๕ ซ่อนความรัก (๑)
๕
ซ่อนความรัก
ว่างจากงานเธอมักจะมาขลุกอยู่บ้านลิขิตสกุลโดยใช้เส้นทางลับของตัวเอง รู้ว่ากองปราบมีบินจึงทำตัวให้เป็นประโยชน์โดยการสวมผ้ากันเปื้อนแล้วลงมือทำความสะอาดบ้าน โชคดีที่ชายหนุ่มอยู่คนเดียวจึงไม่ต้องระมัดระวัง
เขาทำความสะอาดบ้านเป็นปกติจึงไม่ค่อยสกปรก หล่อนแค่ใช้เครื่องดูดฝุ่นตามซอกมุมแล้วนำผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มไปซักพร้อมอบแห้งค่อยพับเข้าตู้ เลือกผ้าปูลายใหม่ให้เขาเอง จัดการทุกอย่างด้วยความเต็มใจทั้งที่เขาไม่ได้เอ่ยขอร้องด้วยซ้ำ
เพียงแค่เป็นเรื่องของชายหนุ่ม...เธอยินดีทำให้ทันที
“อาปราบกลับมาแล้ว!” ไม่ได้ยินเสียงรถยนต์ขับเข้ามาในรั้วบ้าน รู้ตัวอีกทีก็เห็นร่างสูงเปิดประตูเข้ามาข้างใน ไม่รอช้าวิ่งเข้ามาหาพลางเขย่งปลายเท้าเพื่อกอดลำคอแกร่ง เธอจ้องดวงหน้าคมด้วยแววตาปีติ
เจ้าของบ้านอุ่นวาบในหัวใจ วางกระเป๋าลงบนพื้นแล้วยกมือโอบเอวคอดเอาไว้ ดันแผ่นหลังเล็กให้เข้ามาใกล้มากกว่าเดิม เหมือนลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าความรู้สึกที่มีคนรออยู่บ้านมันเป็นอย่างไร
พอได้คบกับเฌอรีนาที่สวมผ้ากันเปื้อน เกล้าผมขึ้นโดยที่ใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้การแต่งแต้ม เธอดูเหมือนแม่บ้านที่รอคอยสามีกลับรังรัก...เล่นเอาหัวใจเต็มตื้นจนต้องจุมพิตที่หน้าผากมน
เขาหวงแหนหล่อนเป็นอย่างมาก...
“มาอยู่บ้านอาตั้งแต่เมื่อไหร่” ผละออกเพื่อมองหล่อนให้ชัด
การมีแฟนเหมือนชีวิตส่วนหนึ่งเขาถูกเติมเต็ม คิดถึงความรู้สึกยามมีคนเคียงข้างกาย ยิ่งได้อยู่ด้วยกันหัวใจก็อิ่มเอมทุกครั้ง มองเฌอรีนาได้ไม่เบื่อ
ตอนนี้เขามองข้ามเรื่องอายุได้แล้ว ถึงตนจะอายุมากกว่าแฟนสาว แต่เธอเป็นคนแรกด้วยซ้ำที่เข้าใจเขาทุกอย่าง จนสามารถพูดคุยปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาที่เจอ
“น่าจะสักสองสามชั่วโมงได้แล้วค่ะ เฌอรู้ว่าอาปราบชอบวางกุญแจไว้ใต้กระถางต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน เลยแอบไขเข้ามา...หวังว่าคงไม่จับส่งตำรวจนะคะ” อ้อนตาใสแล้วมีหรือที่เขาจะกล้าทำอะไร แทบจะปั๊มกุญแจอีกดอกให้หญิงสาวด้วยซ้ำ
มีความสุขเป็นอย่างมากที่เธอมาอยู่ข้างกัน ถือว่าตนเองตัดสินใจถูกในวันนั้นที่เลือกเดินหน้ากับหล่อน ไม่ทิ้งหญิงสาวเอาไว้ข้างหลัง
“ใครจะกล้าจับแฟนตัวเองส่งตำรวจกันล่ะ” พูดเองก็รู้สึกเขิน
ไม่นึกว่าอายุปูนนี้จะได้แฟนที่เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย อีกทั้งตนก็เห็นหญิงสาวมาตั้งแต่ตัวเล็ก ซื้อของไปรับขวัญอยู่เลย วันหนึ่งอาจจะต้องเอาของหมั้นไปขอให้เธอมาเป็นภรรยา
เวลาช่างผ่านไปไวเหลือเกิน
“พูดอีกสิคะ เฌอชอบให้อาปราบเรียกเฌอว่าแฟน” ยังคงกอดลำคอแกร่งไม่ยอมปล่อย จ้องนัยน์ตาสีเข้มพลางออดอ้อน เธอชอบให้เขาเรียกตนว่าแฟนเพราะไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่ กองปราบปากแข็งจะตาย
ขนาดคำว่ารักยังไม่ค่อยพูดเลย ต้องเป็นเธอที่เอ่ยก่อนเขาถึงจะบอกกลับ แต่กระนั้นก็รับรู้ถึงความรู้สึกของชายหนุ่มที่มอบให้เสมอ
อยากให้ความสุขคงอยู่ตลอดไป...
“อาเหนื่อยแล้ว ขอขึ้นไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน” ค่อยปล่อยร่างบางเป็นอิสระ เธอเองก็ผละออกเช่นเดียวกัน แต่แววตายังคงสุกสกาวฉายความสุขพลางเอ่ยถามเหมือนต้องการหยอกล้อมากกว่าเอาจริง
“ให้เฌอช่วยอาบไหมคะ จะได้สะอาดทั้งตัว” หญิงสาวมีความสุขกับการได้หยอกคนอายุมากกว่าให้เขินอาย เพราะรู้ดีว่าเขาคงไม่ล่วงเกินหล่อนไปมากกว่าจูบ ถึงแม้ตนจะเต็มใจและให้ท่ามากแค่ไหนก็ตาม
เฌอรีนารู้ดีว่าเรื่องเซ็กส์สำคัญกับคู่รัก เธออยากให้เขาสอนแต่ดูเหมือนกองปราบจะไม่อยากเอาเปรียบแฟนสาวไปมากกว่านี้ แค่แอบคบกันลับหลังพ่อแม่หล่อนก็รู้สึกละอายแล้ว
แต่การจะให้บอกตอนนี้คงเป็นไปได้ยาก ต้องค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้ฌาร์มกับปริณดายอมรับ
“ไม่ต้องครับ” ยกมือลูบศีรษะมนแล้วค่อยหยิบกระเป๋าขึ้นไปชั้นบน เธอมองตามเขาด้วยรอยยิ้มจนลับสายตา
เธอเข้าห้องครัวเพื่อถอดผ้ากันเปื้อน ของกองปราบสีฟ้าส่วนเธอสีชมพู เหมือนสีของนักเรียนหญิงนักเรียนชายที่แบ่งแยกกันชัดเจน ทั้งที่ความจริงสีก็แค่ขึ้นอยู่กับความชอบไม่ได้แบ่งแยกเพศ
นักบินรูปหล่ออาบน้ำแต่งตัวอยู่นานค่อยลงมาข้างล่าง เขาเดินตามเสียงจนมาถึงห้องรับแขก เห็นคนรักนั่งอยู่บนโซฟาโดยที่กำลังหยิบจับบางอย่างแล้วกางนิ้วมองด้วยสีหน้าเคร่ง เห็นแล้วหลุดยิ้มค่อยเดินมาหาหล่อน หยิบรีโมทเพื่อผ่อนเสียงให้เบาลง
“นั่นทำอะไรน่ะ”
บนโต๊ะเล็กที่ควรว่างกลับมีน้ำยาหลากสีวางไว้จนเต็ม ก่อนขึ้นไปข้างบนยังไม่เห็นของเหล่านี้ แต่พอลงมาดันวางเต็มโต๊ะ มีหลากหลายสีอีกต่างหากจนเขาต้องจดจ้องว่ามีสีอะไรบ้าง พอหยิบขึ้นมาดูก็ถูกหญิงสาวรบเร้า
“เฌอได้น้ำยาทาเล็บมาใหม่ค่ะ ซื้อเป็นเซ็ทได้ตั้งยี่สิบสี่ขวดแหนะ อาปราบมานั่งตรงนี้เร็ว เฌอจะขอยืมมืออาปราบลองสีสักหน่อย” จำต้องเดินไปนั่งข้างเธออย่างเลี่ยงไม่ได้ เหมือนกำลังงุนงงกับภาพตรงหน้าแต่พยายามทำความเข้าใจโดยเร็ว
มีแฟนเด็กต้องทำใจหน่อย เธอชอบทำอะไรรวดเร็วกระฉับกระเฉง ต่างจากเขาที่ถนัดกับความเนิบช้า ไม่ได้รวดเร็วเหมือนเมื่อก่อน
“หือ”
“นะคะ” พอเขาพยักหน้าเธอก็ยิ้มเต็มปาก หยิบมือหนามาวางไว้บนหมอนที่อยู่บนตักบาง ใช้สายตาเพ่งขณะทาสีลงบนเล็บของแฟนหนุ่ม แต่ละนิ้วใช้สีไม่ซ้ำกันเพื่อเลือกว่าตนควรทาสีไหนดี กลายเป็นกิจกรรมร่วมกันไปโดยปริยาย
ถึงแม้นักบินรูปหล่อจะไม่ค่อยเข้าใจกับการทาเล็บก็ตาม สิ่งเดียวที่เขาชอบคือดวงหน้าหวานยามตั้งใจทำอะไรสักอย่าง เธอจ้องเล็บเขาด้วยแววตามุ่งมั่น จนร่างสูงมองด้วยความเผลอไผล รู้ตัวอีกทีเล็บมือทั้งสิบก็มีสีไม่ซ้ำกัน
เอาเถอะ...ตราบใดที่เป็นความสุขของหล่อน
เขายินยอม...
“อาปราบว่าสีนี้สวยไหม” เป่าให้แห้งแล้วชี้ไปที่นิ้วของเขาเพื่อถาม แต่กองปราบกลับขมวดคิ้วมุ่นเมื่อไม่เห็นถึงความต่างของสี
มันก็สีเดียวกันไม่ใช่เหรอ
“อาว่ามันก็เหมือนสีนี้นะ” ชี้ให้ดูสีที่อยู่อีกนิ้ว แต่กลายเป็นว่าหล่อนต้องอธิบายยืดยาวถึงความต่างของมันให้เขาได้ฟัง ว่าแล้วเชียวอีกฝ่ายจะต้องไม่รู้
“ไม่เหมือน นี่สีชมพูเข้ม อันนี้จะอ่อนกว่านิดหน่อย ไม่เหมือนกันเลยสักนิด ดูสิคะ...สีนี้จะทำให้ผิวดูสว่างกว่า ถ้าทาสีนี้ต้องแต่งตัวออกหวานหน่อยๆ” กองปราบพยักหน้าแล้วทำความเข้าใจ ฟังเฌอรีนาเจื้อยแจ้วอย่างไม่เบื่อ
หล่อนเป็นคนมีเสน่ห์ยามพูดจา น้ำเสียงก็น่าฟัง เพลินจนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมง เริ่มชินกับการมีเธออยู่ข้างกายซะแล้ว
“อาปราบเบื่อหรือเปล่า มานั่งให้เฌอทาเล็บแบบนี้” เงยหน้าถามเมื่อเห็นว่าเขาเงียบ แต่กลับได้สบดวงตาคมทันทีราวกับว่าอีกฝ่ายมองตนตลอดเวลา
“ไม่เบื่อหรอก ฟังน้องเฌอพูดก็เพลินดี” คำตอบของเขาทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นรัว เธอถึงขั้นวางน้ำยาทาเล็บลงแล้วขยับเข้ามาใกล้เขา คว้าแขนหนามากอดเอาไว้อย่างรักใคร่ เริ่มคิดที่จะแหกกฎสามเดือนที่อีกฝ่ายตั้ง
เธอต้องการกองปราบมากเหลือเกิน...
“อาปราบ...เราอยู่ในช่วงโปรโดยที่มีเซ็กส์ด้วยไม่ได้เหรอคะ” ขอร้องหลายรอบแต่ดูเหมือนว่าร่างสูงจะยังคงใจแข็งเหมือนเดิม เขาไม่ยอมทำตามความต้องการของเธอ หรือเป็นความต้องการของตนเองเช่นเดียวกัน
เฌอรีนาน่ารักน่าใคร่ขนาดนี้ มีหรือที่เขาจะไม่ต้องการ เพียงแต่ไม่อยากเอาเปรียบเธอไปมากกว่านี้ แค่แอบคบกันโดยไม่บอกก็รู้สึกผิดต่อบ้านต้นตระการแล้ว ไม่มีทางที่จะล่วงเกินหล่อนทั้งที่ยังไม่ได้ป่าวประกาศให้เป็นเรื่องราวเด็ดขาด
ถึงจะอยากสัมผัสมากกว่านี้...เขาก็ต้องอดทน
“ไม่ได้” ย้ำกับเธอเสียงเข้ม เหมือนกำลังบอกตัวเองด้วยไม่ให้ล่วงเกินคนอายุน้อยกว่า เล่นเอาเธอถึงกับเหวเสียงดัง
“ทำไมล่ะคะ เฌอโอเคนะ โอเคมากเลยค่ะ” บอกให้เขามั่นใจ
เฌอรีนาอยากย้ำให้เขารู้ว่าตนไม่ใช่เด็กอีกต่อไป เมื่อพัฒนาความสัมพันธ์มาเป็นแฟน จึงอยากทำกิจกรรมที่คนเป็นแฟนกระทำร่วมกัน...
แต่กองปราบไม่ยอม หรือเขาไม่ได้รักเธอ
คิดดังนั้นก็ทำหน้าเศร้า จนร่างสูงต้องบอกถึงเหตุผลที่ไม่อาจล่วงเกินหล่อนได้ ไม่ใช่เพราะเขาไม่รัก แต่รักเกินกว่าจะทำลายได้เธอ อยากให้เกียรติเฌอรีนาจนกว่าเรื่องของเราจะได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะครอบครัวของหล่อน
“อาไม่อยากล่วงเกินน้องเฌอ รอให้ความสัมพันธ์ของเรามั่นคงกว่านี้ บอกให้ครอบครัวรู้...แล้ววันนั้นอาจะยอมน้องเฌอทุกอย่าง” เห็นถึงความกังวลในดวงตาคม เธอจึงรีบเอนซบไหล่กว้างแล้วปลอบเขาให้คลายความวิตก
ตนเชื่อว่าครอบครัวของตัวเองจะต้องให้การยอมรับและเห็นด้วยกับความสัมพันธ์ของเรา คงไม่มีเสียงคัดค้านหรอก...
“คุณพ่อต้องยอมให้เราคบกันแน่ค่ะ เฌอแอบถามมาแล้ว คุณพ่อขอแค่อาปราบรักเฌอ ไม่ทำให้เฌอเสียใจ” เธอเคยถามบิดาเรื่องคนรัก ท่านไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด ทั้งยังตามใจอีกต่างหาก เรื่องของหล่อนกับกองปราบก็เช่นเดียวกัน พ่อต้องให้การยอมรับ
“จริงเหรอ” ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่จนต้องถามย้ำ เธอพยักหน้าแล้วเล่าให้แฟนหนุ่มฟัง
“ค่ะ แต่เฌอไม่ได้บอกนะว่าคบกับอาปราบ แค่ถามกว้างๆ”
“พ่อเราน่ะน่ากลัวกว่าใครเพื่อนเลย” แค่คิดถึงใบหน้าของฌาร์มก็ต้องส่ายศีรษะ ย้อนไปตอนจีปริณดาอาจไม่ชอบหน้า แต่พออยู่ในสถานะลูกเขยกลับต้องเกรงกลัว
“ไม่หรอกค่ะ พ่อรักเฌอ ถ้าเฌอรักใครพ่อก็ต้องรักด้วย...เฌอรักอาปราบ” คำหวานที่เอ่ยทำให้เขายิ้มออกมาได้บ้าง จึงต้องบอกรักหล่อนกลับทันที ยกมือขึ้นลูบศีรษะมนที่พิงไหล่ของเขาไม่ยอมห่าง เหมือนต้องการให้กำลังใจ
เรื่องของเราคงไม่ง่ายนักหรอก
“ปากหวาน...อาก็รักเฌอ” เขาบอกรักเธอเช่นเดียวกัน เป็นความรู้สึกแท้จริงที่อยากให้คงอยู่ไปอีกแสนนาน
ดวงหน้าหวานยิ้มกว้างแล้วผละออก เมื่อเห็นว่าเขายังคงคิดมากจึงต้องเรียกร้องความสนใจ หยิบน้ำยาล้างเล็บแล้วล้างให้เขาจนเกลี้ยง ค่อยยกน้ำยาทาเล็บอีกสีขึ้นมาพร้อมแววตาเจ้าเล่ห์ เล่นเอากองปราบถึงกับทอดถอนใจ
“ลองสีนี้นะคะ”
“ครับ” ดูเหมือนเย็นนี้เขาคงต้องนั่งเป็นตุ๊กตาให้เธอเล่นซะแล้วล่ะ
แต่แบบนี้ก็มีความสุขดีเหมือนกัน ไม่นึกว่าวันหนึ่งตนต้องมานั่งเสริมสวยกับแฟนสาววัยละอ่อน กลายเป็นคนเลี้ยงต้อยไปซะงั้น
เสียงนาฬิกาปลุกดังทั่วห้องทำให้มือหนาต้องรีบคว้ามากดปิด เขาทำทุกอย่างให้เบาที่สุดกลัวจะรบกวนหญิงสาวที่นอนข้างกัน
เฌอรีนาไม่ยอมกลับบ้านทั้งยังยืนกรานจะนอนห้องเขา จึงต้องแบ่งเขตกันชัดเจน แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่หมอนข้างตกอยู่บนพื้น แล้วเธอกอดก่ายเขาเอาไว้ราวกับเป็นหมอนข้าง
ร่างสูงค่อยยกแขนเล็กกับขาเรียวออก ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมไปบิน ต้องออกจากบ้านตั้งแต่ตีสี่กว่าจะถึงที่ทำงาน ไหนจะต้องประชุมก่อนบินเพื่อเตรียมตัวอีก ไฟลท์แรกคือหกโมงแต่ต้องเตรียมทุกอย่างให้เสร็จก่อนจะบิน
“อาปราบ” คนที่ควรนอนบนเตียงเดินมาโอบกอดคนรักจากทางด้านหลัง ตาปรือแทบลืมไม่ขึ้นแต่ยังคงลุกมาหาเขา