5
ใบหน้าอ้วนของแม่สามีอย่างนางสวีพลันมีสีขึ้นมาประเดี๋ยวแดงประเดี๋ยวเขียว
"เจ้านังอ้วนสมควรตาย ลู่หยียังไงเจ้าต้องให้ไอ้เด็กนรกไปขนฟืนให้ได้ ลู่หยีไปลากตัวพวกมันมา" นางสวีไม่ยอมถึงอย่างไรนางจะใช้งานเจ้าแฝดอยู่ดี
นางสวีเป็นเมียรองอีกคนของลู่เย่ ในตอนนั้นมารดาของลู่เยียน นางเจียวหลินไปทำงานที่เมืองหลวงต้าเยียนพร้อมหอบบุตรชายอย่างลู่เยียนไปด้วย ทำให้ลู่เย่หาภรรยาอีกคนผ่านไปสิบห้าปี เจียวหลินกลับมาที่หมู่บ้านสกุลลู่พร้อมบุตรชาย ลู่เย่ก็ยังรักเจียวหลินอยู่กระนั้นจึงอยู่ด้วยกัน แม้เจียวหลินจะรู้ว่าลู่เย่มีเมียอีกคน
นางสวีนึกชังเจียวหลินไม่รู้จะกลับมาทำไม แช่งเจียวหลินให้ตายทุกวัน จนกระทั้งเจียวหลินคลอดบุตรฝาแฝดสามคนสิ้นใจตาย ทำให้ลู่เยียนแยกตัวออกมาเลี้ยงดูน้องทั้งสามคนของเขา
นางสวีพลันดีใจอย่างมากที่เจียวหลินตายไปแล้ว แต่ทว่าไม่วายที่จะตามมารังควานสามแฝด
ลู่เยียนเป็นพี่ใหญ่ เกิดจากเจียวหลิน
ลู่หยางเป็นพี่รอง เกิดจากนังสวีชอบเที่ยวเตร่ไปทั่ว
ลู่หยีเป็นพี่สาม เกิดจากนังสวีเช่นกัน แต่สามแฝดไม่นับถือสามแฝดนับถือเพียงพี่ใหญ่เท่านั้น
"หากเข้ามาก็ข้ามศพข้าไปก่อน" ชีหนิงไม่คิดเลยว่าจะมีผู้ใหญ่ใจดำรังแกเด็กตาดำๆ ได้เพียงนี้
ร่างอ้วนยืนขวางทางเข้าเท้าเรือนมิให้ลู่หยีเข้มไปด้านใน
"ท่านแม่นังอ้วนมันขวางข้า" ลู่หยีฟ้องมารดา ชีหนิงจะต้องปกป้องสามแฝดให้ดี นางจะไม่ให้ผู้ใดมาทำร้ายสามแฝดได้เป็นอันขาด
"ตบนางเสีย" ลู่หยีหมายจะตบชีหนิงแต่ทว่า ชีหนิงยกเท้าถีบลู่หยีจนหงายหลังกับพื้น
"อาหยีลูกข้า นังสารเลวกล้าถีบลูกข้า" ลู่หยีนอนดิ้นกับพื้นเพราะเท้าโดนท้องของนางจุกมาก
"พวกท่านจะทำอะไรพี่สะใภ้ข้า" สามแฝดเดินมาพร้อมกับฝูงห่าน ฝูงเป็ด ฝูงไก่
"ไล่พวกนางทั้งสอง" สัตว์ปีกต่างเชื่อฟังสามแฝดทั้งเป็ดทั้งห่านทั้งไก่วิ่งไล่จิกสองแม่ลูกถึงกับกระเจิงออกไป
"ฝากไว้ก่อนเถอะเจ้าพวกเนรคุณ" เสี่ยวต้า เสี่ยวเอย เสี่ยวอิงจำความได้มีแต่พี่ใหญ่ที่เลี้ยงดูพวกเขา ส่วนนางสวีเป็นแค่มารดาเลี้ยงที่คอยรังแกสามแฝดเท่านั้น
"พวกเจ้ารีบนำเป็ด ไข่ ห่าน เข้าเล้าเร็วเข้า" ชีหนิงยิ้มให้กับความน่ารักของเจ้าแฝด
สามแฝดเห็นว่าชีหนิงอยากปกป้องพวกเขาแล้ว สามแฝดก็ดีใจมาก
"พี่สะใภ้ขอบคุณท่านมาก" สามแฝดเห็นชีหนิงถีบลู่หยีทำให้นึกสะใจไม่น้อย ยิ่งได้เห็นลู่หยีทรมานนอนกองกับพื้นมันยังไม่สาสมที่ลู่หยีกลั่นแกล้งสามแฝด
"ไม่เป็นไรนับแต่นี้ข้าจะปกป้องพวกเจ้าแทนพี่ใหญ่ของพวกเจ้าเอง" เจ้าผักกาดทั้งสามได้ยินเช่นนั้นก็พลันอบอุ่นหัวใจ
เที่ยงของวันนั้นชีหนิงนำอาหารจากกำไลวิเศษออกมานั่นคือหม้อมไฟ หญิงสาวทำหม้อไฟหมูให้สามแฝดกิน
"พี่สะใภ้ท่านหาหมูมาจากไหน" ชีหนิงมองสามแฝดช่างสงสัยจริงๆ
"ก็ตอนที่พวกเจ้าหลับข้าก็ไปขึ้นเขาได้หมูป่าตัวเล็กนิดเดียวมาให้พวกเจ้ากินไงล่ะ" ชีหนิงโกหกหน้าตาย
"วันหลังท่านไปหาของป่าอย่าลืมเรียกพวกเราไปด้วย พวกข้าอยากหาของป่า" เสี่ยวต้าเป็นคนเอ่ยขึ้น
"ได้เลย ข้าจะขึ้นไปหาของป่าไปขายในเมืองจินอยู่พอดี บ้านเราจำเป็นต้องใช้เงิน อีกหน่อยพอพี่ใหญ่ของเจ้ากลับมาหากเขาสอบขุนนางได้ พวกเราต้องย้ายไปอยู่เมืองหลวง"
ชีหนิงพลันนึกถึงเงินในยุคนี้ ของในบ้านแทบไม่มีอะไรเลย สมบัติหญิงอ้วนนำไปขายน่าจะได้หลายตำลึงอยู่ แต่ทว่าตอนย้ายไปเมืองหลวงเงินแค่นั้นไม่เพียงพอ นางคิดว่านางจะนำของไปขายดีกว่าปรุงยาไปขาย
ใบหน้าชีหนิงประดับด้วยรอยยิ้มสามแฝดมองร่างอ้วนพลันยิ้มช่างเป็นใบหน้าที่จริงใจนัก
"พี่สะใภ้ ข้าชอบท่านยิ้มเช่นนี้จริงๆ" เจ้าผักกาดสามหัวพลันเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
รอยยิ้มของสามแฝดทำให้นางไม่อยากจะกลับบ้านตัวเองเสียแล้ว
"กินเยอะๆ นะพวกเจ้าทั้งสามคน" ชีหนิงคีบหมูให้ทั้งสามคน
เสี่ยวอิงน้ำตาไหล เสี่ยวเอยเช่นกัน มีเพียงเสี่ยวต้าที่ไม่ร้องไห้เหมือนน้องทั้งสองคน
"อย่าร้องไห้เลย"
"พวกข้าดีใจที่ได้กินเนื้อ" ปกติเจ้าผักกาดขาวทั้งสามคนได้กินแต่ผัก ไม่ค่อยได้กินเนื้อ ชีหนิงนึกสงสารสามคนนี้จริงๆ
"วันพรุ่งนี้พวกเราจะลงเขาไปในเมืองจิน พี่สะใภ้จะพาเจ้าไปเที่ยว" นางจะเอาเครื่องประดับบางส่วนไปขาย
"จริงรึ" สามแฝดตาโตเท่าไข่ห่านด้วยความดีใจ
"จริงสิ พี่สะใภ้ไม่โกหกเจ้าหรอกนะ" หลังจากกินหม้อไฟเสร็จสามแฝดก็นอนยามบ่ายอย่างมีความสุข ไม่ต้องไปทำงานเหมือนทุกวัน ทั้งสามคนชอบพี่สะใภ้อ้วนคนนี้อย่างมาก
ชีหนิงก็ปลูกผัดรดน้ำหลังเรือน นางชอบสามแฝดมากจริงๆ เย็นนี้นางจะทำอาหารอร่อยๆ ให้พวกเขากินอีก
นางจำได้ว่าในนิยายหัวหน้าหมู่บ้านท่านลุงลู่เจียงมีแพะขาย นางจะต้องดูแพะอีกอย่างลู่เจียงมีเกวียนลงเขาทุกวันหากคนในหมู่บ้านจะลงเขาต้องใช้บริการเกวียนของลู่เจียง