ทุกอย่างล้วนมีเหตุ
"หากคุณหนูผอมลงคุณหนูของอี้เหลียวจะสวยที่สุดและท่านอ๋องก็จะรักคุณหนูใส่ใจคุณหนูเหมือนที่ทำกับคุณหนูรองคุณหนูไม่อยากเป็นภรรยาที่ท่านอ๋องรักใคร่ยืนเคียงข้างท่านอ๋องอย่างสบายใจให้คนคอยแซ่ซ้องว่าเป็นคู่แท้จากสวรรค์หรือเจ้าคะ"
อี้เหลียวอธิบายเสียยืดยาวหวังเปลี่ยนใจจิงเชียวได้
"ข้าสัญญาต่อไปข้าจะกินน้อยลง แต่ ตอนนี้ขอแค่ได้เห็นพี่อ๋องฟู่ทุกวันได้ใกล้ชิดเขาไม่ขอให้เขามารักหรือสนใจข้า ก็ข้าอ้วนออกอย่างนั้น และมันคือเรื่องจริงที่ตอนนี้ข้าไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ให้เขามีความสุขกับน้องรองไปก็ดีแล้วฮ่าๆๆๆๆ ลูกของพวกเขาจะต้องน่ารักที่สุดจริงไหมอี้เหลียวพ่อองอาจหล่อเหลาที่สุดส่วนจิงชินนางก็งดงามเกินใคร”
บำเพ็ญเพียรถึงสามภพสามชาติหรือไรคุณหนูใหญ่ของอี้เหลียวจึงเป็นคนดีเพียงนี้ จิงชินงดงามก็จริงทว่านางเป็นคนที่อ่านยากไม่น้อย ต่างจากจิงเชียวที่เปิดเผยจริงใจ
"เจ้าคะ"อี้เหลียวไม่อยากจะพูดมากกว่านี้
"อี้เหลียวมานี่"
อี้เหลียวขยับตัวมาใกล้ จิงเชียวยกท่อนแขนมหึมาขึ้นสวมกอดอี้เหลียว
"โอะๆๆ คุณหนูระวังเจ้าคะ อี้เหลียวจะหายใจไม่ออก"
มืออ้วนคลายอ้อมแขนออกกอดไว้หลวมๆ
"ขอบใจเจ้านะอี้เหลียวที่หวังดีกับข้า แค่นี้ข้าก็ดีใจแล้วทุกคนแวดล้อมต่างดีกับข้า ทั้งๆ ที่ข้าอ้วนน่าเกลียดเพียงนี้"
อี้เหลียวอึ้งยกมือขึ้นโอบแผ่นหลังของจิงเชียวได้เพียงหนึ่งส่วนจากสามส่วน
"คุณหนูของอี้เหลียว น่าเอ็นดูเพียงนี้ ใครอยู่ใกล้จะต้องหลงรักและมีความสุขในสิ่งที่คุณหนูเป็น ทุกอย่างที่หลอมรวมเป็นคุณหนูทำให้ความคิดฝ่ายต่ำพ่ายแพ้"
จิงเชียวพยักหน้าขึ้นลง
เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างด้วยนางปีนี้ก็แค่สิบเจ็ดปี
อีกวัน ที่ห้องครัวในจวนราชครูต่างวุ่นวายแต่เช้า ทำอาหารให้จิงเชียวเพื่อตุนไว้ก่อนที่จะเสวยกับอ๋องฟู่หวังว่ากินไปแล้วจะกินได้น้อยลงต่อหน้าเขา
"ข้าว่านะ อี้เหลียวถึงวันนี้ข้าจะกินน้อยแค่ไหนแม้ว่าจะตบตาพี่อ๋องฟู่ได้แต่เมื่อข้าเข้าไปอยู่ในจวนอ๋องแล้วเขาก็ต้องเห็นข้ากินอยู่ดี”
“คุณหนูก็ควรหัดกินให้น้อยลงเจ้าคะ หรือไม่ก็ทำเหมือนตอนนี้ยามที่ต้องเสวยกับท่านอ๋องก็กินให้น้อยลงหน่อย แล้วค่อยมาแอบกินยามที่อยู่เพียงลำพัง นายหญิงกับนายท่านห่วงคุณหนูเรื่องนี้มาก เห็นในครัวพูดกันว่านายท่านคัดคนให้ไปรับใช้คุณหนูที่จวนอ๋องจำนวนไม่น้อยให้คอยทำอาหารให้คุณหนู กลัวว่าคนที่จวนอ๋องจะไม่ทันใจและทำอาหารไม่ถูกปากคุณหนู"
"ข้าทำทุกคนลำบากอีกแล้วหรือ"วางของกินลง
ห้องรับรองแขกที่บัดนี้อ๋องฟู่ในอาภรณ์สีขาวสะอาดตาคลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีดำขลิบทอง มองดูงามสง่า เรือนผมรวมเรียบตึงไว้สวมกวานที่เป็นการสวมกวาน ซานเจียบ่งบอกว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวสามารถเข้าร่วมงานพิธีการต่างๆ ได้แล้ว แล้วยังเท่ากับการให้เกียรติกับบ้านฉินเพราะการสวมกวานจะสวมใส่ไปในงานพิธีสำคัญหรืองานสำคัญเท่านั้นใบหน้าหล่อเหลายังเรียบเฉยวางท่าทีสูงส่ง เสี่ยวฝานยืนอยู่ข้างๆ จิงชินสวมใส่อาภรณ์สีฟ้าขับผิวขาวให้ขาวน่ามองใบหน้าแต่งแต้มแต่พอดีด้วยโทนสีชมพูหวานเข้ากับอาภรณ์สีฟ้า นั่งบนเก้าอี้ตรงกันข้ามกับสามบุรุษรวมทั้งท่านฉิน
“ท่านพี่อ๋องฟู่ ท่านพ่อ ข้ามาแล้ว”
อี้เหลียวพยุงร่างตุ๊ต๊ะของจิงเชียวเข้ามาในห้อง ฮูหยินฉินตามมาติดๆ
อ๋องฟู่เพียงพยักหน้าขึ้นลง
“ยกเก้าอี้ของคุณหนูเข้ามา”
คนรับใช้บุรุษสองสามคนช่วยกันยกเก้าอี้ไม้ตัวใหญ่ที่ทำพิเศษเพื่อจิงเชียว เสี่ยวฝานเลิกคิ้ว
“เรารอเจ้านะลูกพ่อ งานแต่งกำหนดจัดขึ้นในอีกสามวัน เจ้าไม่ต้องยุ่งยากฝ่าบาทพระราชทานอนุญาตเป็นกรณีพิเศษเจ้าจะได้ไม่ต้องลำบากในงานพิธี แค่ส่งเกี้ยว ไปยังจวนอ๋อง แล้วของขวัญพิเศษจากพระหัตถ์ของฝ่าบาทก็ให้ส่งให้เจ้าที่จวนอ๋องในทันทีฝ่าบาทมอบของขวัญชิ้นพิเศษสำหรับจิงเชียวน้อยของฝ่าบาทด้วยนะ”จิวเชียวยิ้มตาหยี คางสามชั้นห้อยลงมาเหมือนเดิม
จิงชินก้มหน้าเสีย
“ท่านลุงข้า ความจริงอยากให้มีงานพิธีเพื่อเป็นเกียรติกับบ้านฉิน และ…..ว่าที่ชายาทั้งสองของข้า”จิงเชียวยิ้ม
“ ไม่จำเป็น ไม่จำเป็น ข้าหาถือสาพี่อ๋องฟู่ไม่ต้องกังวล ฮ่าๆๆๆ”จิงเชียวพูดขึ้น
ท่านฉินถอนหายใจ จิงชินก้มหน้ามองมือตัวเอง
“เช่นนั้นก็ให้จิงชินนางร่วมในพิธีเพียงลำพัง ส่วนจิงเชียวคงจะยืนร่วมพิธีไม่ไหว ท่านอ๋องจะได้สบายใจว่า ได้แต่ง”
ฮูหยินจิงหราน เอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ฟู่อ๋องฉวีช่ายยิ้มบางๆ ไม่ได้โต้แย้งอะไร
“ได้หรือไม่ จิงเชียวเจ้ายินดีหรือไม่หากจะให้น้องสาวของเจ้าเข้าร่วมพิธีแต่งงานเพียงลำพังส่วนเจ้า ก็รอที่จวนอ๋อง”
ฟู่อ๋องเหลือบตามองกิริยาของจิงเชียวที่ยิ้มแก้มปริ ดวงตาสุกสกาวไม่มีท่าทีว่าจะขุ่นเคืองแม้แต่น้อย
“ดีเลยค่ะท่านพ่อ ข้าไม่อยากเป็นตัวถ่วงน้อง ข้ายืนไม่ไหวก็ควรให้น้องร่วมพิธีส่วนข้าจะร่วมพิธีหรือไม่ก็ไปนั่งรอที่จวนอ๋องแล้ว แล้วแต่งหรือไม่คนเขาก็รู้กันทั่วแม้แต่ฝ่าบาทยังประทานของขวัญพิเศษสำหรับข้า แค่นี้จิงเชียวก็ดีใจมากแล้ว”