5
“คุณหนูเป็นอะไรเจ้าคะ...” ซินเยว่ร้อนใจต่ออาการของเจ้านาย พออีกฝ่ายร้องหาสิ่งของ นางก็รีบเตรียมไปจัดหาให้
“กระจกทองเหลือง ข้าต้องการบานใหญ่ๆ โอ้ ข้าไม่เห็นมัน มันหายไปได้อย่างไร ไม่นะ”
“คุณหนูหมายถึงสิ่งใดเจ้าคะ”
“ตะ แต้มชาด” (ไฝพรหมจรรย์)
เจ้านายร้องบอกเช่นนั้น ซินเยว่พลันขนลุกซู่ จริงสิเรื่องสำคัญนี้ เกี่ยวข้องถึงการแต่งเข้าไปเป็นอนุของจ้าวหว่านอี้ด้วย แล้วสิ่งบ่งชี้ความบริสุทธิ์หายไปได้อย่างไร หรือว่านางไม่อาจรักษามันไว้ได้หลังถูกฉุดและขายในตลาดค้าทาส
เอ จ้าวหว่านอี้ ตกเป็นของผู้ใดกัน!
“ไป เอากระจกบานใหญ่ๆ มาให้ข้าเดี๋ยวนี้”
เสียงดังกล่าวดูร้อนรน สาวใช้จึงไม่รอช้าวิ่งออกจากห้อง ไปยังเรือนเก็บของส่วนกลาง เพื่อตามหากระจกทองเหลืองตามที่จ้าวหว่านอี้ต้องการ
ยามนั้นจ้าวหว่านอี้ตัวสั่น นางหลับตาลง ใจไพล่คิดถึงเรื่องราวซึ่งนางไม่เคยรู้ และถ่ายทอดผ่านให้ได้เห็นในหัว คือเหตุการณ์ในช่วงที่นางถูกขายไปเป็นทาสนั่นเอง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ไม่ปรากฏในหน่วยความทรงจำ เนื่องจากนางหยุดหายไปเป็นระยะเวลานานเกือบชั่วหนึ่งก้านธูปดับ (*ประมาท 15นาที) ส่งผลให้จดจำหลายสิ่งไม่ได้ ส่วนผู้สวมร่างนางก็สับสนอย่างหนัก นั่นเป็นเพราะนิยายที่เขียนไว้พลิกบทบาทไปจากเดิม เหตุผลง่ายๆ ที่พอจะเข้าใจได้คือ ผู้ที่ชี้นำตัวละครอื่นๆ ให้เดินตามหมากที่วางไว้ คือมู่ชิงเฉินเฮ่อ... ไม่ใช่จ้าวหว่านอี้เสียแล้ว
หลังจากพ่อค้าทาสซื้อจ้าวหว่านอี้ไป นางถูกส่งตัวไปเป็นของเล่นขุนนางผู้หนึ่ง ที่ชอบสะสมสาวงามไว้เล่นสนุก เป็นเรือนลับที่อยู่นอกเขตเมืองหลวง ทั้งยังมีเวรยามหนาแน่น สถานที่แห่งนั้น มีสตรีหลายสิบชีวิตไว้บริการความสำราญแก่ขุนนางคนดังกล่าว รวมถึงมิตรสหายที่ทำการค้ากับเขา
จ้าวหว่านอี้ถูกจับตัวอาบน้ำขัดตัวจนงดงาม นางนอนนิ่งๆ บนเตียงหยก เป็นห้องลับที่จัดเตรียมไว้อย่างดี และนางไม่ใช่แค่ถูกป้อนยาลูกกลอน แต่ยังโดนสกัดจุดด้วย
ผ้าผืนหนึ่งผูกปิดตานางไว้ เวลาผ่านไปนาน กระทั่งมีการเคลื่อนไหวข้างกาย ร่างคนผู้นั้นมีไอสังหารรุนแรง มือใหญ่ๆ ของอีกฝ่ายสัมผัสที่กลีบปากนาง แล้วเกี่ยวมันลงเพื่อเย้าหยอกซ้ำๆ สิ่งนี้ ชวนให้กระอักกระอ่วน อีกทั้งพยายามแทรกนิ้วเข้าไปในโพรงปากนางด้วย
จ้าวหว่านอี้ตั้งใจร้องประท้วง หากที่ทำได้คือเป็นเสียงอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์ โอ้ นางตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร กระทั่งนางกัดนิ้วอีกฝ่าย ก็มีบางสิ่งตบเข้าที่แก้ม
ด้วยมีผ้าที่ปิดตาไว้ และร่างกายไม่อาจทำตามสมองสั่งการ นางจึงไม่อาจรู้ว่าแข็งแรงที่ตบแก้มไปมานั้นคือความแข็งแกร่งของบุรุษ หาใช้มือของอีกฝ่าย
“หึๆ ๆ ดรุณีในห้องหอเช่นเจ้า คิดอย่างไรถึงไว้ใจผู้อื่นว่ามันจะพาหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว ตรองดูเถิด ทั้งใต้หล้านี้ มีที่ใดที่คุณหนูรองไปซุกหัวนอนได้เยี่ยงนั้นหรือ แต่ถ้าข้าให้เลือก หากไม่ใช่ที่โสมม เหม็นคลุ้งด้วยคราบน้ำกาม คงเป็นเกาะห่างไกล ที่ไปแล้วก็เหมือนถูกทิ้งให้ตายทั้งเป็น อ่อ เท่าที่รู้ เกาะดังกล่าว มีแต่นักโทษคดีอุกฉกรรจ์ ส่งสตรีไปสักคน คงทำให้คนพวกนั้น ไม่ต้องเมื่อยมือไปอีกนาน ฮ่าๆ ๆ”
คนผู้นี้เป็นใคร เหตุใดเขาถึงใช้วาจาแสนหยาบคายกับนาง อีกอย่างน้ำเสียง ฟังก็เหมือนคุ้นเคย แต่มันห้วนจัด ทั้งเจือด้วยความหยามหมิ่น ความรู้สึกของจ้าวหว่านอี้ยามนี้เต็มไปด้วยความโกรธ และชิงชัง
หากนางจะต่อต้านหรือขัดขืนอีกฝ่ายได้อย่างไร เพราะตอนนี้นิ้วของเขาลากผ่านจากลงจากปลายคาง ลงมายังลำคอระหง และไล่ไปช้าๆ บริเวณเนินหน้าอก วนเวียนที่ยอดถันของนางที่มีเพียงผ้าผืนบางๆ ปกปิด
จ้าวหว่านอี้หายใจหอบกระชั้น นางกำลังโกรธตัวเอง ด้วยร่างกายร้อนวูบวาบ ส่วนที่ไวต่อความรู้สึก ก็ตอบสนองคนไร้ยางอายอย่างไม่เชื่อฟังผู้เป็นนาย
กระทั่งเขาเปลี่ยนจากนิ้วไปใช้กัวซาหัวเห็ด (*แท่งหยกแกะสลักเป็นรูปดอกเห็ด ใช้นวดตัวคลายเส้น) เขี่ยยอดถันสีผลอิงเถา จ้าวหว่านอี้ก็ยกสะโพกขึ้นเล็กน้อย ส่วนที่เป็นเนินเนื้อนูนหวานฉ่ำกำลังท้าทายสายตาคม ๆ
กลีบงามสีขาวอมชมพูมีความต้องการสูงจัด น้ำหวานจึงเกาะพราวอยู่ภายใน และส่งกลิ่นหวานอ่อนๆ ให้เขาสูดดม
“ดูเจ้าสิ ข้าเล่นกับสองเต้าแท้ๆ หากเชิญชวนข้า อภิรมย์กับส่วนฉ่ำเยิ้มนั้นแทน และ น้ำหวานเจ้าคงไหลทะลักออกมาในไม่ช้า”
จ้าวหว่านอี้อยากเห็นหน้าอีกฝ่ายเหลือเกิน นอกจากใช้คำพูดชั้นต่ำ และข่มเหงนางด้วยสัมผัสน่ารังเกียจ เขายังพยายามทำให้นางธาตุไฟแตกจากการปลุกเร้าแรงกำหนัด
“อืม เตียงหยกนี้ เป็นของดีมิน้อย ในใต้หล้า คงมีไม่เกินสามเตียง จำได้ว่ามีในตำหนักผู้มักมาก (ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน) ทั้งใจร้ายที่สุด และคุนหลุนใช้ปรับสมดุลร่างกายของเหล่านักพรต แล้วก็ที่นี่ซึ่งมีไหวเพื่อเสพสม
โอ้ เด็กน้อย เจ้าช่างมีวาสนาโดยแท้ ได้เป็นดรุณีบนเตียงหยก คอยอ้าขากว้างๆ ปรนนิบัติบุรุษ”
เขาไม่แค่พูด ยามนี้อยู่บนเตียงหยกกับนาง แล้วจับสองขานางแยกกว้าง กว้างจนผ้าผืนบางๆ ถลกสูง แน่นอนจ้าวหว่านอี้ไร้อาภรณ์อื่นปกปิดร่างกาย ยามนั้นส่วนที่รักษาไว้ให้ห่างไกลสายตาผู้อื่น จึงประจักษ์ตรงหน้าชายหนุ่ม
เนื้อสาวเต้นเร่าๆ กลีบหวานเป็นสีชมพูระเรื่อ เกรสฉ่ำน้ำสั่นระริก และด้วยเป็นคุณหนูสกุลใหญ่ ถึงได้รับการดูแลอย่างนี้ ทั้งหอม และไร้ขนปกปิดผิวงดงาม
“ไม่เสียแรงที่ข้า ดั้งด้นมาถึงที่นี่ สั่งสอนขุนนางบ้างตัณหาจนหัวหด กว่าจะพบเจ้าก็เปลืองแรง เสียเวลา ทั้งเงินไปมิน้อย
แล้วหากว่าไปก็น่าเสียดายแทน คุณชายน้อยชุย มันช่างขี้ขลาดตาขาว ทั้งที่เจ้านัดแนะให้มารับ หากสุดท้ายกลับพลาดท่าในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ป่านนี้คงนอนซม ร้องไห้อย่างคนเสียขวัญแล้ว ฮ่าๆ ๆ”
ชายบ้าตัณหา รู้เรื่องเกี่ยวกับนางและชุยหลิวเป่า นั่นย่อมหมายความว่า เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนาง ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปเป็นอนุภรรยาขององค์ชายสาม!