดก็ได้แต่งกับคุณหนูรองจิงชินผู้งดงาม"
เสี่ยวฝานพูดขึ้นเบาๆ ร่างสูงก้าวขายาวๆ หันหลังกลับเข้าไปในจวนอ๋อง
บ้านฉิน
อี้เหลียวยกถาดขนมเข้ามาวางตรงหน้าจิงเชียวที่กำลังเคี้ยวบางอย่างแก้มตุ๋ย
"เอามาเลยเอามาใกล้ๆ ข้า”
"คุณหนูเจ้าขา ฝ่าบาททรงมีราชโองการให้คุณหนูแต่งกับท่านอ๋องฟู่"
จิงเชียวพ่นขนมที่เพิ่งยัดเข้าปากออกมาเกือบหมด อี้เหลียวรีบหยิบผ้ามาเช็ดปากให้
"พี่ อ๋องฟู่ว่าอย่างไร เขาๆๆ ดีใจไหมที่จะได้แต่งกับข้าหรือว่าเขาเสียใจ ข้าเข้าใจแล้วต้องเป็นเพราะท่านพ่อต้องเป็นที่ท่านพ่อแน่ๆ ที่บังคับพี่อ๋องฟู่"พูดรัวเร็ว
"คุณหนู อี้เหลียวได้ยินมาว่านายท่านสมนาคุณที่ท่านอ๋องยอมแต่งกับคุณหนู ด้วยการที่ยกคุณหนูรองให้แต่งเป็นชายารองเสียพร้อมกัน”
คิ้วดำขมวดเข้าหากัน
“ท่านพ่ออย่างนั้นหรือ แต่ก็จริงนะ ข้าไม่ได้งดงามเหมือนน้องสาวการที่ใครจะอยากแต่งหรือไม่อยากจะแต่งกับข้าก็ไม่แปลก แต่กับจิงชินจะต้องมีคนอยากแต่งกับนางมากมาย ทำไมท่านพ่อถึงให้นางมาเป็นชายารองข้าละ แต่ก็ดีนะพี่อ๋องฟู่คงดีใจใช่ไหม” น้ำเสียงแสดงความไม่แน่ใจ
อี้เหลียวถอนหายใจ
“ก็คุณหนูรองก็ต้องเป็นชายารองถูกแล้ว เดิมนายท่านฉินจะให้ท่านแต่งกับท่านอ๋องเพียงผู้เดียวไม่ต้องมีชายารอง มาครั้งนี้กลับให้คุณหนูรองมาเป็นชายารองข้าไม่เข้าใจนายท่านจริงๆ ท่านอ๋องเองก็เท่ากับโชคหล่นทับ”
อยากจะต่อคำว่าโชคหล่นทับที่ได้ชายารองแสนสวยและเพียบพร้อมแต่กลัวว่าจิงเชียวจะคิดมาก
“ช่างเถอะแบบนี้ค่อยเบาใจหน่อยข้าละห่วงกลัวว่าพี่อ๋องฟู่จะลำบากใจที่ต้องแต่งกับข้าเสียอีก ดีจังข้ากำลังจะได้ อาศัยบ้านเดียวกับพี่อ๋องฟู่ ใกล้ชิดพี่อ๋องฟู่แล้วได้นอนได้กินด้วยกันได้เห็นหน้าพี่อ๋องฟู่ในทุกวัน พี่อ๋องฟู่เขาปฏิเสธข้าไหมในครั้งแรกที่รู้ว่าจะแต่งกับข้า”
ประโยคสุดท้ายอดสงสัยไม่ได้ ว่าอ๋องฟู่มีท่าทีเช่นไร พูดไปเคี้ยวไปไม่ยอมหยุดปาก แก้มสุกใสราวกับมะเขือเทศ แต่ดวงตามีแววครุ่นคิด
“ไม่เจ้าค่ะ อี้เหลียวได้ยินว่าท่านอ๋องเก็บซ่อนความรู้สึกไว้เสียหมด จะบอกว่าไม่อยากแต่งก็ไม่ได้เพราะเขายกทั้งสองคนให้เป็นทั้งชายเอกและชายารอง”
“หากเป็นข้าคนเดียวพี่อ๋องฟู่คงปฏิเสธใช่ไหม ฮ่าาาาๆๆๆๆ เพราะข้าอ้วนท่านอ๋องเลยไม่อยากแต่งกับข้าใช่ไหม”
อี้เหลียวจับสังเกตในน้ำเสียงไม่ได้แม้แต่น้อยว่ามีความรู้สึกใดกันแน่โศกเศร้า เก็บงำ ปิดบัง หรือว่ากลบเกลื่อน
"พรุ่งนี้ท่านอ๋องจะมาที่นี่เพื่อพูดคุยกับท่านฉินถึงกำหนดการแต่งงานกับคุณหนูทั้งสอง นายหญิงบอกกับข้าว่าให้คุณหนูกินน้อยหน่อยเวลาที่ต้องเสวยร่วมกันกับท่านอ๋อง”
จิงเชียวยิ้มตาหยีแต่ไม่วายที่ตาสองข้างจะปิดสนิท รอยยิ้มนี้หากตัดแก้มและคางที่ย้อยลงมาข้างกระดูกไหปลาร้าทั้งสองออกเสียจะเป็นรอยยิ้มที่น่ามองไม่น้อยเพราะเป็นรอยยิ้มที่มาจากหัวใจ
“อี้เหลียวเจ้าก็นำของกินมาให้ข้าเยอะหน่อยวันนี้เพราะพรุ่งนี้ข้าจะได้ไม่หิวมากไปกว่านี้ วันนี้ข้าจะกินให้อิ่มแล้วนอนสบายได้นั่งกับพี่อ๋องฟู่ได้นานขึ้น”
“คุณหนูเจ้าขากินมากไปวันเข้าหอไม่สวยนะเจ้าคะ”
“อี้เหลียวเจ้าเคยเห็นข้าสวยด้วยหรือ”
“อย่างน้อยก็ได้พยายามอย่างไรเล่าเจ้าคะ” จิงเชียวหัวเราะพุงกระเพื่อม
“ข้าชอบเจ้าที่พยายามให้ข้าผอมให้ได้ แต่ข้า ข้า"