๔ อยากเล่นกับไฟ (๒)
“เฌอรักอาปราบ เรามาลองสักครั้งไม่ได้เหรอคะ เฌอรู้ว่าอาปราบก็รักเฌอเหมือนกัน แต่อาปราบกำลังกลัว ลองขจัดความกลัวแล้วมองแค่หัวใจได้ไหม ลองฟังเสียงหัวใจของตัวเองก็ได้...เฌอขอร้องนะคะ” คราวนี้คว้ามือหนามากอบกุม อ้อนวอนเขาด้วยเสียงสั่นเครือ กระพริบตาปริบไล่น้ำตาที่คลอเบ้าเมื่อคิดว่าเขาอาจปฏิเสธเธออีก
“ไม่ว่าอุปสรรคข้างหน้าจะเป็นยังไง เรามาสู้ไปด้วยกันได้ไหม” เห็นถึงความไม่มั่นใจในแววตาคม เธอจึงเพิ่มแรงบีบที่มืออยากให้เขาเชื่อมั่นในตัวเอง
“ความสัมพันธ์ของเรามันอาจไม่ราบรื่น...เฌอแน่ใจเหรอที่จะรักคนแก่แบบอา” ถามเธออีกครั้งเพื่อให้หญิงสาวได้ไตร่ตรอง คนที่คิดมานานทบทวนความรู้สึกของตัวเองจนมั่นใจว่ารักกองปราบรีบพยักหน้า เหมือนว่าจะเห็นแสงสว่างกับความสัมพันธ์ของเรา
เขาอาจจะยอมรับเธอในฐานะแฟนแล้ว...
“ไม่แน่ใจหรอกค่ะ ชีวิตคนเราอยู่บนความไม่แน่นอน แต่เฌอมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองว่าตอนนี้รักอาปราบ รักแบบชายหญิงไม่ใช่อาหลาน อาปราบจะลองให้โอกาสเฌอได้ไหมคะ” เธอกำลังขอความรักจากผู้ชายคนหนึ่ง จ้องตาเขาเพื่อแสดงถึงความจริงใจ หวังว่ากองปราบจะให้โอกาสตนเองบ้าง
แอบรักมานานและรอวันที่จะเติบโต มาถึงวันนี้หล่อนพร้อมแล้วที่จะบอกความในใจ เพื่อก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน แต่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะยินยอมหรือเปล่า
ถ้าเขาปฏิเสธอีกครั้งล่ะ...
เธอก็คงพอกับรักแรก ต้องจบมันลงทั้งที่ยังรัก เหลือเพียงความทรงจำแล้วเริ่มต้นรักใหม่
แต่ก็หวังว่ากองปราบจะพร้อมสู้กับอุปสรรคไปด้วยกัน เธอเชื่อว่าถ้ามีความรักเป็นตัวตั้งจะต้องชนะสิ่งรอบข้างอย่างแน่นอน
“อาต่างหาก...ที่ต้องขอโอกาสจากเฌอ” คิดทบทวนต่อสู้กับหัวใจของตัวเองว่าควรเลือกทางใด แต่พอเห็นภาพเฌอรีนาอยู่กับคนอื่นเขาก็ไม่อาจทนได้
จนเป็นฝ่ายกอบกุมมือบางแทน พร้อมขอโอกาสจากคนตรงหน้า เล่นเอาร่างบางถึงกับยิ้มกว้างปล่อยน้ำตาให้รินไหลด้วยความปลื้มปีติ เธอโผเข้ากอดร่างสูงทันทีด้วยความดีใจ หัวเราะทั้งน้ำตาไม่นึกว่าวันนี้จะมาถึงเร็ว
วันที่พวกเราจะได้รักกัน...
“ถ้าอย่างนั้น...ต่อจากนี้เราเป็นแฟนกันนะคะ” เธอเริ่มนับวันและเวลาทันทีเพื่อจะได้จดจำเอาไว้ ผละออกเพื่อมองดวงหน้าคมให้มั่นใจ ก่อนที่เขาจะพยักหน้าแล้วแต้มยิ้มที่มุมปากให้เธอใจเต้นแรงกับการกระทำนั้น
“ครับ”
ร่องรอยบนใบหน้าคมที่บ่งบอกวัยไม่ได้ทำให้เธอมองว่าเขาหล่อน้อยลงเลย กองปราบยังเป็นชายในฝันและหนุ่มหล่ออันดับหนึ่งในใจของเฌอรีนาเสมอ ค่อยประคองดวงหน้าคมแล้วจดจ้องอยู่อย่างนั้นไม่ยอมละสายตา
“มองหน้าอาทำไม”
“ไม่คิดว่าจะเป็นจริง เฌอกอดอาปราบอีกได้ไหม” ตอบอย่างจริงใจทั้งยังถามเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะยินยอมให้ตนกอด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็กอดโดยไม่ได้ขออนุญาต
“ตอนยังไม่เป็นแฟนไม่เห็นจะขอเลย แล้วตอนนี้ อึก” พูดไม่ทันจบก็โดนหล่อนโถมกายกอดโดยลุกมานั่งบนตัก เกยคางไว้ที่บ่าแกร่งพร้อมกระชับอ้อมกอดให้แน่นจนเขาไม่ทันตั้งตัว
“กอดแรงไปหรือเปล่า” เขาถามเธอด้วยความเอ็นดู
“ดีใจนี่น่า อาปราบของเฌอ อาปราบแฟนเฌอ อยากประกาศให้คนทั้งโลกรู้เลยว่าอาปราบเป็นของเฌอ ของเฌอคนเดียว” ยังคงกอดอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย และเป็นเขาเองที่เริ่มกังวลกับการบอกให้คนอื่นทราบ
ครอบครัวตนคงไม่เท่าไหร่ ที่น่ากลัวของจริงคือฌาร์มต่างหาก...
“อาคิดว่า...เราลองคบกันสักสามเดือนแล้วค่อยบอกคนอื่นดีไหม” เขาดันไหล่เล็กแล้วกุมเอาไว้เพื่อให้หล่อนเผชิญหน้า
เมื่อขอคบก็อยากจริงจังกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ เขาอายุไม่ใช่น้อยแล้ว หากคบไม่นานแล้วเลิกมีแต่ฝ่ายหญิงจะเสียหายจึงอยากให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ อีกทั้งเพื่อให้ครอบครัวของเฌอรีนามั่นใจว่าเขารักหล่อนจริง
ไม่ใช่การหลอกล่อหรือลวงให้เด็กสาวอ่อนประสบการณ์หลงรัก แต่เป็นความรู้สึกที่แท้จริงจากก้นบึ้งของหัวใจ
“ช่วงโปรเหรอ” ถามกลับทันที
“จะว่าแบบนั้นก็ได้ อาแค่อยากให้เราแน่ใจในความสัมพันธ์ แต่ไม่ใช่ว่าอาไม่รักน้องเฌอนะ”
“เฌอเข้าใจค่ะ อาปราบไม่ต้องคิดมาก งั้นรอสามเดือนแล้วค่อยประกาศก็ได้เนอะ เราจะได้ศึกษาดูใจกันไปด้วย ดูให้ลึกว่าข้างในมีแค่เฌอคนเดียวหรือเปล่า” หล่อนมีความสุขที่เขารักตอบจึงไม่อยากเก็บเรื่องเล็กน้อยมาคิดให้ขุ่นข้องใจ ซบหน้าลงบนบ่าแกร่งไม่ยอมลงจากตักเขาสักที
“ในฐานะแฟน...ก็มีแค่น้องเฌอคนเดียวนั่นแหละ” ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำว่าแฟนออกมาจากปากหยัก เธอมีความสุขเป็นอย่างยิ่งจนอยากให้อีกฝ่ายเรียกตนว่าแฟนอีกครั้ง
“อาปราบรักเฌอตอนไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่ บอกให้ชื่นใจหน่อยได้ไหมคะ เฌออยากรู้” รีบถามทันทีด้วยแววตาใสแจ๋ว เธอผละออกเพื่อมองดวงหน้าคมแล้วรอฟังคำตอบ แต่ร่างสูงกลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบซะทีเดียว
“แล้วน้องเฌอล่ะ ชอบอาตอนไหน”
“ชอบตอนไหนไม่แน่ใจ แต่มั่นใจว่ารักก็ตอนที่อาปราบแต่งงานแล้วเฌอรู้สึกเหมือนหัวใจถูกกระชากออกจากอก ตอนนั้นเฌอยังไม่รู้จักความรักแบบหนุ่มสาว พอได้ทบทวนเลยรู้ว่าเฌอรักอามากแค่ไหน ตั้งแต่นั้นก็ไม่เคยมองคนอื่นเลย”
เธอยิ้มกว้างภูมิใจกับความรู้สึกของตัวเองที่มั่นคง กองปราบเห็นอย่างนั้นก็ยิ่งเอ็นดูคนรักต่างวัยของตนมากกว่าเดิม ค่อยยกมือกอดเอวบางหลวมๆ อยากก้มลงหอมแก้มนุ่มแต่ยั้งตัวเองเอาไว้ ถึงจะเป็นแฟนกันแต่ก็อยากให้เกียรติเธอ
“เด็กแก่แดด”
“แล้วอาปราบล่ะ รักเฌอตอนไหน” คราวนี้ไม่ยอมปล่อยให้เขาบ่ายเบี่ยง รีบถามอย่างรวดเร็วแล้วจ้องดวงตาคมตลอดเวลา
“น่าจะเริ่มจากความเอ็นดู พอถูกรุกอาก็เผลอใจเต้น...จนตอนนี้กลายเป็นรัก” คำตอบของเขาทำให้เธอหลุดขำแล้วโต้กลับ
“มั่นใจตอนที่ขับรถชนถังขยะใช่ไหมคะ ฮ่าๆๆๆ” หัวเราะเสียงใสแล้วคิดถึงเมื่อเช้าที่ร่างสูงขับรถชนถังขยะแต่ก็ยังอุตส่าห์ลงจากรถมาตั้งมันขึ้นเหมือนเดิม ทั้งที่จะขับเลยไปก็ได้
ท่าทีน่ารักจนเธอจำติดตา...
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” พอได้โอกาสก็รีบถามถึงชายแปลกหน้าที่ตนไม่เคยเห็น ดวงตาเปลี่ยนเป็นดุดันแต่มีหรือที่เฌอรีนาจะกลัว หล่อนตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“เพื่อนสนิทเฌอเองค่ะ รู้จักกันนานมาก แต่เขามีคนคุยแล้วอาปราบไม่ต้องห่วง แค่ยืมตัวมาเล่นละครให้ใครบางคนรู้หัวใจตัวเอง” พูดเพื่อให้ร่างสูงคลายใจพร้อมยอมเผยความจริงให้ทราบ เล่นเอากองปราบถึงกับส่ายศีรษะที่ถูกเล่นงานเข้าให้แล้ว
“ร้ายนักนะ แบบนี้ต้องลงโทษ” คิดจะดีดหน้าผากมนเบาๆ แต่เธอกลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วถามเสียงหวาน พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสทันทีแต่เขากลับคิดอะไรขึ้นมาได้พอดี จึงต้องตกลงกับหล่อนอีกรอบ
“ลงโทษแบบไหนคะ แบบขาดอากาศหายใจดีหรือเปล่า”
“น้องเฌอ อาขอทำความเข้าใจก่อนนะ ว่าตลอดเวลาสามเดือนจะไม่มีการล่วงเกินมากกว่ากอดหอม...” พยายามจบลงที่การหอมแต่กลายเป็นว่าหญิงสาวที่นั่งบนตักรีบโพล่งทันที เธอไม่อาจยอมได้เมื่อตนเฝ้ารอจูบจากเขา
“จูบ จูบให้ด้วยสิคะ เฌอชอบจูบอาปราบ” ขย่มกายหนาอย่างออดอ้อน โดยไม่รู้เลยว่าคนอายุเยอะกว่าถึงกับร้อนผ่าวที่ใบหน้า เมื่อบั้นท้ายงามงอนกำลังปลุกบางสิ่งที่กำลังหลับใหลให้ตื่น จนต้องกุมไหล่บางเอาไว้ให้เธอนั่งนิ่ง
“เราจะไม่ ไม่...ไม่มีเซ็กส์กัน” ย้ำเสียงสั่น แต่เธอไม่ได้สังเกตเพราะเอาแต่ตกใจกับประโยคของเขา
หล่อนอุตส่าห์เฝ้ารอที่จะมอบกายให้กองปราบหลังจากเป็นแฟนกัน ทำไมถึงจะมีไม่ได้!
“ทำไมล่ะคะ! เฌอโตแล้วนะ บรรลุนิติภาวะ เรียนจบมีงานทำ โตพอจะรู้จักการป้องกัน ทำไมถึงมีอะไรกันไม่ได้ อาปราบก็ไม่น่าจะใช่พวกนกเขาไม่ขัน...เอ๊ะ หรืออาปราบหมดประสิทธิภาพ อื้อ” พอถูกหยามเข้าหน่อยก็ไม่อาจทนได้จึงจับใบหน้าหวานแล้วจุมพิตเป็นการปิดปาก ดูดกลืนปากจิ้มลิ้มที่ชอบเจื้อยแจ้ว ขบกัดริมฝีปากล่างของหล่อนเหมือนต้องการลงโทษแล้วค่อยผละออก
“ไม่ต่อเหรอคะ กำลังได้ที่เลยนะ” เธอยิ้มกริ่มชอบกับการถูกเขาบดจูบ เรียกร้องอีกครั้งเล่นเอากองปราบมึนงง
“ทำไมแก่แดดแบบนี้นะ คบกับเราอาจะเปลืองตัวหรือเปล่า”
“เปลืองแน่นอนค่ะ!” ตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด เธอจะใช้ประโยชน์จากการเป็นแฟนทำทุกอย่างที่อยากทำโดยไม่สนใจว่าเขาจะตั้งกฎเกณฑ์เอาไว้เยอะแค่ไหน
“มานานแล้วเฌอกลับบ้านก่อนนะคะ แล้วจะแอบมาหาคืนนี้” เหลือบมองนาฬิกาพบว่ามาอยู่บ้านลิขิตสกุลนานแล้วกลัวคนอื่นสงสัย จึงรีบลุกจากตักหนาแล้วโบกมือลาแฟนหมาดๆ ไม่ลืมขยิบตาเป็นการให้สัญญากับกองปราบ
“ไม่ต้อง” เขาปฏิเสธทันที
“จะมาค่ะ!” แต่เธอก็ตะโกนกลับมาอย่างเอาแต่ใจระหว่างวิ่งออกนอกบ้าน ปล่อยให้ร่างสูงทำได้เพียงส่ายศีรษะระอา ต่างจากแววตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู
“เฮ้อ เด็กแสบ” ไม่รู้ว่ามาคบเด็กจะเป็นอย่างไร
ที่แน่ๆ คือตนต้องเจอด่านหินอย่างฌาร์ม...ซึ่งไม่รู้ว่าจะผ่านไปได้หรือเปล่า
รับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตาของคนในครอบครัวต้นตระการ เฌอรีนาเหลือบมองผู้ใหญ่ทั้งห้าคนไม่ว่าจะเป็นตายาย คุณลุงและบิดามารดา คิดหนักว่าควรทำอย่างไรเพื่อจะได้ไปอยู่กับกองปราบโดยไม่มีใครสงสัย
จนปิ๊งไอเดียเรื่องการทำงาน จึงได้ดื่มน้ำหลังรับประทานอาหารจนอิ่ม เข้าเรื่องทันทีโดยบังคับสีหน้าให้นิ่งไม่แสดงพิรุธ
“ช่วงนี้เฌอได้งานใหม่อาจต้องอยู่ที่สตูดิโอไม่ได้มากินข้าวด้วยนะคะ” ยิ้มหวานเพื่อจูงใจให้คนอื่นเชื่อ แต่คุณรุ่งรดาเป็นห่วงหลานสาวจึงรีบถามทันที
“สตูดิโออยู่แค่หลังบ้านเองนะ น้องเฌอจะขังตัวอยู่ในนั้นไม่ออกมาเลยหรือไง” ทุกคนมองเธอเป็นตาเดียวจึงต้องรีบอธิบายอย่างรวดเร็วแล้วลุกจากเก้าอี้เพื่อหาทางหนีเอาตัวรอดโดยเร็วที่สุด
“ใช่ค่ะ! เฌอจะอยู่แต่ในนั้นเพราะเป็นงานรีบ ไม่ต้องเอาอาหารไปให้และห้ามใครรบกวน เข้าใจตรงกันนะคะ”
“ทำงานยังไงก็ต้องมีลิมิตนะลูก อย่าหักโหมเกินไป” ปริณดาย้ำเตือนด้วยความเป็นห่วงคนที่ขยันทำงานจนไม่หลับไม่นอน
“ค่ะคุณแม่ เฌอขอขนของไปอยู่บ้าน เอ่อ สตูดิโอ ย้ายไปอยู่สตูสักสามสี่วันนะคะ ไม่ต้องเรียก ไม่ต้องเข้าไปใกล้เลยนะคะ เดี๋ยวสมองเฌอจะไม่แล่นถ้ามีคนก่อกวน ไปแล้วค่ะ” รีบวิ่งออกนอกห้องอาหารเพื่อเก็บเสื้อผ้าย้ายไปบ้านของกองปราบ เธอสั่งทำป้ายห้ามรบกวนไว้เรียบร้อย เพียงแค่ติดไว้หน้าสตูดิโอก็ไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าใกล้
“แปลกคนจริงเด็กคนนี้” คนเป็นแม่มองตามพลางส่ายศีรษะระอาให้กับความบ้างานของบุตรสาวคนโต โดยไม่มีใครสงสัยเลยว่าเฌอรีนากำลังจะขนของย้ายไปอยู่กับชายหนุ่มข้างบ้าน
เธอใช้เวลาในการเจาะกำแพงเพื่อที่ตนจะสามารถมุดลอดไปบ้านตรงข้ามโดยไม่มีคนเห็น ซื้อพุ่มไม้มาบังเอาไว้แล้วกำชับคนสวนว่าห้ามมาแถวนี้ เดี๋ยวเธอจะเป็นคนดูแลสวนที่อยู่รอบสตูดิโอทั้งหมดเอง คนอื่นจะได้ไม่ทราบถึงทางลับ
“แค่นี้ก็เรียบร้อย...เอาหญ้าบังไว้หน่อย ไม่มีใครผ่านมาทางนี้หรอก” ยิ้มกระหย่องอย่างภาคภูมิใจ มุดรอดมาบ้านลิขิตสกุลได้อย่างง่ายดายไม่ต้องปีนให้เมื่อยเหมือนเมื่อก่อน
เธอแอบเดินลัดเลาะมาทางหลังบ้านเมื่อเห็นว่าเขาเปิดไฟครัว คงกำลังทำอาหารเย็นกินคนเดียว มีหรือที่หล่อนจะพลาด แอบเปิดประตูเสียงเบาแล้วย่องไปด้านหลังร่างสูง เห็นว่ากองปราบกำลังทำกับข้าวอยู่หน้าเตาอย่างขะมักเขม้น
ผู้ชายมีอายุนี่มีเสน่ห์จังเลย ทำอะไรก็ดูน่ามองไปหมด...หรือเป็นเพราะเธอรักเขากันนะ
“จ๊ะเอ๋!” ร่างหนาไม่ได้สะดุ้งเพราะได้ยินเสียงเปิดประตู เดาว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละที่ชอบเข้าบ้านคนอื่นเงียบๆ
แฟนของเขาไง
“เฌอ”
เฌอรีนานั่นเอง...
“อาปราบกำลังทำอาหารเย็นเหรอคะ เฌอหิวพอดีเลย ขอกินข้าวเย็นด้วยนะคะ” กอดคนตัวสูงจากทางด้านหลังแล้วชะโงกหน้ามาดูว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร เห็นกุ้งตัวโตถูกผัดบนกระทะจนสีสันสวยงามก็เริ่มหิว
“ได้สิ” เขาเพิ่งรู้ว่าคบเด็กทำให้หัวใจกลับมาสดใสอีกครั้ง ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็สร้างความสุขให้เขาได้ทุกอย่าง รอยยิ้มแต้มมุมปากเสมอตอนอยู่ด้วยกัน
“ต่อจากนี้อีกสี่วันคงต้องมาฝากท้องที่บ้านอาปราบแล้วค่ะ”
“ทำไม”
“ก็เริ่มชีวิตการเป็นแฟนอย่างใกล้ชิดไงคะ” กอดเอวสอบแน่นกว่าเดิมแล้วยิ้มกว้างเมื่อพูดจบ เธออยากลองใช้ชีวิตกับเขาเพื่อปรับนิสัยที่ต่างให้เข้ากัน
เพราะความสัมพันธ์ครั้งนี้...หล่อนจริงจัง