ตอนที่5.กำลังใจจากคนใกล้ตัว
เมื่อมาถึงร้านกาแฟ น่านนทีกับเพชรสั่งเครื่องดื่มให้ตัวเอง ในขณะที่สิงห์หายไปหลังร้าน แล้วกลับมาพร้อมยาดองขวดใหญ่
"แต่วันเลยเหรอวะ"เพชรถามก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อเห็นสิงห์สาดน้ำสีแดงเข้าคออึกใหญ่ ยาดองเหล้าตาเสือ11ตัว กับเหล้าขาว35 ดีกรีมันช่างเข้ากันเหลือเกิน
"เอาน่าๆแค่นี้ไม่เมาหรอก กูดีใจที่ได้เจอเพื่อนน่ะ เอาหน่อยไหมน่าน"ตอบเพชรก่อนจะชวนน่านนทีดื่มด้วยกัน
"เอาก่อนเลย"น่านนทีตอบ อันที่จริงเขาไม่เคยดื่มเหล้าแบบนี้ แต่ถ้าเพื่อนชวนก็ไม่ปฏิเสธ
"ต้องขับรถกลับไร่อีกนะมึง เอาแต่พอดี ถึงบ้านค่อยกินต่อ"เพชรยังเตือนไม่เลิก เพราะรู้จักนิสัยเพื่อนดี ลองถ้าเหล้าเข้าคอสิงห์ก็กลายเป็นหมาได้
"มึงก็ช่วยกูกินสิจะได้หมดเร็วๆ"สิงห์ลองเชิง เพราะเห็นเพื่อนกลืนน้ำลายหลายลอบ เพชรเองก็คงอยากดื่มแต่ยังคงฟอร์มจัด
"เอามา เห็นแก่ปุ๋ยในรถหรอกนะถึงช่วย"มือแกร่งเอื้อมมาลากขวดยาดอง ก่อนจะเทจนเต็มเป๊ก แล้วสาดลงคออึกใหญ่ สิงห์กับน่านนทีมองหน้ากัน เมื่อคนห่วงเพื่อนดื่มถึงสองแก้วติด งานนี้สงสัยไม่ใช่สิงห์ที่เมา น่าจะเป็นเพชรมากกว่า เพราะเมื่อเหล้าเข้าคอ กาแฟเย็นที่สั่งก็ถูกตั้งทิ้งจนหยดน้ำเกาะเต็มแก้ว
"น่านตกลงไปไงมาไงถึงกลับบ้านได้วะ ลางานมาเที่ยวเหรอ"สิงห์ถามเพื่อน
"กูกลับมาดูที่น่ะ"น่านนทีตอบไม่เต็มเสียงนัก จากที่ตั้งใจจะกลับมาขายที่ แต่พอมาเจอเพื่อน ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัว
"กลับมาอยู่ใช่ไหม"เพชรถามด้วยความดีใจ
"กูจะขะ..."คำว่าขายค้างไว้ที่ริมฝีปาก เมื่อมีวัตถุบางอย่างลอยเข้ามากลางวง
"เฮ้ย!!!"สามหนุ่มอุทานออกมาพร้อมกัน เมื่อพวงกุญแจรถกระบะสองคันร่วงลงพื้นโต๊ะ
"เอาของพวกมึงไป!"ภูชิตยืนอยู่หน้าร้านด้วยใบหน้าบึ้งตึง หนุ่มเจ้าสำอางโมโหจนหน้าแดง เมื่อเดินฝ่าแดดตามมาที่ร้านกาแฟ
"อะไรวะไอ้ภู! ไม่รอแค่นี้ทำเป็นโมโหนะมึง"สิงห์โวยวาย ก่อนจะเก็บกุญแจรถลงกระเป๋าเสื้อ
"ไม่เกี่ยวกับรอไม่รอ มึงเอาค่าปุ๋ยคืนมาเลย คนละ35,00!"
"แหมๆแค่นี้ทำเป็นโกรธ เงินแค่3,500"สิงห์ตอบ
"ใช่แค่ 3,500มึงจะจ่ายเลยใช่ไหม"
"รอให้กูตัดองุ่นก่อนสิวะ ตอนนี้ยังไม่มี"
"ไอ้สิงห์!"
"เล่นอะไรกันวะพวกมึง เดี๋ยวไอ้น่านก็ตกใจกันพอดี สิงห์ให้มันไป มานั่งนี่มากูสั่งกาแฟให้มึงแล้วเนี่ย"เพชรเรียกเพื่อน ก่อนจะโบ้ยหน้าไปที่แก้วกาแฟที่จางลงจนแยกสี ภูชิตนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆเพชร เขารู้ว่าเพชรพูดเพื่อเอาใจเขา กาแฟแก้วนั้นเพชรไม่ได้สั่งให้เขา
"มึงด้วยไอ้เพชร 3,500 อย่ามาเนียน"มือแกร่งยื่นไปตรงหน้าเพื่อน เพชรล้วงเงินในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตวางลงบนมือภูชิต เพราะแยกมาแล้ว ผิดกับสิงห์ที่ต้องเทกระเป๋านับ เพราะไม่ได้แยกเงินออกเป็นสัดส่วน
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้น่านนทีอมยิ้ม เหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด สองคนนี้ชอบเกี่ยงให้ภูชิตจ่ายค่าขนม
"ว่าไงนะน่าน ตกลงจะกลับมาอยู่เลยใช่ไหม"เพชรถามย้ำเพราะยังไม่ได้คำตอบ
"คุยอะไรกันอยู่"เมื่อได้เงินค่าปุ๋ยคืน อาการโกรธกริ้ว ก็หายเป็นปลิดทิ้ง ภูชิตสาดเหล้าลงคอแล้วเคี้ยวมะยมดองตาม ใบหน้าหล่อเหลอเหยเกแต่ยังดื่มต่อ
"เรื่องไอ้น่าน กูถามมันว่าจะกลับมาอยู่เลยไหม"สิงห์ตอบคำถามภูชิต
"กลับมาเถอะน่านมาอยู่บ้านเรา"ภูชิตเห็นด้วยกับเรื่องนี้
"มันจะไม่รกเหรอ ไม่ได้ทำกินมานานแล้ว"น่านนทีถาม เพราะยังไม่ยากบอกเพื่อนว่าเขาตั้งใจจะกลับมาขายที่
"ไม่ได้รกธรรมดานะ รกเหมือนป่าเสือเลยแหละ"ภูชิตตอบเพื่อให้น่านนทีมองเห็นภาพชัดขึ้น
"นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก พวกเรามีแรงมีคนงาน เอารถไถไอ้สิงห์มาไถสักสองรอบ หญ้าก็ตายไม่เหลือ แค่มึงกลับมาพวกกูยินดีช่วย"เพชรพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาเต็มใจช่วยเสมอ
"ใช่ พรุ่งนี้กูจะพาคนงานเข้าไปตัดต้นไม้ ไอ้เพชรกับไอ้สิงห์เอารถไถมา ไม่เกินอาทิตย์มึงลงพืชได้เลย ว่าแต่มึงจะปลูกอะไร ชา องุ่น หรือกาแฟ กูว่าชาก็ดีนะช่วงนี้ตลาดชาเขียวกำลังมา"
เพื่อนๆทุกคนต่างปรึกษากันถึงที่ทางในไร่ของเขา ในขณะที่เจ้าของที่ยังเอาแต่นั่งเงียบ เขาไม่เคยทำไร่ ยังมองภาพไม่ออกว่าจะทำอย่างไร
"กูทำไร่ไม่เป็น"ตอบไม่เต็มเสียง เพราะรู้สึกอายเป็นลูกชาวไร่แต่กลับทำไร่ไม่เป็น
"ไม่มีใครทำเป็นมาตั้งแต่เกิดหรอก นักเรียนนอกอย่างมึงยิ่งไม่ถนัด แต่มึงอย่าลืมสิว่ามึงมีเพื่อนเป็นชาวไร่ตั้ง 3 คน พวกกูจะไม่ทิ้งมึง"
"กูไม่รู้ว่ามึงเจอกับอะไรมาบ้าง แต่นี่คือเชียงราย บ้านเกิดของเรา กลับมาเถอะน่าน บ้านเราอบอุ่นเสมอ"
"กูก็ไม่รู้จะพูดอะไร ก็เหมือนกับที่ไอ้ภูไอ้เพชรพูด กูอยากให้มึงกลับมา ทำไร่ไม่ยากอย่างที่คิด แค่มึงเปิดใจ อาชีพนี้เป็นอาชีพของบรรพบุรุษเรา มึงดูไอ้เพชรสิ อนาคตมันยังไปได้อีกไกล แต่มันยังเลือกทำไร่ น่าชื่นชมฉิบหาย!"ท้ายประโยคสิงห์แขวะให้เพชร เพราะเพชรเป็นอีกคนที่เรียนเก่ง แต่เพชรก็เลือกที่จะเป็นเกษตรกร
"ขอบใจพวกมึงมากนะ แต่..."
"ไม่มีแต่เพื่อน เชื่อกูเถอะ อยู่บ้านเราสุขที่สุดแล้วไปๆหมดขวดนี้กลับนะ จะได้พาไอ้น่านไปดูไร่ เย็นนี้ไปต่อที่บ้านกู"เพชรพูดขึ้น เมื่อชักเริ่มเลยเถิด ปุ๋ยยังอยู่คารถ หน้าฝนแบบนี้ขากลับถ้าโดนฝนจะลำบาก เขาอยากพาน่านนทีไปดูไร่ด้วย ถ้าจำไม่ผิดบ้านน่าทรุดโทรมไปเยอะ เพราะไม่มีคนอยู่มานาน แต่บ้านพักคนงานยังมีเหลืออยู่ เพราะลุงนพกับป้าแมวคนงานเก่าแก่ยังอาศัยอยู่ที่นั่น
น่านนทีมองหน้าเพื่อนอีกครั้ง เมื่อเห็นแววจริงใจอยู่ในดวงตาของเพื่อนก็คิดได้ ตอนนี้เขาก็ไม่มีที่ไป ต่อให้ขายที่ก็ใช่ว่าจะขายได้เลย ต้องรอคนมาซื้อ ออกรางวัดใหม่ ก็เสียเวลาไม่น้อย นี่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่พ่อกับแม่ทิ้งไว้ให้ เขาจะหันหน้าสู้แบบที่เพื่อนบอก พลิกที่ดินรกร้างให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง สักวันมันคงงอกงามดั่งใจคิด
