บทย่อ
เพราะข้าอ้วนท่านอ๋องเลยไม่อยากแต่งกับข้าใช่ไหม
ก้อนเนื้อกลมๆอารมณ์ดี
"อ๋องฟู่ฉวีช่าย ก็มาร่วมงานวันเกิดหรือ"
ฉินจิงเชียวยกมือขึ้นบิดไปมาตรงหน้าท่าทีเคลิ้มฝัน อาการบิดตัวไปมาทำเอาไขมันที่หน้าท้องแขนขากระเพื่อมเป็นลูกคลื่น ใบหน้าอ้วนที่คางหย่อนลงมาถึงสามชั้นไม่ได้สองขั้นอย่างคนอ้วนทั่วไปอมยิ้มอย่างคนอารมณ์ดีที่มีมากพอๆ กับไขมัน
"เจ้าค่ะคุณหนู ฮูหยินใหญ่ให้ท่านสวมอาภรณ์ให้รัดรูปหน่อย ทนอึดอัดเอานิดเผื่อว่าจะดูดีขึ้นมาบ้าง"
จิงเชียวยิ้มแก้มพอง
อี้เหลียวพูดแบบไม่ถนอมน้ำใจก็จิงเชียวไม่เคยโกรธอยู่แล้วนี่
นางยอมรับสภาพอ้วนราวกับแม่หมูของนางได้ แล้วยังกินเพิ่มไปอีกในทุกวัน ตอนเป็นเด็กก็น่ารักน่าเอ็นดู แต่พอโตมาน้ำหนักตัวของนางยิ่งเพิ่มขึ้นจนฉุดไปอยู่ท่านราชครูฉินเกอกับฮูหยินใหญ่จิงหรานก็ตามใจ ไม่เคยดุด่ามีแต่สรรหาของดีๆ มาให้นางกิน เพราะเป็นลูกคนเดียวของท่านฉินที่อายุปาเข้าไป45ปีในปีที่จิงเชียวถือกำเนิดและฮูหยินจึงตามใจ จิงเชียวเลยกลายเป็นคนอ้วนที่อารมณ์ดีที่สุดในแคว้น มองโลกในด้านดี ยิ้มหัวพูดคุยไม่มีทางที่จะแค้นเคืองใคร
แต่เรื่องมาสะดุดหยุดลงตรงที่ ฝ่าบาทดันประทานงานแต่งงานให้อ๋องฟู่ฉวีช่ายกับบุตรีบ้านฉิน นายท่านกับฮูหยินเลยให้คุณหนูใหญ่จิงเชียวกินน้อยลง แต่ก็แค่ไม่กี่วัน งานดูตัวก็เริ่มขึ้นในวันคล้ายวันเกิดของท่านราชครู แต่จะว่าไปใครเขาจะเอาหญิงอ้วนกินจุมองหาความงดงามไม่มี มาทำซากอะไรเล่า
อ๋องฟู่ฉวีช่าย อ๋องผู้หล่อเหลาเกินใครในเจ็ดคาบสมุทรหญิงใดบ้างไม่หมายปองรวมทั้ง…..จิงเชียวที่แอบฝันใฝ่ถึงพี่อ๋องฟู่ตั้งแต่ยังไม่ผ่านวัยเด็กด้วยซ้ำไป รักแรก รักเดียวของจิงเชียวหญิงอ้วนแห่ง แคว้นหนี่ลัว…
"พี่อ๋องฟู่จะใจดีเหมือนเมื่อก่อนไหมนะ ดีใจจังจะได้พบท่านพี่อ๋องฟู่ กี่ปีแล้วนะตั้งแต่พี่อ๋องฟู่จากหนี่ลัวไปศึกษาเล่าเรียนพี่อ๋องฟู่จะจำข้าได้ไหมหนอ คิคิ"
หมุนตัวไปมาหน้ากระจก พุงใหญ่กระเพื่อมช่างน่าชังสิ้นดีแต่นางก็ยังยิ้ม
"อี้เหลียวได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นบุรุษหนุ่มองอาจยากจะคาดเดา"
มืออ้วนๆประสานบิดม้วนตรงหน้าอีกครั้ง
"ท่านอ๋องเฉยชาใช่ไหม อือ ข้าละอยากจะพบพี่อ๋องฟู่เร็วๆเสียจริง ว่าแต่ว่าจิงชิน นางสวมอาภรณ์สีอะไร"
อี้เหลียวถอนหายใจ
โธ่ยังกล้าเอาตัวเองไปเปรียบกับเขา สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมมีจิงเชียวก็ดันมีฉินจิงชินที่บังเอิญเกิดหากกันเพียงปีเดียวจากนางในหอนางโลม จิงชินนางงดงามราวกับธิดาสวรรค์อรชรอ้อนแอ้น อีกทั้งกิริยาอ่อนหวานราวกับผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี ทั้งที่เป็นลูกที่ท่านฉินไม่อยากจะรับ รับเพียงแต่ลูกมารดานางที่เป้นนางโลมไม่เคยให้เฉียดเข้าใกล้บ้านฉิน จิงชินถูกนำมาเลี้ยงในบ้านฉินตั้งแต่ห้าขวบ
นางไร้การอบรมจากมารดา แต่ด้วยนางเจียมเนื้อเจียมตัวจึงทีท่าที่เรียบร้อยอ่อนหวาน ทำให้ผู้ที่พบเห็นล้วนอดเอ็นดูเสียไม่ได้ ฮูหยินฉินแม้ไม่รักแต่ไม่รังแก จัดหาเสื้อผ้าอาภรณ์ ห้องหับและุหญิงรับใช้ให้ทัดเทียมฉินจิงเชียว จะน้อยกว่าคุณหนูใหญ่ก็ตรงเรื่องอาหารการกินที่ จิงเชียวมักจะได้กินแต่ของดีๆ และในปริมาณที่เท่ากับสามคนกิน
"อาภรณ์สีขาวเจ้าค่ะ คุณหนูรองนางยังบรรเลงเพลงกู่เจิ้งอวยพรวันเกิดให้นายท่านด้วย"
"แล้วข้าเล่าอี้เหลียว เจ้าว่าข้าควรอวยพรวันเกิดท่านพ่อด้วยสิ่งใดจึงดี"
อี้เหลียวยิ้มเจื่อนๆ แค่จะเดินยังไม่ไหว ต้องแบกร่างมหึมาไปบรรเลงเพลงกู่เจิ้งหรือร่ายรำคงไม่ได้แน่
"ข้าจะร่ายรำ"อี้เหลียวอ้าปากค้าง
"ตะตะแต่คุณหนูพรุ่งนี้งานก็เริ่มแล้ว ท่านยังไม่ทันได้ฝึกฝนการร่ายรำ"
จิงเชียวยิ้ม เข้าใจดีว่าอี้เหลียวห่วงใย
"ท่านพ่อมักจะปลีกตัวไปดูการร่ายรำที่หอนางโลม ให้ท่านแม่ขุ่นเคือง เอาแบบนี้ข้าแค่ร่ายรำจำท่ารำสักสองสามท่า ท่านพ่อคงพอได้ยิ้มได้ เจ้าไปเรียกนางรำในหอนางโลมเข้ามาฝึกข้า"อี้เหลียวยิ้มเจื่อนๆ
"เจ้าค่ะคุณหนู"
รับคำอดเวทนาเสียไม่ได้ จะว่าไปจิงเชียวน่าสงสารไม่น้อยจะเดินจะนอนก็ยังลำบากแต่นี่นางถึงขั้นจะร่ายรำ นับว่ามีความตั้งใจจริง
จวนอ๋อง
"จะต้องวุ่นวายไปทำไมกันข้าสวมอาภรณ์แบบไหนก็ได้ไม่สำคัญ”
ใบหน้าหล่อเหลาสีหน้าเรียบเฉยแต่น้ำเสียงบ่งบอกว่าอย่างนั้นจริงๆ