๕ ซ่อนความรัก (๒)
“เสียงงัวเงียเชียว ง่วงแล้วตื่นทำไม” ค่อยหมุนกายมาประคองดวงหน้าหวานให้เงยขึ้น เธอกอดเขาแล้วซบลงบนแผงอกแกร่ง อยากล้มนอนบนเตียงแต่เลือกมาลาคนที่ต้องไปทำงานแต่เช้าซะก่อน
“ตื่นมาส่งอาปราบ”
“ไว้เจอกันตอนเย็นนะคะ จุ๊บ” ไม่อาจทนความง่วงไหวจึงเขย่งปลายเท้าขึ้นจุ๊บที่ริมฝีปากหยัก หมุนกายเดินไปล้มตัวนอนบนเตียงทันที หยิบผ้าห่มมาคลุมกายเอาไว้ไม่หันมามองกองปราบที่ยิ้มแก้มปริ
“ครับ” เขาเป็นฝ่ายเดินมาลูบศีรษะมนแล้วก้มลงจูบเธอที่ข้างขมับ แววตาฉายถึงความรักใคร่พร้อมพึมพำกับตัวเองเสียงเบา
“คบเด็กมันมีความสุขเหมือนกันนะ”
ตัดสินใจถูกแล้วที่วันนั้นเลือกคบกับเฌอรีนา เหมือนได้จิตวิญญาณฟื้นกลับคืนมาอีกครั้ง เขาชอบตัวเองตอนที่อยู่กับเธอเหลือเกิน
อยู่บ้านหลังเดียวกันแต่ไม่ค่อยได้เจอบุตรสาวเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าเฌอรีนาจะอยู่ติดสตูดิโอไม่ออกไปไหน พอออกไปข้างนอกก็ตรงเข้าบริษัท กลับมาบ้านก็เลือกเดินไปทางสตูดิโอ ไม่เข้ามาทักทายบุพการีด้วยซ้ำ ทั้งยังแขวนป้ายห้ามรบกวน
ช่วงนี้ฌาร์มทำงานหนักจึงไม่ค่อยได้กลับมาบ้าน แต่หลังจากนี้คงมีเวลาว่างสวีทกับภรรยาบ้าง สำหรับปริณดาเองก็รับงานเยอะเช่นเดียวกัน ช่วงนี้มีบริษัทมาจ้างเยอะจนแทบไม่ได้พักเที่ยง พอมีเวลาว่างก็เลือกมาอยู่กับครอบครัว
“น้องเฌอ มากินข้าวได้แล้วลูก” เพิ่งเห็นลูกสาวเดินผ่านหน้าขึ้นไปบนบ้าน รีบเรียกอย่างรวดเร็วกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายจากครรลองสายตา
คลาดสายตาเป็นต้องหายทันที
“เฌอไม่หิวค่ะ” รีบตอบอย่างรวดเร็ว คิดจะขึ้นไปเก็บของเพื่อจะได้นำไปไว้บ้านลิขิตสกุล ช่วงนี้เธอไปทำงานที่บ้านเขา ไม่ค่อยได้ใช้สตูดิโอ แต่ใช้มันเป็นข้ออ้างเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย
“แม่ให้ป้านงค์ทำของโปรดลูกด้วยนะ มากินด้วยกันเร็ว” ยังคงรั้งเอาไว้ถึงหญิงสาวจะไม่สนใจจะรับประทานอาหารด้วย แต่ก็ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นมารดาถือถ้วยลายไทยแล้วปิดด้วยฝาลายเดียวกัน เหมือนจะเดินออกไปข้างนอก
“เอ๊ะ คุณแม่จะเอาไปไหนคะ”
“ป้าเขาทำเยอะ แม่เลยว่าจะเอาไปให้อาปราบ” ดวงตากลมเบิกกว้าง รีบใช้โอกาสนี้เอ่ยอาสาโดยพยายามไม่แสดงพิรุธให้คนอื่นจับได้ โดยเฉพาะบิดาที่จ้องตนตาไม่กระพริบเหมือนจะจับผิดอย่างนั้นแหละ
“เฌอเอาไปให้เองค่ะ! คุณแม่ไปกินข้าวกับคุณพ่อเลยนะคะ...เฌอว่าจะเข้าสตูฯ ไม่ต้องรอเฌอนะ” เปลี่ยนทิศทางจากที่คิดขึ้นไปข้างบนก็รีบแย่งถ้วยจากมือมารดามาถือเอาไว้ สาวเท้าออกจากบ้านอย่างรวดเร็วกลัวว่าจะโดนบิดารั้ง
ฌาร์มไม่พูดอะไรเอาแต่กินข้าวแล้วนึกสงสัยอยู่ในใจ ขณะที่ปริณดาทำเพียงพึมพำแล้วเดินมานั่งข้างสามี
“ลูกคนนี้...นับวันยิ่งแปลกนะคะพี่ฌาร์ม”
ประธานบริษัทแลนด์ฟู๊ดมีสีหน้าไม่ใคร่ชอบใจเท่าไหร่ หลายครั้งที่ยามพูดถึงกองปราบปฏิกิริยาที่เฌอรีนาแสดงออกเป็นไปในทางดีใจหรือตื่นเต้นเกินเหตุ เขาพอจับสังเกตได้บ้าง ทราบว่าลูกปลื้มกองปราบมองอีกฝ่ายเหมือนฮีโร่เพราะเป็นนักบิน ขับเรือบินอยู่บนอากาศ
เหอะ...น่ายกย่องตรงไหนไม่รู้
“พี่ไม่ค่อยอยากให้ลูกไปบ้านนั้นเท่าไหร่เลย ตอนนี้เฌอก็โตแล้ว สนิทสนมกันมากไปจะดูไม่ดี” สงสัยคงต้องพูดกับลูกสาวอย่างจริงจังอีกรอบ ให้เว้นระยะห่างกับคุณอาข้างบ้าน ที่ความจริงเขาอยากให้เรียกว่าลุง จะได้รู้ถึงอายุที่ห่างกัน
“พี่ฌาร์มจะกังวลทำไมคะ ไม่มีอะไรหรอกน่า...พี่ปราบก็เอ็นดูเฌอเหมือนหลาน” หล่อนไม่ได้คิดอะไรมากจึงแก้ต่างแทนพี่ชายข้างบ้าน
“ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะ ปากคนเอาไปพูดได้หมดนั่นแหละ พี่ไม่อยากให้ลูกมีข่าวเสียหายกับผู้ชายแก่คราวพ่อ”
“คราวพ่ออะไรกัน พี่ปราบเด็กกว่าพี่ฌาร์มตั้งหลายปี อีกอย่างหน้าตาก็หล่อไม่ดูแก่สักนิด” คำพูดของภรรยาทำให้เขาถึงกับหน้าตึง ไม่มีอะไรจะพูดจึงเลือกหยิบน้ำมาดื่มระงับอารมณ์ขุ่นมัว
“พี่อิ่มแล้ว”
“งอนเหรอคะพ่อ แม่ขอโทษน้า พ่อหล่อที่สุด ไม่มีใครหล่อเกินพ่อแล้ว” เธอรีบง้องอนเขาทันที แต่มีหรือที่ร่างหนาจะยอมหายโกรธง่าย
ใครอยากให้ชมผู้ชายคนอื่นต่อหน้าตนล่ะ
“เหอะ” เขาเดินขึ้นบนบ้านทันที ปล่อยให้หล่อนมองตามแล้วกลั้วหัวเราะมีความสุข ไม่บ่อยนักที่เขาจะแสดงอาการหึงหวง และยังคงเป็นเช่นนั้นกับกองปราบเสมอถึงเวลาจะผ่านมาหลายสิบปีจนลูกเติบใหญ่แล้วก็ตาม
หล่อนได้แต่หวังว่าจะมีใครสักคนมาอยู่เคียงข้างหนุ่มนักบิน เพื่อนที่สามีของตนจะได้เลิกตั้งแง่รังเกียจกองปราบสักที
ผ่านมากว่าสองเดือนที่เธอคบกับกองปราบ ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีแทบไม่เคยทะเลาะกันสักครั้ง มีบ้างที่หล่อนเอาแต่ใจจนเขาต้องเตือน เฌอรีนาก็ยอมค่อยออดอ้อนจนติดเป็นนิสัย
เข้าออกบ้านลิขิตสกุลเป็นว่าเล่น ถือกุญแจอีกดอกเมื่อกองปราบเป็นคนอนุญาต เธอดีใจยิ้มแฉ่งจนแสดงออกทางสีหน้า คนมีความรักหน้าตาอวบอิ่ม ขนาดคุณรุ่งรดายังอดเอ่ยแซวหลานสาวไม่ได้ หล่อนทำเพียงแค่ยิ้มโดยไม่ขยายความมากกว่านั้น
“อ้า” เลือกนั่งดูละครยามเย็นด้วยกัน
เธอชอบพระเอกหน้าตาหล่อเหลาจึงชวนกองปราบมานั่งด้วย มีป็อปคอร์นใส่ชามใบใหญ่ให้หยิบกิน แต่ส่วนมากหล่อนเลือกจะป้อนเขา ส่วนตนก็ดูละครตาไม่กระพริบ ทั้งยังบ่นอย่างหงุดหงิดที่พระเอกของตนไม่ฉลาดเอาซะเลย
มีอย่างที่ไหนเชื่อนางร้ายใส่ความนางเอก ไม่ถามไถ่ก็ไล่นางเอกผู้น่าสงสารออกจากบ้าน ฝ่ายหญิงก็ร้องไห้อย่างอ่อนแอ เห็นแล้วก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม
เป็นหล่อนจะด่าให้แหลกแล้วเดินเชิดออกจากบ้าน!
“พระเอกไม่ฉลาดเลยอาปราบ ดูแล้วขัดใจชะมัด เชื่อนางร้ายได้ยังไงก็ไม่รู้ โง่หรือเปล่าเนี่ย...ดูสิ กล้องสองรับหน้านางร้าย หมั่นไส้! เป็นเฌอหน่อยไม่ได้นะ แหลกเป็นแหลกเลยสิ” ดวงหน้าหวานหมายมั่นแล้วหยิบขนมมากิน เคี้ยวอย่างแรงระบายอารมณ์ เล่นเอาเขาถึงกับหลุดขำกับท่าทีของเธอ
กอดแขนหนาเอาไว้ พิงบ่าแกร่งแล้วดูละครพลางกินขนมอย่างมีความสุข แล้วคิดขึ้นมาได้จึงยืดศีรษะตรง หันมาย้ำกับคนรักของตัวเองไม่มีปี่มีขลุ่ย เล่นเอาเขาถึงกับงุนงง
“อาปราบอย่าโง่นะ”
“อ้าว ทำไมวกกลับมาที่อาล่ะ”
“ไม่รู้ล่ะ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น อาปราบต้องฉลาดนะคะ แก้ไขปัญหาให้ได้ เราต้องจับมือกันไปตลอดนะคะ...จนกว่าจะเลิกรัก” เปลี่ยนจากโอบแขนเป็นจับมือหนา กอบกุมไว้แน่นพร้อมย้ำให้ชายหนุ่มตอบรับ เขาจึงต้องพยักหน้า แล้วค่อยยกมือขึ้นลูบศีรษะมน พูดให้หล่อนคลายความกังวลใจ
“ทำไมขี้กังวลจังเลย อาไม่ปล่อยมือเฌอหรอก” เขารู้ว่าเธอเองก็กลัวความสัมพันธ์ของเราจะไม่ถูกยอมรับ
เพราะเขาเองก็กลัวเหมือนกัน...
แต่สิ่งที่ทำได้คือพูดเพื่อให้เฌอรีนาแน่ใจในความรักของตนที่มีต่อหล่อน เชื่อว่าเราต้องผ่านมันไปด้วยกันได้อย่างแน่นอน
“นับวันเฌอยิ่งรักอาปราบมากขึ้น ขอบคุณที่โสดจนเฌอโตนะคะ เฌอโชคดีที่ได้เจออาปราบ” ภูมิใจในตัวเองที่เลือกคนไม่ผิด
“อาก็โชคดีที่ได้เจอเฌอ” ไม่เคยคิดว่าจะรักคนที่อายุน้อยกว่า แต่พอได้ลองเปิดใจและใช้ชีวิตด้วยกันเกือบสองเดือน พวกเราเข้ากันได้อย่างน่าประหลาด จนเขาคิดว่าชีวิตต่อจากนี้คงมอบให้เฌอรีนาเพียงผู้เดียว
ไม่รู้ว่าเธอจะทิ้งชายแก่คราวพ่อคนนี้หรือเปล่า...
“กินต่อดีกว่า อ้า” รีบหันไปดูละครแล้วป้อนขนมใส่ปากเขา ทำทุกอย่างเหมือนเป็นเรื่องปกติ ก่อนจะอาศัยจังหวะที่เขาเผลอยืดกายไปจุมพิตที่ริมฝีปากหนาอย่างอาจหาญ คนที่โดนจู่โจมก็จูบตอบทันทีไม่ได้ผละออก
“จุ๊บ” จูบจนพอใจเธอจึงปล่อยเขา แต่ไม่วายโน้มหน้ามาจุ๊บเป็นการปิดท้าย พร้อมมองแววตาคมที่เหมือนมีเปลวเพลิงอยู่ข้างใน เธอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ บดเบียดกายเข้าหากองปราบแล้วเอ่ยอ้อนวอนเป็นอันรู้กันว่าต้องการอะไร
คบมาสองเดือนอีกไม่กี่สัปดาห์หมดช่วงโปร เธอไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว...
“อาปราบ...”
“ไม่ครับ” แค่หล่อนเรียกก็รู้แล้วว่าต้องการอะไร เขาส่ายหน้าปฏิเสธทันทีจนเธอถึงกับโมโหแล้วขยับห่างคนรักทันที
“รู้เหรอว่าเฌอจะพูดอะไร”
“มองตาก็รู้แล้ว อายังยืนยันคำเดินว่าไม่เด็ดขาด” พอเขาบอกแบบนั้นก็ทำหน้าพองลมด้วยความหงุดหงิด เธอวางขนมลงบนโต๊ะก่อนยกมือขึ้นกอดอก หาทางลงให้ตัวเองไม่ดูเป็นคนมักมากในกาม หรือชอบคิดเรื่องใต้สะดือ
“ไม่ก็ไม่สิ เฌอแค่จะบอกว่าอยากดื่มน้ำ ไปเอาให้หน่อยได้หรือเปล่า...เฌอลุกไปเอาเองก็ได้ ไม่ง้ออาปราบหรอก” ลุกจากโซฟาเดินเข้าห้องครัวทันที เขารู้ดีว่ามันก็แค่ข้ออ้าง แต่ก็สนุกที่ได้มองหญิงสาวในหลากหลายอารมณ์
“เด็กแก่แดด” ทุกวันนี้กลายเป็นว่าหลงรักเธอหักปักหัวปำ ขุดหลุมฝังตัวเองให้ตายอย่างไรก็ขึ้นไปไม่ได้แล้ว
นานครั้งลูกสาวจะกลับบ้านทั้งที ไม่รู้ติดใจอะไรสตูดิโอนักหนา คนเป็นพ่อที่ว่างานหนักยังเห็นหน้าบ่อยกว่าเฌอรีนา พอคราวนี้ร่างบางเดินฮัมเพลงเข้ามาในบ้าน บิดาที่นั่งดูโทรทัศน์เพื่อรอรับประทานอาหารเย็นจึงต้องรั้งตัวอีกฝ่ายเอาไว้
“เดี๋ยวนี้ร่าเริงจังเลยนะ มีอะไรดีๆ เกิดขึ้นแล้วไม่บอกพ่อหรือเปล่า” เสียงทักทายดังมาจากห้องรับแขก เธอจึงไม่พลาดจะเดินเข้าไปหาฌาร์ม พร้อมแจกยิ้มหวานแก่บิดา ดวงตาสุกสกาวเหมือนคนที่กำลังมีความรัก
“คุณพ่อขา...เฌอมีความสุขจังเลยค่ะ” ทรุดกายลงข้างบิดาแล้วกอดแขนอีกฝ่ายเอาไว้ ยิ้มกว้างเผยถึงความสุขที่เอ่อล้นออกมาจากคนรอบกายสังเกตได้
“ใครกันนะที่ทำให้เฌอมีความสุขมากขนาดนี้ บอกพ่อได้ไหม” พอจะทราบว่าต้องเป็นเรื่องความรัก เริ่มอยากรู้ว่าผู้ชายคนไหนที่เอาชนะใจเฌอรีนาได้ แต่ถามตรงๆ ก็กลัวบุตรสาวจะไม่ตอบ จึงต้องถามแบบอ้อมๆ
“ก็...เฌอได้กลับมาอยู่กับครอบครัวไงคะ เราอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เฌอเลยรู้ว่าตัวเองมีความสุขค่ะ เจอคุณพ่อคุณแม่ คุณตาคุณยาย ลุงต้น ทุกคนทำให้เฌอมีความสุขมากที่สุด” แล้วลูกสาวก็เลือกจะเอ่ยถึงคนในครอบครัว
ทำให้เขารู้ว่าเฌอรีนายังไม่มั่นใจกับรักครั้งนี้เท่าที่ควร ถึงได้ไม่พาฝ่ายชายเข้าบ้าน
แต่ก็ดีแล้วล่ะ...อายุเท่านี้จะจริงจังกับความรักไปทำไม ค่อยศึกษานิสัยใจคอดีกว่า
“ช่างประจบจริงนะ”
“เฌอขอไปสตูฯ นะคะ คุณพ่อไม่ต้องเรียกกินข้าวนะ”
“ไปอีกแล้ว ติดสตูฯ มากเกินไปหรือเปล่า สองเดือนมานี้ลูกอยู่ในนั้นแทบจะไม่ออกไปไหนเลยนะ” คราวนี้ถึงกับขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย อีกฝ่ายติดสตูดิโอที่คุณรุ่งรดาทำให้มากเกินไป จนเขาร่ำๆ อยากจะให้เอาออก
“ติดงานค่ะ ไปก่อนนะคะคุณพ่อ จุ๊บ” ยืดกายจุ๊บที่แก้มสากอย่างน่ารัก แล้วเดินออกไปข้างนอกทั้งที่เพิ่งกลับเข้ามา
ยิ่งทำให้เขาสงสัยมากกว่าเดิม...
หลังรับประทานอาหารเย็นเรียบร้อย มื้อนี้เขากินอิ่มจนหนังท้องตึง แต่ถึงอย่างนั้นคนอายุเข้าเลขห้าก็มีซิกแพคอย่างคนออกกำลังกายและตั้งใจปั้นอย่างดี ไม่ทำให้ตัวเองทรุดโทรมแม้อายุมากก็ตาม เพราะภรรยาของตนยังสวยน่าใคร่
ก็ต้องหล่อให้สมกับหล่อนซะหน่อย เผื่อมีพวกชอบปีนเกลียวเข้ามาเกาะแกะปริณดา จะได้แสดงตัวทันทีว่าเป็นสามี
“เดี๋ยวผมเอาขยะออกไปทิ้งให้ครับ...ผมว่างพอดี” แม่บ้านเดินผ่านหน้า เขาจึงอาสารับถุงดำมาถือเพื่อนำไปทิ้งหน้าบ้าน
“ขอบคุณค่ะคุณฌาร์ม”
เดินออกมาข้างนอกแล้วทิ้งขยะลงถัง จังหวะที่เดินเข้าบ้านแล้วปิดประตูรั้วก็เห็นรถยนต์ของหนุ่มนักบินขับผ่าน เขาจึงคิดจะเดินเข้าบ้านทันที แต่ขายาวต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงใสที่คุ้นเคย
“อาปราบกลับมาแล้ว”
“ไม่ต้องมาเปิดให้หรอก อาเปิดเองได้”
“เฌออยากบริการแฟนนี่คะ” ถ้าเขาตาไม่ฝาดและหูไม่เพี้ยน ผู้หญิงที่ออกมาเปิดประตูรั้วให้กองปราบ ทั้งยังทักทายด้วยการกระโดดกอดพร้อมเอ่ยเสียงหวาน...เป็นเฌอรีนาไม่ใช่เหรอ
“แฟน...”
ผู้ชายที่ทำให้ลูกของเขายิ้มได้...คือกองปราบ
ที่อายุห่างจากตนไม่ถึงห้าปีด้วยซ้ำ!