๓ ไล่ไปแต่ใจห่วง (๑)
๓
ไล่ไปแต่ใจห่วง
การได้เดินดูไร่ลิขิตสกุลทำให้เฌอรีนามีความสุขเป็นอย่างมาก ถึงจะมีแดดร้อนแค่ไหนก็ไม่กลัวเพราะสวมเสื้อแขนยาวและหมวกป้องกัน ไม่ว่าจะผ่านไร่อะไรก็มักจะขอชิมผลไม้เสมอ ทักทายคนงานพร้อมแนะนำตัวเสร็จสรรพ จนคนที่มาด้วยถึงกับส่ายหน้าระอา
ดูเหมือนคนในไร่จะเอ็นดูเฌอรีนาหลังโดนเธอหว่านเสน่ห์เต็มกระบุง
มาถึงไร่ส้มก็ใช้โอกาสนี้แปลงกายเป็นสาวชาวสวนช่วยเก็บส้ม โดยขอร้องกองปราบให้ช่วยเก็บภาพบรรยากาศ เผื่อเธอจะเอาไปเป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน ทว่าตั้งแต่ย่างกายเข้ามาในไร่ไม่เห็นว่าหล่อนจะทำงานเลย เอาแต่ชวนคนงานคุยเป็นคุ้งเป็นแคว สนิทกันประหนึ่งญาติมิตร
“ได้ส้มมากินเยอะเลย อาปราบกินไหม...อ้า” ถึงเวลากลับบ้านเมื่อพระอาทิตย์กำลังจะตกดินและได้เวลาเลิกงานของคนในไร่ ไม่น่าเชื่อว่าหล่อนจะเดินเล่นเกือบสามชั่วโมง ไม่ได้ดูเวลาด้วยซ้ำเพราะเพลิดเพลิน ปกติเป็นคนชอบเสวนาอยู่แล้ว พอได้พบปะผู้คนในสังคมที่แตกต่างก็คุยเพลิน
ขากลับหล่อนได้ส้มมาสามถึงสี่ลูก จึงปอกชิมถึงกับตาวาวเมื่อรสชาติหวานละมุนลิ้น ไม่อาจกินคนเดียวได้จึงยื่นไปตรงหน้าร่างสูง แต่เขากลับคว้าข้อมือเล็กเอาไว้แทน เหลือบมองซ้ายขวาเห็นว่ามีสายตาหลายคู่ให้ความสนใจ
“อากินเองได้”
“อยากป้อน ป้อนไม่ได้เหรอคะ” คราวนี้ถึงกับหน้าบึ้งอย่างเอาแต่ใจ กองปราบพยายามข่มเสียงเข้มให้จริงจัง เพราะหล่อนไม่กลัวเขาเลยสักนิด
“มันไม่เหมาะ” แค่พาเธอมาเดินทั่วไร่ทุกคนก็สงสัยกันหมดว่าหญิงสาวเป็นใคร สถานะของเราเป็นแค่อาหลานจริงหรือ โดยเฉพาะเฌอรีนาที่ชอบทำตัวสนิทสนมต่อหน้าธารกำนัล ถ้าเราอายุใกล้เคียงกันเขาคงไม่นั่งคิดมากแบบนี้หรอก
แต่อายุที่ต่างทำให้ต้องขบคิดเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น ต้องหยุดความคิดไว้แค่อาหลาน ห้ามมากเกินนั้นเด็ดขาด
“ไม่เหมาะตรงไหน เราบริสุทธิ์ใจ” เถียงตาใสไม่ยอมแพ้ ถือคติว่าไม่ได้พูดเขาก็คงไม่รู้หรอกว่าคิดเกินเลยหรือเปล่า ฝ่ายชายหนุ่มก็ย้อนถามกลับอย่างรวดเร็ว
“บริสุทธิ์ใจจริงเหรอ” ปากอวบอิ่มยกยิ้มเมื่อเห็นว่าเขาเปิดทางให้ตน มือหนาปล่อยข้อมือเล็กทันที เขาเผลอชี้โพรงให้กระรอกที่รั้งรอโอกาสจะบอกรัก
“อาปราบอยากรู้หรือเปล่าล่ะคะ ถ้าอาปราบอยากรู้..” ส่งสายตาหวานไม่กลัวว่าใครกำลังจ้องมอง หล่อนทราบเพียงแค่อยากให้เขารู้ถึงความรู้สึกข้างใน ที่รักชายตรงหน้าจนไม่เหลือพื้นที่ว่างไว้ให้ใครอื่น ต้องการเพียงเขาผู้เดียว
“อากินส้มก็ได้” หยิบส้มในมือหล่อนมากินเพื่อตัดปัญหา
สุดท้ายเขาก็ไม่กล้ากระทั่งจะฟังคำบอกรักของเธอ...
ปากหยักคว่ำลงอย่างขัดใจ หยิบส้มมากินเพื่อระบายความหงุดหงิดในใจ อุณหภูมิในร่างกายร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ ยังไม่ทันที่มันจะเย็นก็มีบุคคลที่สามเข้ามาทักทายซะก่อน แน่นอนว่าเฌอรีนาไม่รู้จักอีกฝ่าย ต่างจากกองปราบที่น่าจะรู้จักเป็นอย่างดี
“ปราบ! ไม่เจอตั้งนาน” สาวสวยรูปร่างสะโอดสะองเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม อีกฝ่ายไม่ได้มองหล่อนด้วยซ้ำ เอาแต่จดจ้องหนุ่มหล่อที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน สร้างความหงุดหงิดให้ร่างบางเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
“ชมพู่” เริ่มคลับคล้ายคลับคลาจนจำได้ว่าหล่อนคือเพื่อนร่วมชั้นของตนสมัยประถมจนถึงมัธยม แต่ก็แยกย้ายไปมีชีวิตของตัวเอง
เธอเคยสารภาพรักกับเขา แล้วคบกันประมาณสองถึงสามเดือนค่อยเลิกรา
กองปราบไม่ได้รักเธอ แต่เพราะอีกฝ่ายประกาศขอคบท่ามกลางคนจำนวนมาก ถ้าบอกปัดก็สงสาร จึงจำยอมตอบรับ พอคบไปเรื่อยๆ ก็รู้ว่าฝืนถึงได้บอกเลิก
“เรามาซื้อผลไม้ที่ไร่ปราบไปขาย แวะมาหลายรอบไม่เคยเจอเลย คราวนี้ได้เจอสักที...สบายดีไหม ปราบรู้หรือยังว่าเราหย่ากับสามีแล้วนะ” ประโยคไม่ค่อยสัมพันธ์กันแต่เฌอรีนารู้เจตนาของหญิงตรงหน้าดี จากสายตาที่หวานหยดย้อยยามมองกองปราบ
คิดจะแย่งผู้ชายคนเดียวกับเธอเหรอ ฝันไปเถอะว่าจะทำได้!
“เพิ่งรู้” เขาตอบแบบขอไปที ไม่ค่อยได้ติดต่อกับหล่อน จนวันนี้ที่ได้มาพบอยู่ไร่ ความจริงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหญิงสาวแต่งงาน
“แค่อยากบอกว่าเราพร้อม...ถ้าปราบอยากจะเริ่มใหม่เหมือนกัน” ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่น เริ่มเห็นเค้าลางความวุ่นวายบางอย่าง
ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบปฏิเสธ สาวอายุน้อยที่รอโอกาสมานานก็รีบคล้องแขนหนา แสดงตัวว่าตนเองไม่ได้เป็นหัวหลักหัวตอให้คนอื่นมองข้าม
“อาปราบเริ่มใหม่แล้วค่ะ” ยิ้มกว้างเมื่อเรียกความสนใจจากผู้หญิงที่ชื่อชมพู่ได้สำเร็จ
“ลืมแนะนำตัว เฌอรีนนะคะ เป็นแฟนของอาปราบ เราคบกันได้สักพักแล้วค่ะ” คราวนี้ไม่ใช่แค่แฟนเก่าของกองปราบที่ตกใจ ขนาดเจ้าตัวยังเผยอปากค้างไม่คิดว่าหลานสาวจะใช้ไม้นี้มาจัดการกับคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่
“น้องเฌอ” เรียกเสียงเบาเพื่อเตือนสติ แต่ตอนนี้ใครก็ขวางหล่อนไม่ได้
“อาปราบเงียบเถอะน่า เดี๋ยวเฌอจัดการเอง” กระซิบบอกแล้วกอดแขนหนาแน่นกว่าเดิม เอียงใบหน้าซุกซบแขนเขาแล้วสบตากับฝ่ายตรงข้าม ยกยิ้มมุมปากอย่างถือไพ่เหนือกว่า จนแม่ม่ายพราวเสน่ห์ถึงกับกัดฟันกรอด
คิดว่ากองปราบโสด ไหนบอกว่าชายหนุ่มหย่าขาดจากภรรยา แล้วทำไมถึงมีเด็กปากดีมาตามติดได้ล่ะ
“จริงเหรอคะปราบ” ถามร่างสูงเพื่อความแน่ใจ
“จริงสิคะ เฌอบอกอยู่นี่ไงว่าเรากำลังคบกัน คุณป้าไม่ต้องรออาปราบแล้วนะคะ...ไม่มีธุระอะไรแล้วใช่ไหมคะ ขอตัวเลยแล้วกันค่ะ” แต่คนที่ตอบกลับเป็นเฌอรีนาเพราะคิดว่าร่างสูงคงไม่ยอมเล่นละครตามน้ำ
ก่อนที่ความจริงจะเปิดเผย เธอจึงจูงกึ่งลากเขาให้พ้นจากหญิงที่สายตาแพรวพราว เดินมายังรถกอล์ฟซึ่งใช้ขับภายในไร่ เป็นฝ่ายขับให้เขานั่งเมื่อกองปราบยังคงปิดปากเงียบไม่พูดอะไร ดวงหน้าหล่อเรียบเฉยคงกำลังโกรธหล่อน
“น้องเฌอ แบบนี้ไม่ถูกต้องนะ” นั่งคิดทบทวนแล้วเอ่ยปากเตือนคนตัวเล็กกว่า
“ค่ะ เฌอรู้ว่าไม่ถูก แต่เฌอเห็นอาปราบไม่กล้าปฏิเสธเลยจัดการแก้ไขสถานการณ์ให้ไงคะ ผู้หญิงคนนั้นจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับอาปราบอีก” รีบอ้อนเขาทันทีพร้อมบอกถึงสถานการณ์ที่บีบบังคับให้หล่อนทำแบบนั้น
“แต่น้องเฌอเสียหาย” นั่นคือเหตุผลหลักที่เขากังวล ไม่ต้องการให้คนภายนอกมองหญิงสาวในแง่ร้าย หาว่าเธอจับคนแก่คราวพ่อเพื่อหวังสมบัติ ทั้งที่ความจริงครอบครัวของหญิงสาวก็ร่ำรวย
มีเงินมากกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ...
แล้วทำไมหล่อนจึงได้มองผู้ชายอย่างตนล่ะ ไม่เข้าใจเลยสักนิด
“เฌอเต็มใจช่วยค่ะ” พอเธอตอบแบบนี้เขาก็ไม่รู้จะไปทางไหน ทำได้เพียงพรูลมหายใจด้วยความเหนื่อยล้ากับหญิงสาวที่มุ่งมั่นซะเหลือเกิน
“เฮ้อ”
เฌอรีนายังคงยิ้มกว้างมีความสุข การได้มาไร่ลิขิตสกุลกับเขาถือว่าเป็นกำไรมากแล้ว คราวนี้ยังได้เป็นแฟนชั่วคราวอีก มีแต่ได้กับได้
“เราไปดูไร่ทางนู้นดีกว่าค่ะ” จากที่ตอนแรกคิดจะกลับบ้านก็ยืดเวลาออกไปเพื่อจะได้อยู่กับกองปราบนานอีกหน่อย ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่วันเดียวสามารถทำตามใจตัวเองหลายอย่าง
โดยเฉพาะการได้ประกาศว่าเป็นแฟนเขาต่อหน้าธารกำนัล อีกไม่นานเรื่องคงโด่งดังไปทั่วไร่แล้วไม่มีหญิงสาวคนใดมายุ่งกับกองปราบอีก
กลับมาถึงบ้านเขารีบเข้าครัวเพื่อช่วยมารดาทำอาหาร คุณนาถอนงค์อาศัยโอกาสนี้บอกแม่ครัวให้ออกไปข้างนอก แล้วพูดกับบุตรชายถึงเรื่องที่เข้าหูตน ตอนแรกที่ได้ยินค่อนข้างตกใจพอสมควร จึงต้องมาพูดกับกองปราบให้ชัดเจนว่าเรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่
ทำไมคนทั้งไร่ถึงเอาไปพูดอย่างสนุกปากว่าลูกชายของเธอกำลังคบกับสาวที่อายุห่างกัน
“ปราบ...แม่ได้ยินคนงานพูดกันว่าลูกกับน้องเฌอเป็นแฟนกันเหรอ ตกลงมันยังไงกันแน่เล่าให้แม่ฟังเดี๋ยวนี้” ขยับเข้ามาใกล้แล้วคาดคั้นต้องการฟังความจริงจากปากอีกฝ่าย
ดวงตาคมไหววูบเมื่อได้ยินคำถาม เขายังคงล้างผักเช่นเดิมแล้วตอบเสียงเรียบเหมือนมันไม่ได้สลักสำคัญแต่อย่างใด
“ไม่ได้เป็นครับแม่ ผมกับน้องเฌอเป็นแค่อาหลาน...วันนี้ชมพู่เข้ามาทักทาย น้องเฌอเลยช่วยเบี่ยงเบนความสนใจบอกว่าเป็นแฟนผม แต่ที่จริงเราไม่ได้เป็นแฟนกันครับ” อธิบายทุกอย่างให้คุณนาถอนงค์เข้าใจ ซึ่งท่านยังคงติดใจในบางเรื่อง จึงจ้องเสี้ยวหน้าคมของลูกชายที่ไม่ยอมหันมาสบตาระหว่างที่พูด
ส่อแววไม่ชอบมาพากล ทำให้คนเป็นแม่ต้องถามอย่างตรงไปตรงมา
“แล้วเราคิดอะไรกับเขาหรือเปล่า” ร่างสูงชะงักมือกับสิ่งที่กำลังทำ เขาไม่กล้าตอบมารดาเพราะท่านมักจะจับสังเกตอารมณ์ของตนได้เสมอ เลือกเงียบอยู่หลายนาทีจนคุณนาถอนงค์ถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ รับรู้ทันทีว่าความรู้สึกที่กองปราบมีต่อเฌอรีนาไม่ใช่แค่อาหลาน
“ตาปราบ! นั่นหลานนะ อายุห่างกันตั้งเท่าไหร่ เขาจะว่าเราล่อลวงเด็ก ไหนจะพ่อแม่เขาอีก” ตะโกนเรียกชื่อเสียงดังแล้วก้าวเข้าไปกระซิบกระซาบให้ได้ยินเพียงแค่สองคน กลัวว่าคนอื่นจะล่วงรู้ถึงความลับนี้
ร่างสูงปิดก๊อกน้ำแล้วทอดถอนใจ เขาก็ไม่ได้ชอบกับความรู้สึกของตัวเอง แต่ความรักมันห้ามกันได้ซะที่ไหน หากเลือกได้เขาก็ไม่อยากคิดเกินเลยกับหล่อนหรอก พยายามแล้วที่จะไม่รู้สึกอะไรแต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้
หลงรักคนที่ไม่ควรเข้าให้แล้ว...
“รู้ครับ ผมรู้...ตอนนี้ก็พยายาม ห้าม ห้ามไม่ให้คิดเกินเลย”
“เฮ้อ เราเนี่ยนะ อายุตั้งเท่าไหร่แล้วยังไปหลงคารมเด็กอีก แต่แม่เข้าใจ...น้องเฌอเขาน่ารัก ทำอะไรก็มีเสน่ห์ไปหมด” รู้ดีว่ากองปราบคงพยายามเช่นเดียวกันที่จะหักห้ามใจ แต่หญิงสาวก็มีเสน่ห์จนพัฒนาไปสู่ความรู้สึกดีๆ
ขนาดท่านที่เพิ่งเจอกันยังหลงเฌอรีนา คนอะไรไม่รู้ช่างพูดช่างเจรจาเหลือเกิน ขนาดเพิ่งเคยเจอยังชอบ แล้วคนที่อยู่บ้านข้างกันจะไม่ชอบได้อย่างไร
ทว่าปัญหาที่อาจตามมาก็เยอะจนเกรงว่าบุตรชายจะเสียใจกับรักครั้งนี้...
“แต่แม่อยากเตือนไว้ว่าทำอะไรก็คิดให้ดี ชั่งน้ำหนักว่ามันควรหรือเปล่า อย่าทำเพราะอารมณ์อย่างเดียว เราโตแล้วก็น่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร” เอ่ยเตือนด้วยความหวังดี ทำให้กองปราบรับคำเสียงแผ่ว เขารู้ว่าหนทางคงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
“ครับแม่”
สงสัยคงต้องพูดกับหล่อนให้เป็นเรื่องเป็นราว ว่าเราควรเป็นแค่อาหลานเหมือนเดิม ไม่อาจพัฒนาไปมากกว่านั้นได้
“เฮ้อ”
เสียงถอนหายใจดังไปทั่วห้องนอนของหนุ่มใหญ่ที่โสดสนิท คิดไม่ตกเรื่องของหญิงสาวอายุน้อยกว่า ดูเหมือนว่าถ้าเขาพูดเธอคงจะรั้นไม่ยอมเลิกรา ทั้งที่ความจริงตนก็ไม่อยากพูด แต่เพราะอายุของเราที่ห่างกันเกินไป จนอาจเกิดปัญหาต่างๆ ตามมาทีหลัง การตัดไฟตั้งแต่ต้นลมน่าจะดีกว่า
พอคิดถึงดวงหน้าสวยที่ยิ้มให้คนอื่น ใจก็คันยุบยิบไม่อาจยอมได้ ความคิดทั้งสองด้านตีกันไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
มั่นใจว่ากำลังตกหลุมรัก แต่ดันเกิดขึ้นกับคนที่ไม่ควรรัก...
รู้ดีว่าฌาร์มจะต้องไม่ยอมรับอย่างแน่นอน อาจนำไปสู่ปัญหาระหว่างครอบครัว คนที่เสียใจมากที่สุดคงเป็นเฌอรีนา ซึ่งเขาไม่อยากเห็นน้ำตาของหล่อน
“เฮ้อ” สุดท้ายก็ลุกจากเตียงแล้วลงมาเดินเล่นข้างล่าง