ตอนที่ 4 : ขัดขืน 1/1
ตอนที่
[3]
ขัดขืน
เมื่ออีกฝ่ายไม่รับ นางก็จะค้างไว้เช่นนี้ มาคอยดูว่าผู้ใดจะอดทนได้มากกว่ากัน หากกล่าวเรื่องความอดทนนางคิดว่านางไม่น้อยหน้าผู้ใด คิดแล้วก็กระจับมือที่จับจอกชาให้แน่นยิ่งขึ้น กระนั้นก็กวาดสายตามอง เช้านี้ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของคนผู้นั้น ไม่แน่ว่าอาจจะออกจากจวนไปตั้งแต่เช้าแล้ว หรือไม่ก็….เขาอาจจะไม่อยู่ที่จวนตั้งแต่เมื่อคืนนี้
หยวนฮูหยิน หรือ ฟางฮุ่ยชุ่น ปรายตามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างดูแคลน เป็นอย่างที่บุตรชายของตนกล่าวไม่มีผิด สตรีผู้นี้อวดดีไม่น้อย
แต่ก็…..มาลองดูว่าจะอวดดีได้ถึงเมื่อใด
ในยามนี้ทั้งแม่สามีและลูกสะใภ้ต่างก็มีความคิดของตน
ฟางฮุ่ยชุ่นนั้นคิดว่าการแต่งงานครั้งนี้นั้นไม่ถูกต้อง เพราะตนได้มองหาสตรีที่เหมาะสมกับบุตรชายไว้หลายคนทีเดียว ทุกคนล้วนแต่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม ด้วยคิดว่าบุตรชายคนเดียวของจวนเสนาบดีฝ่ายซ้ายของแคว้นโหรวจะตบแต่งกับสตรีที่ธรรมดาได้อย่างไร
เดิมทีตระกูลช่ายนั้นก็ไม่ถือว่าเลวร้ายอันใดออกจะดีเสียด้วยซ้ำเพราะช่ายหมิงจื้อก็ถือว่าทำผลงานในท้องพระโรงได้ดี อีกทั้งเขายังเป็น ‘บุตรบุญธรรม’ ของหมอเทวดาที่เลื่องชื่ออีก หากแต่สตรีที่มาตบแต่งกับบุตรชายของนางเป็นบุตรสาวที่แท้จริงของช่ายหมิงจื้อ หาใช่บุตรสาวบุญธรรมซ้ำยังกำพร้ามาจากแดนเหนือเช่นนี้
น่ารังเกียจนัก
ไม่รู้ว่าพื้นเพเดิมนั้นต่ำช้าเพียงใด
เพียงแค่คิดว่าบุตรชายของนางต้องร่วมหอทั้งยังมีหลานจากสตรีผู้นี้ในใจก็นึกรังเกียจยิ่ง
ยามนี้จึงขอทำเมินไปก่อน
ช่ายจือซิ่วนิ่งค้างในมือถือจอกชาอยู่เช่นนั้น จนเมื่อเวลาผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป จึงได้ตัดสินใจเอ่ยขึ้นเช่นยามแรก
“ลูกสะใภ้มายกน้ำชาให้ท่านแม่เจ้าค่ะ” กล่าวแล้วพร้อมอาศัยจังหวะนั้น ขยับมือและแขนเล็กน้อยเพื่อคลายอาการเหน็บชา
และในที่สุด…..
“หึ น้ำชาเย็นหมดแล้ว ข้าคงจิบไม่ลง”
“เช่นนั้นลูกสะใภ้จะไปชงใหม่”
“ไม่ต้อง อาเหอ เจ้าไปชงมาใหม่” ฟางฮุ่ยชุ่นไม่รอให้ช่ายจือซิ่วกล่าวสิ่งใด รีบหันไปสั่งการบ่าวรับใช้คนสนิทให้ไปดำเนินการทันที
“ส่วนเจ้า อย่าได้แทนตนเองว่าลูกสะใภ้อีก มันระคายหูนัก”
“เจ้าค่ะ ข้าจะไม่แทนตนเองเช่นนั้นอีก ท่านแม่” ช่ายจือซิ่วสบสายตาแม่สามีทั้งแสดงกิริยานอบน้อม หากเป็นฟางฮุ่ยชุ่นที่รู้สึกขัดใจ
“ท่านแม่ก็เช่นกัน!”
ท่าทางราวกับเด็กใสซื่อ ไม่มีพิษมีภัยเช่นนี้ ไหนจะเสียงที่ราวแก้วกังวานนั่นอีก ทุกอย่างมันทำให้พานนึกถึงเหล่าอนุของสามีนัก
บรรยากาศยามนี้ กำลังเป็นดังคำกล่าวที่ว่า ‘คนไม่ใช่ ทำอะไรก็ผิด’
ไม่นานอี่เจิ้งเหอ หรือทุกคนในจวนตระกูลหยวนเรียกว่าแม่บ้านเหอก็เดินมาพร้อมกับชากาใหม่ หลังจากรินชาที่ชงมาใหม่ใส่จอกแล้วอี่เจิ้งเหอจึงวางบนถาดก่อนจะยื่นให้ช่ายจือซิ่วอีกครั้ง
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” หญิงสาวรับมาก่อนจะยื่นไปที่แม่สามีตรงหน้าอีกครั้งเช่นกัน ยามนี้ยอมรับว่าเริ่มปวดเข่าไม่น้อย เพราะนางคุกเข่านานแล้ว
ครานี้หยวนฮูหยินทำท่าทีอิดออดที่จะรับมา และในช่วงจังหวะที่ยื่นมือไปรับ กลับจงใจปัดจอกชาให้น้ำชากระเด็นโดนมือช่ายจือซิ่วเล็กน้อยราวกับไม่ได้ตั้งใจ และยามที่ได้เห็นสีหน้าที่ทำราวกับไม่คิดอันใดเปลี่ยนไปเล็กน้อย มุมปากของฮูหยินตระกูลหยวนก็ยกขึ้นเล็กน้อย
“ข้าไม่ทันระวัง คงไม่เป็นอันใดกระมัง”
“ไม่เจ้าค่ะ”
“อืม” เมื่อเห็นว่าแม่สามียกชาขึ้นจิบเล็กน้อย ช่ายจือซิ่วจึงคิดว่าไม่ควรยืดเยื้อไปมากกว่านี้
“ต่อไปหากฮูหยินมีอันใดจะสั่งสอนข้า ก็สามารถทำได้เต็มที่เลยนะเจ้าคะ” ด้านฟางฮุ่ยชุ่นที่รอคำนี้ดวงตามีแววบางอย่างพาดผ่านทันที
“เช่นนั้นหรือ เช่นนั้นวันนี้ก็หยิบผ้าและถังน้ำตรงนั้นตามแม่บ้านใหญ่ไปทำความสะอาดเรือนใหญ่เถิด”
ช่ายจือซิ่วชะงักไปทันที ดวงหน้างามเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ