สิ้นเสียงสกุณา

21.0K · ยังไม่จบ
คุณหนูหยางเอิน
51
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เพราะแผนการร้ายของใครบางคน ทำให้สกุณาน้อยของจวนตระกูลช่ายต้องตบแต่งกับบุรุษที่ไม่มีใจให้ตนและอาจจะเกลียดเข้าไส้ด้วยเหตุผลบางอย่าง หนำซ้ำชีวิตหลังจากแต่งงานนั้นเต็มไปด้วยหนทางที่ไม่เรียบง่ายเลยสักนิด

นิยายจีนโบราณดราม่าข้ามมิติแก้แค้นจีนโบราณนิยายย้อนยุค

ตอนที่ 1 : จุดเริ่มต้น 1/1

ตอนที่

[1]

จุดเริ่มต้น

สองขาเรียวกึ่งวิ่งกึ่งเดินอย่างเร่งร้อน เพราะนางได้ยินเรื่องราวบางอย่างว่า ‘เขา’ ยามนี้กำลังตกอยู่ในแผนการของคนที่ไม่น่าไว้วางใจ ด้วยความที่เขาผู้นั้นเป็นบุรุษในดวงใจของนางมาหลายปี นางจึงไม่อาจปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้

ใบหน้างามที่ยามนี้ยังคงซีดเซียวเพราะอาการเจ็บป่วยร่างกายจากอุบัติเหตุเมื่อหลายวันก่อน ทว่าเมื่อมีเรื่องสำคัญนางก็ไม่อาจนอนอยู่เฉยได้ ได้แต่เร่งฝีเท้าของตนเองให้เร็วยิ่งขึ้น

“นั่น เจ้าจะทำอันใด” ทันใดนั้นภาพตรงหน้าก็ทำเอานางแทบจะลืมหายใจ

สาวรับใช้ผู้นั้นกำลังจะเปลื้องผ้าเขา!

ด้านสาวรับใช้ที่รับมอบหมายให้มาดำเนินการตามแผนการ เมื่อเห็นว่ามีคนมาพบเห็นในยามที่แผนการยังไม่สำเร็จดี ทั้งยังกลัวว่าจะมีผู้อื่นตามมาอีก จึงรีบดึงแขนเสื้อที่เพิ่งร่นลงเมื่อครู่ของตนขึ้นมา ก่อนจะรีบหนีไปทางหน้าต่างทันที

มีคนคิดร้ายกับเขาจริง ๆ

เมื่อเห็นว่าบ่าวรับใช้ผู้นั้นออกไปแล้ว ไม่รอช้าขาเรียวก็รีบสาวเท้าเข้าไปหาเขาด้วยความห่วงใย

“คุณชายหยวน เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” หยวนมู่เหยียนในยามนี้ใบหน้าของเขากำลังแดงก่ำทั้งกายร้อนราวกับคนเป็นไข้หนัก ในใจของนางยิ่งร้อนรนและห่วงใยเขายิ่งกว่าเดิม

ด้านชายหนุ่มที่ควบคุมสติตนเองไม่ได้มาครู่ใหญ่ เมื่อได้ยินเสียงหวานทั้งกลิ่นกายอันหอมกรุ่นของผู้ที่อยู่ตรงหน้า เขาจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น

ช่ายจือซิ่ว รู้สึกดีใจที่เมื่อพบว่าเขาลืมตาขึ้นมาแล้ว กระนั้นก็ยังกังวล คนตรงหน้าคล้ายกำลังได้รับความทรมานบางอย่าง ใบหน้าหล่อเหลานั้นดูซีดเซียวสลับกับเหยเก

นางน่าจะเลือกเรียนหมอแทนที่จะสนใจแค่เรื่องสมุนไพรและอาหารจะได้ช่วยเขาได้มากกว่านี้

ระหว่างที่กำลังคิดว่าจะช่วยเขาอย่างไร มือหนาก็เอื้อมเข้ามาหานางเสียก่อน จากนั้น….

“ว้ายยยยยย”

เรือนใหญ่ตระกูลช่ายตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เนื่องจากวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของใต้เท้าช่าย ช่ายหมิงจื้อ ขุนนางกรมการคลัง ที่เป็นคนสำคัญผู้หนึ่งในราชสำนักแคว้นโหรว

บรรยากาศที่กำลังเป็นไปด้วยดี จู่ ๆ ได้ยินเสียงความวุ่นวายเกิดขึ้นที่ด้านหนึ่งไม่ไกลออกไป ก่อนที่จะได้ยินคนของเขามารายงานว่าเกิดเรื่องที่เรือนรับรองหลันฮวา

ไม่รอช้าผู้เป็นเจ้าของจวนพร้อมฮูหยินจึงได้รีบสาวเท้าไปยังทิศทางของความวุ่นวายนั้นทันที ด้านแขกเหรื่อที่เมื่อได้รู้ว่าอาจจะมีความสนุกเกิดขึ้น จึงได้ตามกันไปติด ๆ

“นี่มันอันใดกัน!!”

เมื่อช่ายหมิงจื้อผลักบานประตูเข้าไปก็พบกับร่างของฝ่ายบุรุษที่นอนอยู่ในอาการสลบไสลลักษณะเปลือยท่อนบนและมีผ้าห่มคลุมเบื้องล่างอยู่อย่างหมิ่นเหม่คาดว่าผู้คลุมให้คงอยู่ในอาการเร่งรีบ ส่วนอีกผู้หนึ่งที่อยู่ด้วยกันเป็นสตรีที่กำลังนั่งตัวสั่นก้มหน้าอยู่อีกมุม มีผ้าคลุมกายเอาไว้จนถึงคอ แต่หากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าบริเวณที่พ้นจากผ้าออกมานั้น มีรอยแดงที่ทิ้งเอาไว้หลายจุดมากเพียงใด ไหนจะผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงนั้นอีก

ไม่ต้องคาดเดาก็รู้ว่าระหว่างทั้งสองนั้นเกิดอันใดขึ้น

ช่ายหมิงจื้อขบสันกรามแน่นคล้ายกับกำลังอดกลั้นอารมณ์บางอย่าง แต่ท้ายที่สุดเขาก็ทำได้เพียงหมุนตัวกลับมา ดวงตากลับมาราบเรียบดั่งเดิมก่อนจะกล่าว

“ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมอวยพรข้าในวันนี้ วันนี้ต้องขออภัยหากไม่สามารถดูแลได้อย่างเต็มที่และทั่วถึง และวันนี้คงต้องจบลงเพียงเท่านี้ หวังว่าทุกท่านจะไม่ถือสาและเดินทางกลับอย่างปลอดภัย”

ความหมายชัดเจนแล้วว่า ขอเชิญทุกท่านกลับไปได้แล้ว

แม้จะอยากรู้ว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะเกิดอันใดขึ้น แต่เมื่อเจ้าบ้านกล่าว ‘ไล่’ เช่นนี้แล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถฝืนอยู่ต่อได้ ไม่นานแขกเหรื่อทั้งหลายก็ทยอยกันออกไปจากจวนตระกูลช่ายไปและแน่นอนว่าคืนนี้คงมีหัวข้อสนทนากันรวมถึงพรุ่งนี้คงเกิดหัวข้อใหญ่ขึ้นมาในเมืองหลวงแน่นอน

เมื่อแขกเหรื่อกลับไปจนหมดช่ายหมิงจื้อจึงได้กลับมาสั่งการเสียงเย็นจนผู้ที่ได้ฟังหลายคนล้วนแต่รู้สึกหวาดหวั่น

“บอกคนของคุณชายหยวนให้รีบทำเช่นใดก็ได้ให้เขารีบตื่นขึ้นมา แล้วไปคุยกันที่โถงใหญ่ ส่วนเจ้าซิ่วเออร์ รีบจัดการตนเองให้เรียบร้อย แล้วตามไปที่โถงใหญ่เช่นกัน” สายตาเรียบนิ่งปรายตามองบุตรสาวเพียงครู่ก่อนจะหมุนกายเดินออกไป ลับหลังเจ้าของจวนจากไป หลิงอีม่าน หรือ ช่ายฮูหยินก็ตวัดมองบุตรสาวที่อยู่บนเตียงด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “งามหน้านัก!!” กล่าวจบก็หมุนกายออกไปเช่นกันโดยไม่กล่าวอันใดอีก

สุดท้ายจึงเป็นคนที่ช่ายจือซิ่วอยากจะพูดคุยด้วยมากที่สุด ช่ายหลิวซู

“พี่ใหญ่….”

“รออธิบายพร้อมคุณชายหยวนเถิด” ไม่รอให้น้องสาวกล่าวจบใบหน้างามที่ดูเย็นชาของช่ายหลิวซูกล่าวเพียงเท่านั้นก็รีบสาวเท้าตามมารดาไปทันที

ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยาม ในที่สุดหยวนมู่เหยียนก็ได้สติ เมื่อได้รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นจึงได้รีบแต่งกายและวิ่งไปที่โถงใหญ่ของจวนตระกูลช่าย คนแรกที่เขามองหาคือช่ายหลิวซู

“คุณหนูใหญ่….”

“คุณชายหยวนเรื่องนี้จะอธิบายอย่างไร” เป็นช่ายหมิงจื้อที่รีบเอ่ยถามขึ้น

“ข้า….” หยวนมู่เหยียนสบสายตาของช่ายหมิงจื้อด้วยความสับสน เขาไม่เข้าใจว่าเรื่องราวกลายมาเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร

“ข้าจำได้ว่า มีบ่าวผู้หนึ่งมาบอกข้า ว่าคุณหนูใหญ่มีเรื่องบางอย่างจะกล่าวกับข้า ให้ไปพบกันที่สวนใกล้น้ำตกจำลอง ข้าจึงไปเพียงลำพัง โดยที่ไม่ได้ให้บ่าวติดตามไปด้วย….”

เมื่อเขากล่าวมาถึงตรงนี้หลายคนก็ลอบมองหน้ากัน ก่อนจะให้เขากล่าวต่อ

“เมื่อไปถึงก็พบกับโต๊ะที่มีชาและขนมไว้รองรับ บ่าวรับใช้ผู้นั้นบอกว่าให้รอสักครู่ คุณหนูใหญ่กำลังมา ข้าจึงนั่งลงและจิบชาเพียงแค่จิบเดียวเพื่อรอ”

“หมายความว่าในชานั้นมีสิ่งผิดปกติสินะ” ช่ายหมิงจื้อกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“หลังจากที่ข้าจิบชาเข้าไปจากนั้นก็รู้สึกร่างกายร้อนรุ่มโดยพลัน และสติก็เริ่มเลือนราง จากนั้น…. จึงจำอันใดไม่ได้อีก”

เสียงของเขาค่อย ๆ เบาลง