ตอนที่ 5 : ขัดขืน 1/2
ตอนที่
[3]
ขัดขืน
ช่ายจือซิ่วชะงักไปทันที ดวงหน้างามเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
“เหตุใดต้องไปทำความสะอาดเรือนใหญ่เจ้าคะ”
“เจ้าบอกว่าเจ้ายินดีที่จะรับการสั่งสอน นี่ก็เป็นหนึ่งในการสั่งสอนจากข้า”
“แต่หน้าที่การทำความสะอาดมิใช่หน้าที่ของบ่าวในเรือนหรือเจ้าคะ”
“เพิ่งตบแต่งเข้ามาก็เกี่ยงหน้าที่แล้วหรือ เจ้าคิดว่าเจ้าเข้ามาที่นี่จะได้ทำอันใด”
“แม้ข้าจะไม่เคยตบแต่งไปที่ใด แต่ก็รู้ว่าฮูหยินน้อยต่อไปก็ต้องเป็นฮูหยินใหญ่ในอนาคต ยามที่ท่านแม่แก่เฒ่าข้าก็ต้องดูแลจวนนี้แทนท่านแม่ ดังนั้น การเรียนรู้ในการปกครองจวน การจัดการบัญชี มิใช่สิ่งที่ข้าต้องเรียนรู้หรือเจ้าคะ” ช่ายจือซิ่วเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจจากใจจริง แต่ทว่ากลับไปกระตุ้นโทสะของแม่สามีเข้าเพราะคิดว่าอีกฝ่ายกำลังยั่วยุตน
ทั้งเมื่อครู่ยังเผลอเรียกอีกฝ่ายว่าท่านแม่อีก
“เจ้าคิดว่าจะได้มาดูแลจวนตระกูลหยวนแทนข้าเช่นนั้นหรือ!”
ฝันไปเถอะ!
ฟางฮุ่ยชุ่นเอ่ยขึ้นอย่างเดือดดาล
ช่ายจือซิ่วคิดว่าตนเองเหมาะสมแล้วหรือที่จะเป็นฮูหยินตระกูลหยวน แน่นอนว่าในอนาคตตนต้องแก่เฒ่า ลูกสะใภ้จะต้องเป็นผู้ดูแลจวนต่อจากนาง
แต่คนผู้นั้นมิใช่ช่ายจือซิ่วอย่างแน่นอน!
ยิ่งสบกับดวงตากลมโตที่จ้องมองมาฟางฮุ่ยชุ่นยิ่งไม่ชอบใจ
คิดเอาไว้แล้วท่าทางใสซื่อหัวอ่อนของช่ายจือซิ่ว ต้องไม่ใช่แบบที่เห็น
พวกตีสองหน้า….
เมื่อนึกถึงที่บุตรชายบอกกล่าวว่าสตรีผู้นี้ถึงขั้นวางแผนทำเรื่องบัดสีเช่นนั้น จึงไม่คิดที่จะปรานีอีก
“หากเจ้าไม่ยินยอมก็อย่าคิดที่จะได้อยู่ที่นี่อย่างสุขสบาย ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง จะไปทำความสะอาดที่เรือนใหญ่หรือไม่”
หากไม่ยอมก็จงรับความลำบากต่อจากนี้ได้เลย ฟางฮุ่ยชุ่นคิด
ช่ายจือซิ่วก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้น ยิ่งเห็นสายตาของแม่สามีที่เต็มไปด้วยความเป็นต่อ ยิ่งมั่นใจในคำตอบของตน
“ไม่เจ้าค่ะ”
“ดี!” ครานี้ฟางฮุ่ยชุ่นสีหน้าบิดเบี้ยวเต็มไปด้วยความโกรธที่มากกว่าเดิม
“อาเหอ พาช่ายจือซิ่วไปที่เรือนชิงจิง ต่อไปนางและคนของนางจะต้องอยู่ที่นั่น” กล่าวจบก็ยกยิ้มขึ้นราวกับสาแก่ใจเต็มประดา
สองนายบ่าวที่จู่ ๆ ก็ถูกย้ายเรือนกะทันหันเต็มไปด้วยความตระหนก แต่ก็เป็นช่ายจือซิ่วที่นำพาความสงบมาอยู่กับตนได้ก่อน
เรือนชิงจิง ชื่อเรือนหมายความว่า เงียบสงบไร้สิ่งรบกวน
จะเป็นการดีหากเรือนนั้นเป็นเรือนปกติที่ตั้งอยู่ในทำเลที่สงบ นางเข้าใจแม่สามีผู้นั้นแล้วว่าเพราะเหตุใดจึงได้ให้นางมาอยู่ที่นี่
เพราะที่นี่มิใช่แค่สงบธรรมดา แต่ว่ามันคือเรือนร้าง….. ที่น่าจะไม่มีคนอยู่มาเนิ่นนานแล้ว สภาพด้านนอกรกร้าง ตัวเรือนดูเก่าและเสื่อมโทรมเป็นอย่างมากราวกับจะพังลงมาสักวัน
สักวันที่หมายความว่าน่าจะเร็ววันนี้
“ท่านแม่บ้านใหญ่ แน่ใจแล้วหรือเจ้าคะว่าจะให้พวกเราอยู่ที่นี่” เป็นเสี่ยวหวาที่อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น สภาพที่นี่ไม่เหมาะจะให้คนอยู่สักนิด เรือนเล็กท้ายเกือบท้ายจวนตระกูลช่ายที่ตนและคุณหนูเคยอยู่ยังสภาพดีกว่านี้
นี่จะกลั่นแกล้งกันเกินไปแล้ว
“ใช่ ทำไม เจ้ามีปัญหาหรือ” แม่บ้านใหญ่วัยกลางคนตวัดสายตามองเสี่ยวหวาอย่างไม่พอใจ ก่อนจะก้าวเข้าไปแล้วเอ่ยอย่างช้า ๆ
“อยู่ที่นี่ไม่มีอันใดต้องกลัว ระวังก็แต่เพียง…. งูกับ…ผีก็เท่านั้น หึ”กล่าวจบก็สะบัดหน้าหนีแล้วเดินจากไปทันที ไม่แม้แต่เคารพฮูหยินคนใหม่ของจวนเสียด้วยซ้ำ
“งูกับผีหรือ….” ด้านเสี่ยวหวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็อดที่จะขนลุกไม่ได้ สีหน้าจึงเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
“เราเข้าไปดูข้างในจวนเถิดเสี่ยวหวา” อย่างไรคงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากจะให้นางไปขอร้องแม่สามีผู้นั้น นางก็คงจะไม่กลับไปเช่นกัน คิดได้ดังนั้นจึงเดินฝ่าหญ้าอันรกร้างเพื่อที่จะไปยังเรือนร้างที่อยู่เบื้องหน้า
กว่าจะฝ่าหญ้ารกทึบเข้าไปได้ ไหนจะเปิดประตูเรือนที่เก่าคร่ำครึเพื่อเข้าไปในตัวเรือนนั้นอีกสองนายบ่าวแทบจะเหนื่อยหอบ แต่ก่อนที่จะเข้าไปในเรือนเสี่ยวหวาก็ได้แต่ดึงชายอาภรณ์ผู้เป็นนายไว้ เพราะจู่ ๆ ก็รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมา
“มีอันใดหรือเสี่ยวหวา”
“คุณหนู ที่แม่บ้านใหญ่พูด น่าจะเป็นความจริงนะเจ้าคะ….”
“อันใดหรือ”
“ก็ที่ว่าที่นี่…มีผีอย่างไรเล่าเจ้าคะ” กล่าวพลางมองซ้ายมองขวาด้วยความหวาดระแวง
“กลางวันเช่นนี้ จะมีผีออกมาด้วยหรือ” ช่ายจือซิ่วส่ายศีรษะเล็กน้อย
“แต่…...”
“ไปเถอะ” ไม่รอให้สาวรับใช้คนสนิทกล่าวจบ ขาเรียวก็ก้าวเข้าไปในทันที
แต่ผู้ใดจะรู้ว่าสิ่งที่เสี่ยวหวากลัวนั่นจะมีจริง!
“มากันแล้วหรือ…….” ร่างหนึ่งที่นั่งคุดคู้อยู่มุมอับของห้อง กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอันชวนขนลุก พร้อมหันใบหน้าที่ชวนหวาดหวั่นมาอีก
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดผีหลอก”