บท
ตั้งค่า

6

ฝ่ายจ้าวหว่านอี้พยายามเหลือเกินที่จะปลุกตนให้ลุกขึ้นมาเผชิญหน้าอีกฝ่าย แม้ยาจะออกฤทธิ์หนัก ร่างกายอ่อนเปลี้ยไม่เชื่อฟังสมองสั่งการ แต่นางสู้สุดใจ

กระทั่งปลายนิ้วสามารถกระดิกได้เล็กน้อย ใจก็ชื้นขึ้น แล้วแขนข้างหนึ่งของนางเคลื่อนไหวตามมา นางกัดฟันใช้แขนข้างเดียงกัน ยื่นไปข้างหน้าอย่างสะปะสะปะ กระทั่งจับได้ลำคอหนา ก็รวบพลังเท่าที่มีจิกเข้าลูกกระเดือกชายหนุ่ม

เสียงคำราม พร้อมคำสบถหยาบคายดังขึ้นสองสามหน ก่อนที่เขาจะบีบข้อมือนางราวกับจงใจทำให้กระดูกแตกละเอียด

จ้าวหว่านอี้เจ็บหนัก และไม่อาจฝืนทำร้ายเขาได้อีก พอรู้สึกตัวอีกหนนางถูกยกร่างขึ้นจากท่านอนบนเตียงหยก ให้นั่งทับกายแกร่งที่อุ่นจัด

อึดใจต่อมาริมฝีปากบางๆ ของเขาบดเบียดริมฝีปากนาง

จ้าวหว่านอี้ทั้งตระหนก ทั้งกลัว และการกระทำของอีกฝ่ายเลวทรามยิ่งนัก นางเม้มปากชิด ไม่ปรารถนาต้อนรับความดุดันของอีกฝ่าย หากสุดท้ายก็หายใจลำบากจนหลงเผยอริมฝีปากเล็กน้อย ในช่วงนั้นเองที่เขาส่งเรียวลิ้นสากและร้อนจัดเข้าไปกวาดในโพรงปากนางสำเร็จ

โอ้ รสชาติคนชั่วช้า ไร้ยางอาย ที่ข่มเหงสตรีซึ่งไม่ใช่ภรรยาของตน ช่างน่าขยะแขยงยิ่งนัก ลิ้นสากร้อนของเขาตวัดรัดลิ้นนางอยู่สองสามที จ้าวหว่านอี้ก็ร้องประท้วงบอกให้รู้ว่าไม่ยินยอมต่อการล่วงเกินดังกล่าว ฝ่ายเขาเหมือนจะฉุนเฉียวจัด จึงถอนริมฝีปากออก แล้วใช้นิ้วใหญ่ๆ ส่งเข้าไปในโพรงปากของนางแทน

คราวนี้นิ้วเขาแทงเข้าแทงออกรัวเร็ว ส่วนริมฝีปากนั้นก็ฉกชิมความหวานตามส่วนที่ไวต่อความรู้สึกของนาง กระทั่งหยุดอยู่ที่ยอดตั้งชันสีผลอิงเถา

จ้าวหว่านอี้อยากกดกลั้นความหวามไหว ทว่าเหตุใดหนอ นางถึงไม่อาจทำได้อย่างใจคิด

“อื้อ... อะ.. อ๊า... มะ ไม่นะ”

หญิงสาวไม่รู้ต้องทำอย่างไร ปากปฏิเสธการรังแกแสนอุกอาจ แต่ร่างกายร้อนรุ่ม และเริ่มทำสิ่งน่าละอายด้วยการบิดเร่าๆ แอ่นเรือนร่างงดงามตอบสนองอีกฝ่าย ราวกับว่าอยากให้เขามอบความสุขระหว่างชายหญิงให้แก่กันอย่างถึงที่สุด

“เจ้ากลืนพิษดรุณีหยกไป หากไม่ปลดปล่อย ภายในสิบสองชั่วยาม เห็นทีว่าไม่ใช่แค่ธาตุไฟแตก หากร่างกายสวยงามนี้จะกลายแข็งทื่อ ทั้งเย็น มีชีวิตอยู่อย่างน่าสงสาร กลายเป็นเครื่องสนองตัณหาของบุรุษ”

“เช่นนั้นปล่อยให้ข้ากลายเป็นหยกไร้ชีวิต ยังดีเสียกว่าให้ร่างกายนี้แปดเปื้อนด้วยคนอย่างท่าน”

นางพูดโดยไม่ทันคิด และยามนั้นใจอยากแกะผ้าที่ปิดตาของตนออก เพื่อมองบุรุษที่นางชิงชัง

“แปดเปื้อน...ฮ่าๆ ๆ ช่างน่าขัน ชื่อเสียงเจ้าดีนักหรือไง หว่านอี้ ในเมืองหลวงใครก็รู้ว่าเจ้าแอบลักลอกคบหากับเด็กน้อยแซ่ชุย และเท่าที่ข้ารู้ ขนของมันพึ่งขึ้นได้ไม่กี่ปีนี้เอง และส่วนนิ้วก้อยเล็กๆ นั่น ก็เกรงว่า พ่นน้ำวิสุทธิ์ที่ไร้คุณภาพ หรือว่าเจ้าอยากอุ้มครรภ์ ก้อนซาลาเปา ที่ปัญญาทึบ ไม่ก็เป็นง่อยแข้งขาพิการ!”

ผู้ชายร้ายกาจ ป่าเถื่อนมิให้เห็นมิน้อย แต่ปากสุนัขด้วยเช่นเขา คงมีแต่คนผู้นี้

“ฮึ รู้จักข้าก็ดี ผู้ชายที่ข้ารักก็ด้วย แต่ท่านไม่มีสิทธิ์ ทำกับสตรีที่ไม่ใช่ภรรยาของตนเช่นนี้”

“ฮ่าๆ ๆ” เขาหัวเราะได้น่าเกลียดยิ่งกว่าเดิม ใจนางเลยเดือดพล่าน

“ได้ เช่นนั้นชาตินี้ เจ้าก็มิสมควรเป็นภรรยาของข้า ให้ดี ก็คงรับเพียงแค่ตำแหน่งโสเภณีที่ข้าอยากเล่นสนุกด้วยก็แล้วกัน”

เขากล่าวอย่างไม่ให้เกียรตินางสักนิด จ้าวหว่านอี้นิ่งอึ้ง สมองขาวโพลนชั่วขณะ กระทั่งเขาขบยอดถันของนาง หญิงสาวก็หวีดร้องเสียงสูง และคิดจะทุบทีเขา ทว่านางกลับไม่อาจกระทำสิ่งใดได้ เรี่ยวแรงตอนนี้ช่างน้อยนิด

บัดซบ เหตุใด สวรรค์ถึงไม่เมตตานางบ้าง

“ข้ากำลังช่วยเจ้านะ หว่านอี้... หากไม่สลายพิษออกทางเหงื่อ ชาตินี้เจ้าจะไม่มีวันกลับไปพบหน้า ชุยหลิวเป่า... ไม่อยากรู้หรือว่า ตอนนี้ร่างกายมันครบสามสิบสองหรือไม่ ใต้เท้าจ้าว สั่งให้คนจับตัวมันไปสั่งสอน คาดว่าคงเจ็บหนักอยู่บ้าง”

บิดาของจ้าวหว่านอี้ขึ้นชื่อว่า เถรตรงทั้งยังรักลูกสาวจนเสียคน เมื่อรู้ว่านางหนีตามชุยหลิวเป่า ย่อมต้องสั่งสอนอีกฝ่ายเป็นแน่

“เขาไม่ผิด คนที่กักขัง และข่มเหงข้าคือท่านต่างหาก”

นางตวาดเสียงดังลั่น เป็นยามนั้น ที่เขาคงอยากเล่นสนุกกว่าเดิม จึงแก้มัดผ้าที่ผูกตานางออก

ทว่าแทนที่จะลืมตามองเขาอย่างใจต้องการ นางกับหลับตาปี๋

ใช่... ความรู้สึกยามนั้น ไม่ใช่แค่กลัว หากนางสุดแสนจะรังเกียจอีกฝ่าย

“มารดาเจ้าเถิด สกุลจ้าวสอนให้ลูกสาวรับแขกเช่นนี้หรือ อยากเป็นโสเภณีทั้งที ก็หัดเรียนรู้การเอาใจแขกบ้าง อย่าคิดว่าแค่มี ปากสวยๆ หน้าอกอวบ และกลีบคับแน่นสีชมพูนั้น จะสามารถมัดใจบุรุษได้ สตรีที่ดีย่อมมีมารยาและยั่วยวนให้เป็น”

เขาบอกและนางยังหลับตา ยามนั้น จึงถูกเขาบังคับให้ลืมตา ด้วยการใช้นิ้วใหญ่เปิดเปลือกตานางขึ้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel