๒ แทรกซึมรัก (๑)
๒
แทรกซึมรัก
ปิดเปลือกตาลงเมื่อถึงเวลาพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงาน แต่ดูเหมือนเหตุการณ์เมื่อช่วงเย็นจะหลอกหลอนไม่ยอมสลัดออกสักที มือหนาวางไว้บนอก กล่อมตัวเองให้นอนหลับทั้งที่ปกติเป็นคนนอนง่าย
ทว่าวันนี้ทำไมถึงหลับยาก!
พอจะรู้สาเหตุแม้ไม่อยากยอมรับก็ตาม หลับตาลงทีไรก็เห็นดวงตาหวานที่จ้องมองตน กลิ่นกายหอมกรุ่นของหลานสาวที่เห็นมาแต่เด็ก เขาจะกลายเป็นเฒ่าหัวงูที่หลงรักหญิงอายุน้อยกว่าจริงเหรอ แบบนี้เข้าข่ายเลี้ยงต้อยหรือเปล่า ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มจนต้องทอดถอนใจ
“เฮ้อ...หลับ หลับสิวะ” เบิกตาในความมืด โมโหตัวเองที่ในหัวเอาแต่คิดถึงเฌอรีนาทั้งที่ไม่ควรสักนิด
แม้ว่าหญิงสาวจะแสดงออกว่าสนใจในตัวเขา นั่นก็อาจเป็นแค่อารมณ์วูบไหวตามประสาเด็ก แต่เขาโตแล้วและอยู่ในวัยกลางคนอีกไม่กี่ปีก็เข้าสู่วัยทองด้วยซ้ำ จะมาตกม้าตายเพราะเด็กสาวไม่ได้เด็ดขาด
“ทำไมนอนไม่หลับ แกะตัวที่หนึ่ง แกะตัวที่สอง แกะตัวที่สาม แกะตัวที่สวย...เฮ้ย! ไม่ได้ หยุด หยุดคิด นั่นหลานนะเว้ย หลาน อายุห่างจากมึงตั้งเยอะ” หลับตาแล้วพยายามนับแกะเพื่อให้เข้าสู่ห้วงนิทรา แต่กลับมีใบหน้าหวานโผล่เข้ามาจนต้องผุดลุกนั่งบนเตียง ตะโกนบอกตัวเองเสียงดังพร้อมยกมือขึ้นตบแก้มทั้งสองข้างเป็นการเตือนสติ
ข้อดีของการคบกัน...เขายังหาไม่เจอ
แต่ถ้าปัญหาหลังจากคบกันคงมีตามมาเป็นพรวน อย่างน้อยก็ไม่ถูกยอมรับจากคนในครอบครัวหญิงสาว
เฌอรีนาเพิ่งเรียนจบ ชีวิตของหล่อนยังอีกยาวไกล สามารถเปล่งประกายแสงได้มากกว่านี้ ดีกว่าถูกดับแสงแล้วมาอยู่ข้างกายเขา
“มึงเคยชอบแม่เขา พ่อเขาก็ดุ หยุดคิดเลยไอ้ปราบ ปัญหาตามมาเยอะแน่” ส่ายหน้าพลางพรูลมหายใจ หนทางของพวกเขาดูเหมือนจะริบหรี่ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ร่างสูงค่อยเอนกายนอนลงเช่นเดิมแล้วพยายามหลับตา
แต่หล่อนก็ยังตามมาหลอกหลอนจนสุดท้ายเขาต้องลุกยืนข้างเตียง ใบหน้าแสดงออกถึงความหงุดหงิด
“โธ่เว้ย ไม่นอนแม่งแล้ว” เลือกออกกำลังกายยามค่ำคืนให้ตัวเองเหนื่อย จะได้นอนหลับสักที
แต่กว่าจะหลับเวลาก็ล่วงเข้าสู่วันใหม่ นอนไม่เท่าไหร่ก็ต้องตื่นไปทำงานแล้ว...
หลายวันผ่านไปดูเหมือนว่าเฌอรีนาจะหายหน้าหายตา คงยุ่งกับงานเกินกว่าจะมาหาคุณอาข้างบ้าน กองปราบพยายามไม่คิดถึงหล่อนและขลุกอยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปไหนหลังกลับจากงาน แต่ดูเหมือนสายตามักจะเหลือบไปทางข้างบ้านเสมอจนน่าหงุดหงิด
เมื่อได้วันหยุดจึงตัดสินใจเก็บกระเป๋าเพื่อกลับไร่ หากอยู่ที่บ้านหลังนี้ต่อไปคงเอาแต่คิดถึงคนที่ไม่ควรจนไม่เป็นอันทำอะไร
ขอหลบไปตั้งหลักก่อนแล้วกัน...
“น้องเฌอ มีอะไรหรือเปล่า”
แต่เธอไม่ให้โอกาสเขาได้ใช้เวลาอยู่คนเดียวเลย หลังจากหายไปหลายวัน ตอนนี้เฌอรีนากลับมาหยุดยืนตรงหน้าพร้อมยิ้มหวาน พลางยื่นกล่องสีชมพูมาตรงหน้าคุณอาสุดหล่อ
“เฌอจะเอาขนมมาให้อาปราบค่ะ ว่าแต่...อาปราบจะไปไหนเหรอ” เมื่อเขารับขนมไปถือไว้ เธอก็รีบเดินเข้ามาในเขตรั้วบ้าน เห็นชายหนุ่มขับรถมาจอดไว้ด้านหน้าเหมือนเตรียมพร้อมจะออกไปข้างนอก แต่คงไม่ได้ออกไปบินอย่างแน่นอน
ถ้ามีบินต้องออกตั้งแต่ตีสี่ ซึ่งตอนนี้เจ็ดโมงเช้า...เขากำลังจะไปไหน
“อาจะกลับไร่สักสองสามวันน่ะ” คำตอบของอีกฝ่ายสร้างความดีใจให้แก่คนที่ขลุกอยู่ในห้องเพื่อทำงานเร่งด่วนหลายวันจนไม่ได้ออกมาสูดอากาศข้างนอก
พอได้ยินว่าเขากำลังจะกลับไร่จึงไม่พลาดที่จะขอติดตามไปด้วย อย่างน้อยก็มีโอกาสใช้เวลาร่วมกัน
“ไปด้วย! เฌอไปด้วย เฌออยากไปเที่ยวไร่ของอาปราบ ให้เฌอไปด้วยคนนะคะ สัญญาว่าจะไม่ดื้อไม่ซน ทำตัวอยู่ในโอวาทของอาปราบ ถ้าดื้อเมื่อไหร่ยอมให้ตีเลย ให้เฌอไปเถอะนะ” รีบเข้ามาเกาะแขนหนาแล้วออดอ้อนทันที จนเขาต้องพยายามแกะมือของหล่อนออกกลัวว่าคนอื่นจะมาเห็น
“ไปสองคนมันดูไม่ดี”
“ไปถึงไร่ก็ไม่ได้อยู่สองคนสักหน่อย มีครอบครัวอาปราบตั้งเยอะไม่ใช่เหรอคะ ให้เฌอไปด้วยเถอะนะ สงสารเด็กตาดำๆ ที่กลับไทยยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย เอาแต่หมกตัวทำงานอยู่สตูดิโอจนขอบตาดำคล้ำไปหมด อาปราบจะไม่สงสารจริงๆ เหรอ”
ทำหน้างอแล้วหาเหตุผลมาหว่านล้อม สตูดิโอที่คุณรุ่งรดาทำให้เสร็จอย่างรวดเร็วพร้อมเข้าใช้ เธอจึงขลุกอยู่ในนั้นเกือบจะสี่สิบแปดชั่วโมง อาหารก็กินเพียงนิดเดียว เร่งทำงานเพื่อส่งให้บริษัททันเวลาพอดี
ตอนนี้ว่างแล้วจึงอยากออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ต่างเมืองสักหน่อย ช่างเหมาะเจาะพอดีที่เขาจะกลับบ้าน เธอต้องรีบเกาะติดเพื่อขอกลับไร่ด้วยแล้ว
ไปไหว้พ่อแม่ของอาปราบเป็นการฝากฝังตัวก็ดีเหมือนกัน ถึงตอนนี้จะมีฐานะเป็นหลานสาวแต่ในสักวันต้องเปลี่ยนเป็นลูกสะใภ้อย่างแน่นอน
“ถ้าอยากไปก็ได้ แต่ต้องไปขอพ่อแม่ก่อน” พอฟังจบก็ทำหน้ายู่ทันที กองปราบกำลังทำเหมือนหล่อนเป็นเด็กต้องขอผู้ปกครองก่อนออกไปเที่ยว แต่ก็รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มทันทีเมื่อมันคือหนทางเลือกเดียวที่เขาจะยอมให้ติดสอยห้อยตามไปด้วย
“รับทราบค่ะ! รอด้วยนะ ถ้าไม่รอ...เฌอจะงอนไม่คุยกับอาปราบหนึ่งเดือน” เหลียวมาสั่งเสียงเข้ม รอฟังว่าเขาจะตอบตกลงหรือเปล่า ซึ่งร่างสูงทำเพียงพยักหน้า พูดไปแล้วไม่คืนคำอย่างแน่นอน
แต่เกรงว่าฌาร์มอาจไม่อนุญาตให้เฌอรีนาตามเขากลับไร่น่ะสิ...
รายนั้นหวงลูกสาวจะตาย ไม่เคยมีชายใดผ่านด่านคุณพ่อของหล่อนเข้ามาจีบได้เลย แค่มองตามยังถูกจ้องตาขวาง
ทว่าเขาไม่แปลกใจสักนิด...เฌอรีนาสวยหมดจด ยิ้มแย้มอัธยาศัยดี ใครเห็นก็หลงรักทั้งนั้น
กระทั่งเขาที่ได้จ้องดวงตาแสนหวานยังเผลอใจเต้นแรงจนนอนไม่หลับ ต้องออกกำลังกายเรียกเหงื่อเพื่อจะได้เข้าสู่ห้วงนิทรา
ถ้าเธอไปไร่ด้วยกันครั้งนี้ หวังว่าคงไม่มีเรื่องราวไม่เหมาะสมเกิดขึ้น...
“อาจะรอ” เพียงแค่คำสัญญาก็ทำให้คนรอฟังเผยยิ้มกว้าง หล่อนรีบวิ่งกลับบ้านเพื่อขออนุญาตมารดาไปเที่ยวบ้านไร่ อย่างไรปริณดาก็พูดง่ายกว่าบิดาอยู่แล้ว รายนั้นคงถามซอกแซกลงท้ายที่ไม่อนุญาต โดยเฉพาะคนที่ตนไปด้วยคือกองปราบ
ไม่รู้ท่านจะจงเกลียดจงชังอาปราบทำไม...
พอมาลองคิดดูอีกทีไม่เชิงเกลียด ออกแนวไม่ชอบหน้ามากกว่า ซึ่งตั้งแต่เธอเล็กจนโตไม่เคยเห็นว่าสองคนนี้พูดดีกันสักครั้ง ส่วนมากจะเป็นบิดาของตนที่ชอบหาเรื่อง
“ไปกันค่ะ” เก็บกระเป๋าด้วยความเร่งรีบ วิ่งออกจากบ้านเพื่อมาหากองปราบจนเท้าแทบพันกัน เกรงฌาร์มจะออกมาเห็นแล้วทำให้ตนไม่ได้ไปบ้านไร่ของครอบครัวลิขิตสกุล
นี่ถือเป็นโอกาสอันดีที่หล่อนจะได้แนะนำตัวว่าเป็นใคร ต้องเข้าทางพ่อกับแม่ความรักถึงจะรุ่ง อีกทั้งบรรยากาศธรรมชาติเป็นใจ ไม่แน่ว่ากลับมาพวกเขาอาจได้ตกล่องปล่องชิ้น
เป็นแฟนกันก็ได้...
“ขอพ่อแล้วเหรอ” ยืนกอดอกพิงประตูรถยนต์ ถามคำแรกเมื่อเห็นหล่อนถือกระเป๋าเข้ามาด้วยท่าทีเหนื่อยหอบ เหมือนกำลังหนีมากกว่ารีบวิ่งมาให้ทันรถ กองปราบจึงสงสัยจนต้องถามย้ำคนตรงหน้า
“เรียบร้อยค่ะ ไม่อย่างนั้นเฌอจะมาได้ไง ท่านอนุญาตแล้วก็ฝากให้อาปราบดูแลเฌอให้ดี อย่าดื้อกับเฌอ เชื่อฟังเฌอ” เล่นลิ้นไม่เลิกจนคนเป็นอาต้องส่ายศีรษะแล้วหลุดยิ้มกับความน่ารักของคนตรงหน้า ยิ่งเห็นเธอยิ้มก็ไปไม่ถูก
เขาแพ้ทางรอยยิ้มของเฌอรีนา เหมือนที่เคยแพ้รอยยิ้มของปริณดามาก่อน
แย่แล้ว...ตอนนี้หัวใจกำลังเข้าขั้นวิกฤต ดูเหมือนมันจะไม่รักดี แอบคิดไม่ซื่อกับหลานสาวที่อายุห่างกันมาก
“อาว่าไม่ใช่แล้ว คำนี้น่าจะบอกเรามากกว่า” เขาพอจะเดาถูก แต่ร่างบางอาศัยจังหวะนั้นรีบนำกระเป๋าของตนไปไว้หลังรถ ก่อนเดินอ้อมมายืนข้างประตูตำแหน่งคนขับ มั่นใจในฝีมือการขับรถของตัวเองจึงได้ชวนเขาให้ออกจากบ้าน
“ขึ้นรถกันเถอะค่ะ ถ้าออกช้าจะถึงช้านะ อาปราบจะขับเองหรือว่าให้เฌอขับ” คิดจะเปิดประตูด้านคนขับ แต่มือหนากลับวางทาบทับเอาไว้ซะก่อน
“อาขับเอง ไม่ค่อยไว้ใจเราเท่าไหร่” มุมปากอวบอิ่มยกยิ้มมีความสุขเมื่อได้สัมผัสความอบอุ่นของมือสาก เธอไม่ตอบอะไรเอาแต่จ้องตาเขาจนกองปราบรู้ตัวถึงผละออก ยกมือเกาท้ายทอยเหมือนไม่รู้ว่าจะวางมันไว้ตรงไหน
ไม่ได้ตั้งใจจับ...แต่พอได้แตะแล้วกลับอยากกอบกุมมือเล็กนั้นเอาไว้
“เฌอถามเฉยๆ ไม่คิดจะขับจริงสักหน่อย ไปกันค่ะ!” เดินอ้อมไปประจำตำแหน่งข้างคนขับ เธอขึ้นนั่งแล้วคาดเข็มขัดนิรภัยโดยไม่คิดอะไร
ต่างจากกองปราบที่เริ่มคิดมากกับความรู้สึกของตัวเองซึ่งไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป เขาเริ่มหลงรักหลานสาวข้างบ้านเข้าซะแล้ว
รถยนต์สีดำขับผ่านสองข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้และกอหญ้าที่ขึ้นรกชัฏ สาวจบนอกตื่นตาตื่นใจไปกับทุกสิ่ง เธอไม่ค่อยได้มาต่างจังหวัดเท่าไหร่ ถ้าไปเที่ยวก็ลงทะเลอย่างเดียว หรือไม่อยากนั้นก็ไปบ้านพักตากอากาศของครอบครัวที่มีเกือบสิบหลัง รวมของบ้านต้นตระการและประมุขการณ์
หญิงสาวยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายวิดีโอเพื่อบันทึกภาพเอาไว้ เธอเริ่มหลงเสน่ห์บ้านสวนเข้าซะแล้ว
ไม่เคยมาไร่ของเขาสักครั้ง รู้เพียงว่าพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง ขายผลไม้และพืชผัก ทั้งยังมีส่วนของรีสอร์ทให้เข้าพักอีกต่างหาก ความจริงกองปราบไม่ต้องไปทำงานในเมืองหลวงด้วยซ้ำ แค่กิจการของบ้านก็มีกินมีใช้ไม่ขาดมือ
แต่เมื่อเรียนการบินก็อยากใช้ความรู้ในด้านนี้ทำมาหากิน เป็นนักบินมานานยี่สิบปีอีกไม่กี่เดือนก็จะเกษียณตัวเองเพื่อออกมาทำธุรกิจส่วนตัวแล้ว
หรือบางทีอาจจะกลับบ้านไร่มาใช้ชีวิตแสนสงบก็ได้...
เลี้ยวเข้ามาภายในเขตไร่ลิขิตสกุล ตั้งชื่อตามนามสกุลของบิดาเพราะคุณตาบุกเบิกมาตั้งแต่ยังมีที่ดินเพียงห้าไร่ จนขยายใหญ่โตเป็นร้อยไร่ ตอนนี้พ่อของเขารับช่วงต่องานเกษตรกร ท่านลาออกจากงานตำรวจหลังมีปัญหากับองค์กร
ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ด้านหลังแล้วมาทำไร่เพื่อจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ชื่อลูกชายลูกสาวก็มาจากความชอบในอาชีพ แต่ทุกวันนี้ร่ำๆ อยากเปลี่ยนชื่อให้ลูกชายลูกสาวทุกวัน
คนโตกองปราบ คนเล็กร้อยตรี...
เรียกทีไรก็ปวดใจไปซะทุกครั้ง
“พ่อแม่ สวัสดีครับ” ขับผ่านป้ายไร่ด้านหน้า ดูเหมือนเฌอรีนาจะตั้งใจมองเป็นอย่างมาก ดวงตากลมชื่นชมความงามตรงหน้า ผ่านไร่องุ่น ไร่ส้ม ไร่มะม่วง ไร่ลิ้นจี่ ไร่อโวคาโด ไร่สตรอว์เบอร์รี่จนมาสิ้นสุดที่ไร่พืชผักซึ่งให้ผลผลิตที่สวยงาม
แทบอดใจไม่ไหวอยากลงไปชื่นชมอย่างใกล้ชิด รถยนต์มาจอดที่หน้าบ้านไม้สองชั้นหลังงาม เธอจึงถือโอกาสสำรวจภายนอกบ้านของเขา แม้จะเป็นบ้านไม้สองชั้นมีพื้นที่กว้างขวาง แต่ที่แตกต่างออกไปคือต้นไม้กับดอกไม้นานาชนิด สีสันสดใสบานสะพรั่งจนดูเหมือนเทศกาลดอกไม้มากกว่าบ้านคนเสียอีก