๒ แทรกซึมรัก (๒)
เธอตกหลุมรักบ้านไร่ของเขาจนอยากย้ายมาอยู่ที่นี่ให้รู้แล้วรู้รอด ถ้ากองปราบคิดจะกลับมาบ้าน หล่อนก็ต้องรีบทำคะแนนเพื่อเลื่อนเป็นแฟนแล้วขอตามมาอยู่ที่นี่ซะเลย
จะได้ไม่ต้องแยกจากกันอีก
“มาแล้วเหรอ แม่รอตั้งนานนึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” ลงจากรถก็เดินเข้ามาไหว้บิดามารดาที่พักเที่ยงจากงานไร่จึงเข้ามาพักผ่อนอยู่บ้าน
กองปราบถือกระเป๋าสองใบเข้ามาในบ้าน โดยที่หญิงสาวซึ่งขอตามมาด้วยยังคงเก็บภาพบรรยากาศข้างนอกไม่ยอมตามเข้ามา
“พอดีมีเด็กมัวแต่ชมนกชมไม้ข้างทางเลยทำให้ช้าครับ” น้ำเสียงและแววตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู สร้างความประหลาดใจให้ท่านทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง
คุณนาถอนงค์ ลิขิตสกุล เคยเป็นพยาบาลแต่ออกจากงานเพื่อมาดูแลไร่ลิขิตสกุลกับสามี ทั้งยังต้องเลี้ยงลูกอีกสองคนเพียงผู้เดียวไม่มีคนช่วย พอถึงวันนี้ที่ลูกมีเส้นทางของตนเองจึงภูมิใจเป็นอย่างมาก
ขณะที่คุณอเนก ลิขิตสกุลอดีตตำรวจน้ำดีที่สิ้นศรัทธาในอาชีพจนเกิดปัญหากับองค์กรจึงตัดสินใจลาออก พอได้มาทำงานไร่ที่พ่อแม่บุกเบิกก็เกิดความชอบจึงยึดเป็นอาชีพหลัก ขยายอาณาเขตจนครองพื้นที่กว่าร้อยไร่
ทุกวันนี้ใครบ้างไม่รู้จักไร่ลิขิตสกุล ส่งออกผลไม้มากที่สุดในจังหวัด
“เด็ก...ใครเหรอ” คุณนาถอนงค์ถึงกับเลิกคิ้วด้วยความสงสัย เห็นบุตรชายถือกระเป๋าสองใบแต่กลับมาแค่คนเดียว
ไม่เห็นจะมีคนเดินตามมาเลย...
ทว่ายังไม่ทันที่ร่างสูงจะได้ตอบ เฌอรีนาที่สนุกกับการได้มาต่างสถานที่ก็เดินเข้ามาในตัวบ้านแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสดใส ดวงหน้าหวานประดับรอยยิ้มตลอดเวลา
“อาปราบ! สวนส้มทางนู้นมีลูกออกเต็มไปหมดเลย เฌออยากเดินไปดูได้ไหมคะ” คิดว่าบ้านของเขาไม่มีคน แต่พอเหลียวมองไปยังโซฟาห้องรับแขกกลับพบชายหญิงวัยชราที่ร่างกายยังแข็งแรงนั่งพักผ่อน
ทราบโดยทันทีว่าต้องเป็นบิดามารดาของกองปราบอย่างแน่นอน เธอจึงเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าแล้วยกมือประนมกลางอก ไหว้อย่างนอบน้อมเรียกคืนวิชามารยาทที่เคยร่ำเรียนเพื่อเอาใจบุพการีของเขาโดยเฉพาะ
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ หนูชื่อเฌอรีนนะคะ เป็นเด็กสาวแสนสวยที่อยู่ข้างบ้านอาปราบ” เลือกจะเรียกอย่างเป็นกันเองเพื่อความเคยชิน อนาคตจะได้ไม่เปลี่ยนคำเรียกให้ยุ่งยาก
“ต้องเรียกคุณตาคุณยาย” กองปราบรีบหันมาเอ็ด เขาจ้องเธอตาดุกลัวว่าท่านทั้งสองจะรับรู้ถึงความนัยที่เฌอรีนาต้องการเอ่ย
เขาได้ยินเองยังใจกระตุกเลย...
“เรียกแบบนั้นได้ไงล่ะคะ คุณพ่อคุณแม่ยังไม่แก่เลยนี่น่า อายุไม่น่าจะถึงหกสิบด้วยซ้ำ ใช่ไหมคะคุณพ่อคุณแม่ เฌอเรียกแบบนี้ได้ใช่ไหม” รีบยิ้มแล้วพูดประจบท่านทันที เธอเก่งเรื่องนี้อยู่แล้วอย่างไรกองปราบก็ห้ามไม่ได้หรอก
“ได้จ้ะ เรียกแม่ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่แก่” คุณนาถอนงค์คล้อยตามทันที ถึงตอนนี้ผมจะดกดำเพราะย้อมสี แต่รอยเหี่ยวย่นของใบหน้าก็บ่งบอกอายุเป็นอย่างดี พอมีเด็กสาวมาเติมน้ำในหัวใจอันเหี่ยวเฉาก็กลับฟื้นคืน
ต่างจากคุณอเนกที่เพ่งมองคนทั้งสองด้วยความสงสัย แต่เลือกเงียบไม่พูดอะไรให้เสียบรรยากาศ ลูกชายของตนที่ครองตัวโสดหลายปี บทจะมีคนเข้ามาก็อายุห่างกันเหลือเกิน
“แล้วทำไมถึงได้มาด้วยกันล่ะ” หัวหน้าครอบครัวเอ่ยถามเสียงเรียบ ใบหน้าคมเข้มเรียบเฉย ถึงจะอายุมากแต่ดูจากกรอบหน้าคมคิดว่าตอนท่านยังหนุ่มต้องหล่อมากแน่เลย ไม่แปลกใจที่กองปราบหน้าตาดีแบบนี้
“เฌอขอติดรถอาปราบมาเองค่ะ เฌอเพิ่งกลับไทยไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหน รู้ว่าอาปราบมีสวนอยู่ปากช่องเลยขอมาซึมซับบรรยากาศธรรมชาติสักหน่อย ไม่รบกวนใช่ไหมคะ” กระพริบตาปริบแล้วถามเสียงนุ่ม เล่นเอาคุณผู้หญิงถึงกับส่ายศีรษะ ลุกจากโซฟาแล้วเดินมาประคองร่างแบบบางให้นั่งข้างกัน
“รบกวนอะไรล่ะลูก ไม่รบกวนเลย แต่ถ้าบอกก่อนแม่จะได้เตรียมห้องไว้ให้”
“เฌอนอนง่ายค่ะ นอนกับอา...อะไรก็ได้ ห้องแบบไหนได้หมดเลยค่ะ เฌอกินง่ายอยู่ง่าย” เกือบเผลอหลุดชื่อกองปราบแต่ยั้งตัวเองไว้ได้ทันจึงเปลี่ยนประโยค ฝ่ายชายเองก็ค่อนข้างตกใจพอสมควรที่หล่อนพูดอย่างนั้น ถึงกับเหงื่อซึมจนต้องยกมือมาซับหน้า
เกือบซวยแล้วไหมล่ะ...
“ช่างพูดจังเลย เดี๋ยวแม่ให้คนไปเตรียมของว่าง...”
“ไม่ต้องก็ได้นะคะ ระหว่างทางเฌอกินจนพุงกาง ตอนนี้กินอะไรไม่ลงแล้ว แต่ถ้าคุณแม่อยากให้กิน เฌอกินได้ค่ะ พื้นที่ในท้องยังเหลืออีกเยอะ” พูดประจบเอาใจเพื่อให้ท่านเอ็นดูมากกว่าเดิม ดูเหมือนจะได้ผลซะด้วยเพราะคุณนาถอนงค์เอ็นดูหล่อนเป็นอย่างมาก
“เหมือนว่าคุณจะได้ลูกเพิ่มอีกคนแล้ว” สามีถึงกับเย้าภรรยาที่เอาแต่มองเฌอรีนาด้วยแววตาชื่นชม
พูดคุยกันได้สักพักก็มีเสียงเด็กเล็กร้องเรียกชื่อของคนมาใหม่ หล่อนอดไม่ได้จึงหันมองตามเสียง พบหญิงวัยกลางคนอุ้มลูกสาวตัวน้อยหน้าตาน่ารักน่าชังเข้ามาในห้อง เธอคิดว่าน่าจะเป็นน้องสาวเขา ส่วนเด็กคนนั้นก็เป็นลูกของผู้หญิงหน้าตาสะสวย ซึ่งดูจากรูปลักษณ์ภายนอกคงอายุไม่ค่อยห่างจากแม่เธอเท่าไหร่
“ลุงปาบ ลุงปาบมาแล้ว” หนูน้อยยังพูดไม่ชัด แต่ก็พยายามออกเสียงเลียนแบบให้เหมือนผู้ใหญ่ สองมือเล็กพยายามไขว้คว้าคุณลุงแสนใจดี
“น้องส้ม ตัวโตขึ้นเยอะเลย” เขาวางกระเป๋าเอาไว้แล้วเดินไปรับหลานสาวมาอุ้ม
“พอรู้ว่าพี่ปราบจะกลับบ้านก็ไม่ยอมไปไร่กับพ่อเลยค่ะ รอลุงปราบจนผล็อยหลับไป เพิ่งตื่นเมื่อกี้เอง” น้องสาวผู้ทำหน้าที่ดูแลไร่กับสามีตอบพี่ชายของตัวเอง
ร้อยตรี ลิขิตสกุล แต่งงานกับเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานาน มีลูกชายอายุสิบปีกับลูกสาวอายุสามขวบ ซึ่งตอนนี้บุตรชายเข้าไร่กับพ่อ หน้าที่ดูแลลูกสาวจึงตกเป็นของแม่ โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่ากองปราบจะกลับมาที่ไร่ หนูน้อยไม่ยอมออกไปไหน บอกว่าจะรอคุณลุงอยู่บ้าน
“สุดที่รักของลุง” เขาหอมแก้มเด็กหญิงซ้ายขวาด้วยความคิดถึง อยากกลับมาบ้านก็เพื่อเลี้ยงหลานเนี่ยแหละ
น้องสาวของเขามีลูกยาก จึงตัดสินใจทำกิฟต์ ครั้งแรกได้ลูกชายไม่คิดว่าจะได้ลูกสาวมาในวัยสี่สิบกว่าอย่างนี้ จึงค่อนข้างรักและดูแลอย่างใกล้ชิด
“ว่าแต่...พาใครมาด้วยคะ” พอเหลือบมองทั้งห้องก็พบหญิงสาวหน้าใสที่ดูจากหน้าตาคงเพิ่งเรียนจบ ได้แต่หวังว่าให้จบมหาวิทยาลัยไม่ใช่จบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
“นี่น้องเฌอ ลูกสาวของปลาย” แนะนำหญิงสาวให้น้องของตนรู้จัก ร้อยตรีนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเบิกตากว้าง จำได้ว่าเคยเจอเฌอรีนาตอนอีกฝ่ายยังเป็นเด็กตัวเล็ก ไม่รู้ว่าหล่อนจะจำได้หรือเปล่า ครั้งนั้นไปหาพี่ชายที่เมืองหลวงเพื่อเอาพืชผลทางการเกษตรไปให้พอดีจึงได้พบลูกสาวของปริณดา
“โอ้โห โตขนาดนี้แล้วเหรอ ตอนนั้นที่แวะไปหาพี่ปราบยังตัวเล็กอยู่เลย...น้องเฌอจำน้าตรีได้ไหมคะ” ไม่น่าเชื่อว่าผ่านไปไม่นานจะเติบโตเป็นสาวหน้าตางดงามขนาดนี้ คงมีชายหนุ่มเรียงแถวเข้ามาจีบไม่ว่างเว้น
แต่ทำไมถึงมากับพี่ชายเธอได้ล่ะ...
“เฌอคับคล้ายคับคลาค่ะ แต่เริ่มทำความรู้จักใหม่ได้นะคะ” แน่นอนว่าหล่อนจำไม่ได้ แต่ก็ต้องตอบเอาใจอีกฝ่าย
“ช่างพูดเหมือนแม่เลย” เจอปริณดาหลายครั้งตอนไปเมืองหลวง ได้พูดคุยกันบ้างยามพบหน้า เธอเป็นคนอัธยาศัยดีและดูเหมือนลูกสาวจะถอดแบบแม่ออกมาไม่ผิดเพี้ยน
เด็กหญิงตัวน้อยเหลียวมองคนแปลกหน้าแต่หน้าตาสะสวยไม่ละสายตา ดิ้นจากอ้อมกอดของคุณลุงเพื่อจะลงยืนจนกองปราบต้องยอมปล่อยให้เดิน
“พี่คนฉวย” หนูส้มหวานเดินไปหาเฌอรีนาแล้วจับมือพลางเอ่ยชม เล่นเอาคนทั้งห้องถึงกับหลุดยิ้มขำ
“พี่เหรอคะ” เฌอรีนาค่อนข้างตกใจ จึงต้องถามย้ำให้มั่นใจว่าอีกฝ่ายกำลังชมตัวเอง
“ฉวย” ย้ำอีกครั้งแล้วแหงนหน้ามองคนสวย เล่นเอาคนเป็นแม่ต้องอธิบายว่าลูกสาวของตนชอบมองคนสวย
“น้องส้มชอบคนสวยค่ะ” พอได้ยินอย่างนั้นสาวนักเรียนนอกก็ร้อนผ่าวที่ใบหน้า ไม่นึกว่าตนจะถูกคนอายุน้อยชมซึ่งหน้าจนตั้งตัวไม่ทัน
“เขินเลย”
ร่างสูงเดินมานั่งที่โซฟาเดียวเยื้องกับบิดา มองหลานสาวของตนเล่นกับเฌอรีนา ดูเหมือนส้มหวานจะชอบคุณอาคนสวยเป็นอย่างมาก จ้องตาไม่กระพริบจนเขาหลุดยิ้ม ก่อนจะรีบทำหน้านิ่งเมื่อโดนบิดาเหลียวมอง ส่วนคุณนาถอนงค์เดินเข้าครัวได้สักพักแล้ว
“ของว่างมาแล้ว แม่ลองทำคุกกี้ส้ม เฌอลองชิมดูนะลูกว่าอร่อยหรือเปล่า” ท่านถือถาดของว่างออกมาแล้ววางลงตรงหน้าแขกที่เพิ่งเคยมาไร่
“นั่งตักได้ไหม” หนูน้อยเอ่ยถาม คราวนี้ร่างบางก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมอุ้มส้มหวานขึ้นนั่งตักตัวเอง
“ได้ค่ะ”
“ลุงตกกระป๋องแล้วใช่ไหม น้องส้มไม่มานั่งตักลุงเหรอ” เขาเรียกร้องความสนใจจากเด็กสามขวบ แต่ดูเหมือนส้มหวานจะไม่สนใจคุณลุงของตัวเอง เอาแต่จ้องดวงหน้างามของเฌอรีนาพลางเอ่ยตามความต้องการ
“อยากกินกุกกี้” นอกจากไม่ตอบคุณลุงยังชวนสาวสวยคุยอีก คราวนี้หล่อนจึงได้ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็ก หยิบขนมให้หนูน้อยได้กิน
“ดูลูกสาวเราสิตรี ไม่สนใจพี่เลย” คุณลุงเริ่มน้อยใจจนต้องหันมาระบายกับน้องสาวของตัวเอง แต่แววตากลับฉายชัดถึงความเอ็นดูหลาน ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ส้มหวานเท่านั้น ยังรวมถึงเฌอรีนาอีกด้วย มองไม่ละสายตาจนร้อยตรีสังเกตเห็นถึงความไม่ชอบมาพากล
หวังว่าโคแก่คงไม่เคี้ยวหญ้าอ่อนหรอกนะ...
เมื่อได้จังหวะก็รีบลากพี่ชายเพื่อมาคุยกันสองคนที่ห้องครัว ปล่อยคนอื่นอยู่ข้างนอก หล่อนพยายามทำเวลาเพื่อเค้นความจริงให้ได้มากที่สุด จากปากของกองปราบที่ไม่ค่อยชอบพูดเรื่องของตัวเองให้คนอื่นฟัง
บางครั้งจึงต้องจับสังเกตเองจึงเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ อย่างเช่นตอนนี้ที่เธอสงสัยความสัมพันธ์ของพี่ชายตนกับหลานสาวข้างบ้าน
เป็นแค่อาหลานหรือมากกว่านั้น ต้องคาดคั้นความจริงให้ได้
“พี่ปราบ...คิดยังไงพาสาวมาบ้าน ปกติไม่เคยพาใครมาเลย” กระทั่งพี่สะใภ้ที่หย่าขาดกันไปยังมาไร่นับครั้งได้ แล้วทำไมถึงใจอ่อนพาเฌอรีนามาด้วยล่ะ
“เขาขอมาด้วย” ตอบตามความจริง แต่ร้อยตรีก็ยังไม่ยอมจบ ไล่ต้อนพี่ชายให้จนมุมโดยสังเกตสีหน้าของกองปราบไปด้วย
“พี่ก็ยอมเหรอ บอกมาว่าคิดแค่หลานจริงหรือเปล่า ขอเตือนเลยนะว่าถ้าคิดอย่างอื่นพี่ตายแน่ พ่อแม่เราไม่เท่าไหร่ พ่อแม่เขาน่ะสิ...เอาขวานมาจามหัวพี่แน่นอน” เตือนด้วยความหวังดีถึงเส้นทางข้างหน้าหากคิดจะร่วมหอลงโรงกับเฌอรีนา
โดยเฉพาะฌาร์มซึ่งไม่ค่อยถูกกับพี่ชายของหล่อนอยู่แล้ว ชีวิตนับจากนี้ท่าจะยากพอสมควร
“อย่าเพิ่งให้พี่คิดอะไรตอนนี้เลย ปวดหัว” เขาคิดเรื่องนี้ทุกวัน พอมีคนมาเตือนก็พยายามบ่ายเบี่ยงจนถูกน้องสาวจับไต๋ได้ เธอยกยิ้มมุมปากแล้วถามอย่างตรงไปตรงมา
“แสดงว่าพี่ชอบน้องเฌอ”
“เฮ้ย บ้า! เปล่านะ ไม่ได้ชอบ” ปฏิเสธเสียงดังแล้วหลุบสายตาก้มมองต่ำ ซึ่งดูเหมือนว่าปฏิเสธไปก็เท่านั้นเพราะดูเหมือนน้องสาวจะเดาใจของคนเป็นพี่ได้จนหมดว่ารู้สึกเช่นไร
“หึหึ โคแก่กินหญ้าอ่อน แถมยังอ่อนกว่ายี่สิบปีด้วย นับอายุดูอีกไม่นานพี่ก็จะห้าสิบแล้วใช่ไหม”
“ไอ้ตรี จะไปไหนก็ไปเลย” พอคิดถึงอายุของตัวเองกับอายุของหล่อนก็ต้องกุมขมับ เขาอยากเกิดช้ากว่านี้อีกสักหน่อย แต่ทำอย่างไรได้เมื่อเกิดก่อนหญิงสาวตั้งยี่สิบปี สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือการห้ามหัวใจตัวเองไม่ให้หลงรักคนอายุน้อยกว่า
“ห้ามใจ หักห้ามใจนะพี่ปราบ อย่าเสี่ยงดีกว่า”
“พี่รู้น่า” ข้อนั้นเขารู้เป็นอย่างดี และก็พยายามห้ามไม่ให้คิดกับเธอมากไปกว่าหลานสาว ถึงมันจะยากแค่ไหนก็ตาม