บทที่ 8
บทที่ 8
บ้านของเรา 2
"ความเสมอภาคอะไร อันอย่าบอกนะ ว่าจะ..." เอกภพพูดยังไม่ทันจบประโยคดี ภรรยาในนามของเขาก็ชิ่งเติมคำในช่องว่างให้ทันควัน
"ค่ะ อันจะพาผู้กองจินมาอยู่ 'บ้านของเรา' ด้วย"
รอยยิ้มหวานหยดที่แต่งแต้มอยู่บนใบหน้าสวยเฉี่ยวของคนพูดราวกับใบมีดอาบน้ำผึ้ง ที่ถึงแม้จะละมุนละม่อมสักแค่ไหน แต่มันกลับคมกริบพร้อมจะทำลายล้างคนที่กล้าลองดีด้วยเช่นกัน
"แต่พี่ว่า..."
"อันอยากให้พี่เอกเข้าใจความรู้สึกของอันบ้างนะคะ"
"แต่วิธีนี้มันเกินไปนะอัน"
"เกินไปยังไงคะ ในเมื่อพี่เอกยังพาเมียของตัวเองเข้ามาอยู่ในบ้านได้ แล้วทำไมอันจะทำไมไม่ได้ ก็คิดซะว่าบ้านเรามีสองครอบครัวสิคะ อยู่กันหลายๆ คน อบอุ่นดีออก"
เอกภพเริ่มอึกอักเมื่อหันไปมองหน้าคนรักของตนที่ยืนอยู่ห่างออกไปด้วยสีหน้าลำบากใจ และอีกไม่นานเธอคงจะตัดพ้อว่าตนเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาวุ่นวายอีกตามเคย
"พี่ขอคุยกับอันสองคนได้ไหม"
"คุยกันตรงนี้เถอะค่ะ อันไม่มีความลับอะไรกับจิน และพี่เอกเองก็คงไม่มีความลับอะไรกับคุณนุช... จริงไหมคะ"
"แต่เรื่องนี้มัน..."
นักธุรกิจหนุ่มพูดค้างไว้เพียงเท่านี้ ก่อนจะเหลือบมองไปทางชายหนุ่มอีกคนที่กำลังจะกลายเป็นสมาชิกใหม่ของบ้าน
"ผมออกไปรอข้างนอกก็ได้ครับ" จินเจษฎ์บอกอย่างมีมารยาท แล้วส่งยิ้มกว้างให้ร่างบางข้างตัว
"ไม่เอาค่ะจิน อันไม่อยากมีความลับอะไรกับคุณ"
"อย่าดื้อสิครับ..." เขาบอกด้วยน้ำเสียงโทนอบอุ่น ชนิดที่คนฟังแทบละลายลงไปกองอยู่ที่พื้น
"แต่ว่า..." เธอแกล้งอิดออด
"เดี๋ยวอันค่อยเล่าให้ผมฟังก็ได้"
"ก็ได้ค่ะ" อันตารับคำเสียงอ่อย แล้วย่นจมูกใส่อีกฝ่ายด้วยท่าทางแง่งอน แบบที่มักจะทำเสมอเมื่อเธอโดนขัดใจ
"ขอบคุณนะครับ" เอกภพบอก
หลังจากที่ทหารหนุ่มยอมผละออกไปรอข้างนอก นางร้ายตัวจริงเสียงจริงก็กลับเข้าสิงร่างระหงของนางแบบสาวอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามเขาด้วยมาดนักสิทธิสตรีนิยมที่ต้องการความเท่าเทียมกันซะเหลือเกิน
"แล้วคุณนุชล่ะคะพี่เอก ทำไมคุณนุชถึงฟังได้ แต่ 'คนของอัน' ฟังไม่ได้"
"งั้นนุชพาลูกไปรอที่โต๊ะกินข้าวนะคะ" นุชนรีพูดขึ้น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมแน่ ถ้าเธอยังอยู่ตรงนี้
"เอ่อ..."
"เชิญค่ะ"
อันตาเป็นคนพูดแทนสามีในนาม แล้วระบายรอยยิ้มกว้างให้คนที่เธอตราหน้าว่าเป็น 'เมียน้อย' จนปากแทบฉีกถึงรูหู
"มีอะไรคะพี่เอก" หญิงสาวถามขึ้น เมื่อเห็นว่าไม่มีใครยืนอยู่ตรงนี้แล้ว
"อันแน่ใจหรอว่าเขาจะไม่เอาปัญหาครอบครัวของเราไปบอกใคร" คนที่มีชนักติดหลัง และห่วงชื่อเสียงเป็นชีวิตจิตใจถามขึ้น
"อันเชื่อใจผู้กองค่ะ"
"แต่พี่... ไม่"
"พี่เอกควรเปิดใจให้คนอื่นบ้างนะคะ ทีอันยังรอให้พี่เอกพร้อมเลย ทั้งที่เรื่องนั้นมันไม่ใช่ความผิดของอันด้วยซ้ำ"
"แต่นุชเป็นเมียพี่นะอัน เขาเป็นคนในครอบครัวของพี่ แต่ผู้กองเขาไม่ได้เป็น..."
"ผู้กองก็เป็นผัวอันค่ะ" อันตาขัดขึ้นทันควัน
"หมายความว่าอันกับเขา...นี่อันแน่ใจแล้วใช่ไหม" เอกภพถามถึงความแน่ใจ เพราะในสายตาของเขาตลอดสิบกว่าปีที่รู้จักกันมา อันตาเปรียบเสมือนน้องสาวคนนึงที่เขาอยากหยิบยื่นความหวังดีไปให้
...ถ้าไม่ติดว่าผู้ใหญ่อยากให้ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อสองปีก่อนน่ะนะ
"อันแน่ใจแล้วค่ะพี่เอก"
"แต่เขาอาจจะหลอกอันก็ได้ ในเมื่อสถานะของอันตอนนี้..."
"พี่เอกคะ ผู้กองจินเป็นญาติของเจนค่ะ เรารู้จักกันมานานแล้ว และอันก็คิดว่าอันควรจะเปิดใจให้คนที่รักอันสักที"
หญิงสาวปั้นน้ำเป็นตัวแบบสดๆ ร้อนๆ ทว่าพูดเองเธอก็เขินเองซะงั้น ก็แหม... 'คนที่รักอัน' ฟังแล้วมันจั๊กจี้หัวใจจริงๆ
"ถ้าอันแน่ใจแล้ว พี่ก็ไม่มีปัญหา"
"ขอบคุณนะคะพี่เอก" เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง เพื่อยืนยันความแน่ใจของตัวเอง
"แล้วผู้กองเขาจะทนได้หรอ กับสถานะที่มันเป็นแบบ... นี้"
"เขาเข้าใจอันค่ะ แต่อันขอร้องได้ไหมคะ... ขอให้พี่เอกรีบจบความสัมพันธ์แปลกๆ แบบนี้สักที ถ้าวันนึงเกิดอันท้องขึ้นมา อันกลัวว่าเรื่องมันจะยิ่งบานปลายไปกันใหญ่"
นางแบบสาวแกล้งหยิบยกเรื่องท้องขึ้นมากดดันเขา เพราะเธอเชื่อว่าลึกๆแล้วคนตรงหน้าไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว เพียงแต่เขาขาดความมั่นใจและไม่มีความกล้ามากพอที่จะต่อกรกับผู้ใหญ่
...เหมือนเธอ
"พี่จะรีบจบมันให้เร็วที่สุด"
"สัญญานะคะ"
"อืม" นักธุรกิจหนุ่มตอบรับด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะอ้าแขนออกกว้างเพื่อกอดน้องสาวคนละพ่อละแม่เหมือนที่เคยทำมาตลอดหลายปี
อันตาระบายรอยยิ้มพอใจในคำตอบ เพราะแผนของเธอดูท่าว่าจะสำเร็จไปอีกขั้น
เท้าเล็กก้าวเข้าไปในวงแขนของคนที่ตัวโตกว่าเธออยู่มากโข ก่อนที่ทั้งคู่จะสวมกอดกันแนบแน่นด้วยความรู้สึกที่ต่างฝ่ายต่างให้กำลังใจกันและกัน
ร่างบางผละออกจากอ้อมกอดของคนที่เธอนับถือเหมือนพี่ชายอีกคนในเวลาต่อมา ก่อนจะเดินออกไปทางประตูเพื่อเรียกคนที่เธอพามาด้วย
โดยไม่รู้เลยว่าภาพเมื่อครู่ตกอยู่ในสายตาของใครอีกคน...
"รอนานไหมคุณ" เสียงใสถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเขากำลังมองสุนัขตัวโปรดของเธออยู่
"ไม่ครับ" จินเจษฎ์หันมาตอบ
"มันชื่อฮาเปอร์" หญิงสาวพยักพเยิดไปทางสุนัขพันธุ์โกเด้นที่ยืนจังก้ามองเขาไม่วางตา โดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายเอ่ยถาม
"มันมีลูกด้วยนะ อยากรู้จักไหม"
"ครับ"
เจ้าของหมายิ้มกว้าง แล้วเอื้อมมือไปคว้าข้อมือของเขาไว้อย่างลืมตัว ก่อนจะจับจูงร่างสูงไปตามทางเดินที่ค่อนข้างคดเคี้ยว และหยุดยืนอยู่หน้าบ้านสุนัขหลังกะทัดรัดสีชมพูอ่อน
"บ้านของฮาเปอร์กับลูกของมันค่ะ"
"มันเป็นตัวผู้ไม่ใช่หรอคุณ ทำไมบ้านสีชมพูล่ะ"
"มันเป็นตัวผู้น่ะใช่ แต่คนที่ชอบสีชมพูน่ะ... คนนี้" อันตาว่าพลางชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง แล้วนั่งยองๆ ลงกับพื้นเพื่อเรียกหมาขี้เซ้าอีกสามตัวออกมาข้างนอก
"เผด็จการเหมือนกันนะคุณเนี่ย"
"ยังไงคะ"
"ก็เขาบอกว่าต้องปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ไม่ใช่หรอ"
"หืม... ใครบอกคุณ ต้องปลูกเรือนตามใจผู้ซื้อต่างหาก" นางแบบสาวบอกกลั้วหัวเราะ แล้วชี้ให้เขาดูลูกหมาสามตัวที่วิ่งออกมาจากบ้านของมัน
"ฮิป โฮป ฮันค่ะ"
"แล้วแม่มันล่ะ" คนตัวโตถามถึงแม่หมา
"แม่มันเป็นลูกบ้านอื่น" อันตาบอก แล้วขยับมาส่งเสียงกระซิบกระซาบกับเขา "ดีนะที่มันเป็นหมา ถ้าเป็นคนฉันคงเสียค่าสินสอดหลายต่อน่าดู"
"แปลว่ามีหลายบ้าน"
"จะเหลือเร๊อะ!"