บทย่อ
"เฌอรีนา" กลับมาจากต่างประเทศก็ตัดสินใจเดินหน้าจีบ "กองปราบ" คุณอาข้างบ้านที่โสดสนิท แม้เขาจะเคยจีบแม่ของเธอแต่ก็ไม่สนใจ ความรักที่มอบให้อีกฝ่ายมีแต่ความจริงใจ คิดว่าจะเอาชนะทุกอย่างได้ จนกระทั่งบิดาของหล่อนทราบ...จึงหาคนที่เหมาะสมให้ลูกสาวสุดที่่รัก ขัดขวางรักต่างวัยที่ไม่ควรเกิดขึ้น!
บทนำ
บทนำ
เนื่องจากเธอขอร้องไม่ให้คนที่บ้านไปรับอยู่สนามบิน ฌาร์มจึงส่งรถตู้ไปรอบุตรสาว เที่ยวบินของหล่อนช้าไปสองชั่วโมง คนทั้งครอบครัวจึงชะเง้อมองหน้าบ้านกันจนคอจะยาวเป็นยีราฟ จนได้ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาในเขตรั้วบ้าน
คนแรกที่ลุกไปคือคุณรุ่งรดา หลานรักกลับจากต่างประเทศทั้งทีท่านดีใจเป็นอย่างมาก เตรียมทุกอย่างไว้ต้อนรับโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นห้องที่เปลี่ยนใหม่ยกเซ็ต หรืออาหารมื้อเย็นที่รังสรรค์แต่ของชอบสาวนักเรียนนอก
เพียงแค่ร่างแบบบางลงจากรถ หล่อนก็โถมกายเข้ากอดคุณยายด้วยความคิดถึง หอมแก้มซ้ายขวาอย่างออดอ้อน ค่อยผละออกเพื่อทักทายคนอื่นบ้าง
“เฌอกลับมาแล้ว!!” บิดาอ้าแขนรอรับลูกสาวคนเดียว
เฌอรีนา ประมุขการณ์...
เรียนจบมหาวิทยาลัยศิลปะจากอเมริกาในสาขาแฟชั่นดีไซน์ มีบริษัทมาจองตัวเข้าทำงานตั้งแต่ยังไม่กลับไทยจากผลงานที่โดดเด่น ความจริงบริษัทที่อเมริกาก็ทาบทามตัวเข้าทำงาน ทว่าหล่อนปฏิเสธเพราะใจที่แน่วแน่อยากกลับบ้านเกิด
มีเรื่องสำคัญต้องทำมากกว่างาน นั่นคือความรักที่ต้องรีบคว้าเอาไว้ก่อนจะมีคนเข้ามาแย่งที่หล่อน
“ลูกสาวพ่อตัวสูงขึ้นหรือเปล่า” ผละออกพลางเงยหน้ามองบิดา เจอคำทักทายด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเอ็นดู ดวงตาคมอ่อนโยนยามมองบุตรสาวที่ดวงตากลมแวววาวถอดแบบออกมาจากคนเป็นมารดาไม่ผิดเพี้ยน
“สูงขึ้นค่ะ จากร้อยหกสิบห้าเป็นร้อยหกสิบแปดแล้วนะคะ เฌอพยายามทำทุกอย่างให้ตัวเองสูงขึ้น ที่สำคัญต้องใส่ส้นสูงค่ะ” ส่วนสูงที่เพิ่มมาจากส้นสูงที่สวมใส่ต่างหาก
การแต่งตัวของหล่อนเปลี่ยนตั้งแต่เริ่มเรียนแฟชั่น จากเด็กกะโปโลที่ชอบสวมเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ เปลี่ยนมาเป็นเสื้อผ้าหลายแนวที่สามารถนำมาผสมกันอย่างลงตัว
“เจื้อยแจ้วเชียวนะ” ลูบศีรษะมนแล้วถูกแทรกด้วยภรรยาที่รอต้อนรับบุตรสาวเช่นเดียวกัน พวกเขาลางานเพื่อจะได้อยู่รอเฌอรีนากลับบ้าน
ไม่เว้นกระทั่งน้องชายสามคนที่เต็มใจลาโรงเรียนช่วงบ่ายเพื่อรอพี่สาวคนสวย หล่อนไปเรียนต่างประเทศไม่ค่อยได้กลับไทย อยากรีบเรียนรีบจบมากกว่า เวลาว่างจึงยื่นสมัครเข้าเป็นเด็กฝึกในบริษัทแฟชั่นเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์และได้ฝึกฝนฝีมือของตัวเอง
“ไหนขอแม่กอดบ้างสิ” คราวนี้ปริณดาอ้าแขนรอกอดบุตรสาว เธอจึงรีบสวมกอดมารดาที่ตัวเล็กกว่าทันที ความอบอุ่นที่ตนคิดถึง
ครอบครัวมักไปเยี่ยมอยู่อเมริกาแต่ก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกันมากเท่าไหร่ หล่อนใช้เวลาส่วนมากกับการทำงาน ช่วงหลังทุกคนจึงไม่ค่อยไปหา เลือกรอคอยการกลับมาของเฌอรีนาอยู่บ้าน
“คุณแม่ คิดถึงคุณแม่จังเลยค่ะ”
“แม่ก็คิดถึงลูก พอหนูไม่อยู่ก็ไม่มีใครไปช็อปปิ้งเป็นเพื่อนแม่เลย น้องชายเราแต่ละคนหาข้ออ้างไม่ไปกับแม่ เหงาจะแย่” ลูกสาวถึงกับหลุดหัวเราะ เข้าใจมารดาทันทีเพราะตอนที่เธออยู่ไทยชอบไปเดินช็อปปิ้งเป็นเพื่อนท่าน ถึงตนจะไม่ค่อยได้ของติดไม้ติดมือมาก็ตาม
“หนูกลับมาแล้วรับรองว่าจะไปช็อปเป็นเพื่อนคุณแม่จนกระเป๋าคุณพ่อฉีกเลย ดีไหมคะ” คราวนี้ปริณดายิ้มกว้างแล้วหัวเราะเสียงสดใส ถึงจะอายุสี่สิบปลายแต่ยังคงความสวยงามเหมือนสมัยเป็นสาวไม่ผิดเพี้ยน
“ดีจ้ะ” ตอบรับบุตรสาวรวดเร็ว
“แต่พ่อว่าอาจจะไม่ดีสำหรับพ่อ” ฌาร์มพูดค้านทันที
ทุกวันนี้ว่างเป็นต้องเข้าช็อปเสื้อผ้าซื้อใหม่ตลอด เพิ่งทำห้องแต่งตัวใหม่ให้คนรัก เสื้อผ้ากว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นของเธอ ซึ่งสามีทำได้เพียงแค่ตามใจ พอจะค้านทีไรก็เจอการออดอ้อนที่จำต้องยอมตกลงด้วยความใจอ่อน
“ฮ่าๆ” สาวจบนอกหัวเราะเสียงดัง
ก่อนจะสะดุ้งเมื่อมีพวงมาลัยดอกดาวเรืองมาห้อยที่คอ ไม่ใช่แค่พวงเดียวแต่มีถึงสามพวงด้วยกัน พอเงยหน้ามองก็พบน้องชายสามคนที่ตอนนี้สูงจนหล่อนต้องเงยหน้ามอง โดยเฉพาะฌองส์ที่สูงแซงหน้าพี่ทั้งสองคน แต่ใบหน้าก็เรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ จนเธอนึกสงสัยว่าน้องชายคนนี้เป็นหินหรือเปล่า
ต่างจากฌานินทร์ที่ยิ้มตาหยี อารมณ์ดีจนอยากให้นิ่งบ้าง คนปกติที่สุดน่าจะเป็นฌอร์นซึ่งยิ้มให้เฌอรีนาพร้อมกับกล่าวต้อนรับ
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับพี่สาว” คำพูดแสนธรรมดาแต่แววตาที่ส่งมาอย่างจริงใจ ทำให้เธอรีบเข้าไปกอดน้องทั้งสามอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยผละออกพลางมองหนุ่มหล่อที่หน้าตาไปคนละแนวอย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฌานินทร์ที่ได้เชื้อจากฝั่งพ่อค่อนข้างเยอะ มีความเป็นหนุ่มฝรั่งต่างจากพี่น้องคนอื่น
แต่นิสัยก็กวนประสาทจนน่าโมโห ดีที่อยู่คนละบ้าน ไม่อย่างนั้นคงได้ทะเลาะกันทุกวัน
“ทำไมสามคนนี้โตเร็วจังเลย สูงกว่าพี่หมดแล้ว” พูดหยอกล้อโดยไม่ได้ต้องการคำตอบ แต่แกนนำอย่างฌองส์ดูเหมือนจะไม่รู้ จึงตอบตามความจริงซึ่งตรงข้ามกับสิ่งที่พี่สาวอย่างหล่อนทำหมดทุกอย่าง
“ดื่มนม” เธอเกลียดการดื่มนม
“เล่นบาส” เคยเล่นในคาบวิชาพละแล้วโยนบอลไม่เคยลงห่วงสักลูก จนกลายเป็นไม่ชอบกีฬาชนิดนี้
“โหนบาร์” เป็นสิ่งที่เธอคิดว่าไร้สาระที่สุดแล้ว คนเราจะโหนตัวอยู่เฉยๆ บนบาร์เพื่ออะไร ไม่เข้าใจเลยสักนิด
“เหอะ สูงกว่าหน่อยทำเป็นอวดนะเรา” เชิดใบหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วโผเข้าไปกอดคุณรุ่งรดาทันทีอย่างเอาใจ ท่านเห็นอย่างนั้นก็ชวนหลานสาวเข้าบ้าน
บ้านหลังใหญ่พอไม่มีเฌอรีนาก็เงียบเหงาน่าดู ปกติจะมีเสียงเจื้อยแจ้วของหลานสาวเพียงคนเดียวพูดคุยตลอดเวลา การกลับมาครั้งนี้คงทำให้บ้านมีสีสันมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน
“ป่ะ เข้าบ้านกันดีกว่า ยายสั่งให้ยายอาดทำกับข้าวของโปรดหนูไว้เยอะเลย กินข้าววันนี้อิ่มถึงพรุ่งนี้แน่นอน”
“จริงเหรอคะ ไปกันค่ะ คิดถึงอาหารไทยจะแย่” หัวเราะร่วนแล้วเข้าไปในบ้านทันที เธอนอนหลับบนเครื่องแทบไม่แตะอาหารจนท้องเริ่มร้องประท้วง แค่ได้กลิ่นหอมของอาหารไทยที่คุ้นเคยก็น้ำลายสอ อยู่ต่างประเทศไม่ค่อยได้เข้าร้านอาหารไทยเท่าไหร่
ตั้งแต่นี้คงได้กินจนเบื่อเพราะคุณยายหมั่นเอาใจหลานสาวคนสวยซะเหลือเกิน...
รถยนต์เลี้ยวผ่านรั้วกว้างเพื่อเข้ามาจอดยังโรงรถ นักบินรูปหล่อลงจากพาหนะคู่ใจแล้วเดินเข้าบ้านด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ทุกวันนี้เขาปฏิเสธการบินต่างประเทศ รับเพียงแค่บินในประเทศและเริ่มคิดว่าจะลาออกจากการเป็นนักบิน
ร่วมหุ้นกับเพื่อนสนิทในการเปิดโรงยิมกว่าสิบแห่ง ทั้งยังมีบริษัททำความสะอาด แค่นี้เขาก็มีเงินใช้ไม่ขาดมือหากออกจากงานหลักที่กำลังทำ แต่จำต้องทนไปอีกหกเดือนกว่าจะหมดสัญญากับสายการบิน
คิดไว้ว่าเวลาว่างอาจไปเป็นครูสอนการบิน ไม่อยากทิ้งอาชีพที่ทำมาทั้งชีวิต แต่เขาก็เบื่อกับงานที่ทำหลายสิบปีเช่นเดียวกัน
เสียงออดหน้าบ้านดังจนต้องเหลียวมอง เขาไม่ค่อยมีแขกมาหาเท่าไหร่ ถ้าเป็นบิดามารดาท่านคงเปิดเข้ามาเพราะมีกุญแจ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยว่าใครมากดออดในเวลาที่เขาต้องการพักผ่อน
“อาปราบ!” เพียงแค่เปิดประตูก็มีเสียงทักทายที่ไม่ได้ฟังมานาน พร้อมรอยยิ้มที่เขาคิดว่าเธอช่างเหมือนมารดาเหลือเกิน
รอยบุ๋มที่ใต้ริมฝีปากตอนยิ้ม...ช่างน่ารักเสียจริง
เผลอมองจนต้องเรียกสติตนเองว่าเฌอรีนาเป็นหลานสาว ทั้งยังเป็นลูกของปริณดาอีกต่างหาก
“น้องเฌอ...กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” จากเด็กที่ชอบปีนต้นมะม่วงบ้านเขา เติบโตมากลายเป็นสาวสวยที่สดใส เธอก้าวเข้ามาในบ้านลิขิตสกุลพร้อมกับถุงใบเล็กที่ถือไม่ห่างกาย
“เมื่อวานค่ะ เฌอเอาของฝากมาให้อาปราบด้วยนะคะ เป็นน้ำหอมกลิ่นที่เฌอชอบ” ยื่นของให้เขาทันที พร้อมประโยคที่ฟังดูน่าสงสัยสำหรับร่างสูง
การที่เธอซื้อน้ำหอมกลิ่นที่ตนเองชอบมาให้เขาดูจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ หล่อนเป็นผู้หญิงแต่ตนเป็นผู้ชาย ถ้าใช้กลิ่นนี้เพื่อนร่วมงานคงได้เอ่ยแซวแน่
“หือ ทำไมเอามาให้อาล่ะ”
“อยากให้อาปราบลองกลิ่นใหม่บ้างไงคะ เฌอบอกเลยว่าหอมติดผิว หอมไปสามสี่วัน ใช้ได้ทั้งชายหญิงไม่หวานเกินไป” เมื่อได้รับการการันตีจากเจ้าตัว ก็พลอยทำให้สบายใจบ้างแต่ไม่รู้ว่าจะใช้หรือเปล่า
ทว่าเขาก็ขอบคุณในน้ำใจของเธอที่อุตส่าห์คิดถึงกัน
“ขอบคุณสำหรับของฝากนะครับ” รับของฝากมาถือเอาไว้ แล้วมองคนตรงหน้าที่ดูโตเป็นผู้ใหญ่จนทิ้งคราบเด็กสาวแสนซนไปจนหมด
ไม่น่าเชื่อเลยสักนิด...
เขาเห็นพัฒนาการเติบโตของเฌอรีนามาตั้งแต่เธอยังเป็นเพียงเด็กหญิงแบเบาะร้องอ้อแอ้ จนบัดนี้เติบใหญ่เป็นสาวสวยบานสะพรั่ง คงมีคนต่อแถวเข้ามาจีบไม่ขาดสาย สงสัยฌาร์มอาจจะต้องไว้หนวดอย่างจริงจังแล้วล่ะ
“ค่ะ”
เมื่อหมดธุระแต่เธอยังไม่อยากออกจากบ้านหลังนี้ หญิงสาวจึงพยายามหาข้ออ้างจะได้อยู่คุยกับเจ้าของบ้าน อย่างน้อยในฐานะหลานสาวก็ยังดี แต่บทสนทนาของเรากลับน้อยจนไม่รู้จะขุดเรื่องอะไรมาพูด
“อาปราบไม่มีบินเหรอคะ” ปกติไม่เห็นเขาจะได้อยู่ติดบ้าน แต่วันนี้ถึงบ้านทั้งที่ยังไม่ค่ำด้วยซ้ำ โดยลืมไปเสียสนิทว่าชายหนุ่มยังอยู่ในชุดนักบินเต็มยศ
ถามอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือเลยเฌอรีน ก่นด่าตัวเองแต่ใบหน้าก็ยังยิ้มแย้ม
“ไม่มี อาบินแค่สองแลนด์เลยกลับบ้านเร็ว” ช่วงนี้เขาไม่ค่อยมีบินบางวันก็บินแค่แลนด์เดียวด้วยซ้ำ ขอร้องทางสายการบินเอาไว้ ตารางบินจึงมีไฟลท์ของเขาไม่เยอะ
“อ้อ...เย็นนี้ถ้าอาปราบว่าง เชิญที่บ้านได้นะคะ คุณพ่อคุณแม่จะเลี้ยงฉลองที่เฌอกลับไทย” ใช้โอกาสนี้เชิญชวนร่างสูงเพื่อไปรับประทานอาหารเย็นร่วมกันที่บ้านของตน
“ตามสบายเลย แล้วก็ยินดีต้อนรับกลับไทยนะครับ” ถึงเขาจะไม่ได้คิดเกินเลยกับปริณดา แต่เพื่อไม่ให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยกเพราะฌาร์มมักจะเพ่งเล็งตนเสมอ จึงตัดสินใจไม่ไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับ ซึ่งหญิงสาวก็เข้าใจเป็นอย่างดี
“ค่ะ!”
หล่อนตอบรับพร้อมรอยยิ้ม เขาจึงโบกมือลาคนตัวเล็กคิดจะเดินเข้าบ้าน แต่กลับถูกรั้งเอาไว้ด้วยคำถามแสนธรรมดาแต่มีผลต่อจิตใจคนฟังเป็นอย่างมาก
“เอ่อ อาปราบคะ”
“มีอะไรเหรอ” เหลียวกลับมามองร่างบางที่รั้งตนเอาไว้
“อาปราบมีแฟนหรือยังคะ เฌอกลัวว่าถ้าเฌอเอาน้ำหอมมาให้...แฟนอาปราบอาจจะไม่พอใจน่ะค่ะ เฌอไม่อยากให้อาปราบมีปัญหากับแฟน” ปั้นน้ำเป็นตัวอย่างรวดเร็วเพื่อเช็คสถานะของกองปราบ เธอไม่อยู่ตั้งหลายปีกลัวเขาจะมีหญิงข้างกาย
แต่เท่าที่สอดส่องในโซเชียลมีเดีย กลับไม่เห็นว่าหญิงคนใดจะผ่านด่านเข้ามาอยู่ข้างกายเขาได้เลย อย่างนั้นเธอก็มีลุ้นไม่ใช่เหรอ...
“อาไม่มีแฟนหรอก น้องเฌอไม่ต้องห่วง” คำตอบนั้นสร้างรอยยิ้มให้แก่เฌอรีนา เธอพยักหน้าแล้วโบกมือลาร่างสูง แววตาเปล่งประกายปิดไม่มิดว่าดีใจมากแค่ไหน
“ค่ะ งั้นเฌอกลับบ้านก่อนนะคะ ไว้เจอกันค่ะ” ผิวปากเดินกลับบ้านของตน เริ่มคิดแผนเข้าหากองปราบอีกครั้ง
แต่ไม่ใช่ในฐานะหลานสาว...
เพราะหล่อนต้องการเป็นแฟนของเขาและอาจก้าวไปถึงตำแหน่งภรรยา...หากเป็นไปได้