1.ป่วย 3
เวลา 03:00 น.
“พะ... พี่ริว” ผมเขย่าร่างของพี่ริวพร้อมกับส่งเสียงเรียกออกไป
“อือ”
ก่อนหน้านี้ผมสะดุ้งตื่นเพราะคนที่นอนข้าง ๆ ตัวร้อนและนอนละเมอผมเลยจะปลุกพี่มันลุกขึ้นมากินยา มันมีไข้แน่นอนอาการแบบนี้ น่าจะเพราะตากฝนตอนที่ยืนรอรับผมและแอร์ในรถคงจะหนาวไปหน่อย ไอ้มนุษย์ไร้ความรู้สึกนี่ชอบเปิดแอร์แรง ๆ ใส่ตัวเองแล้วก็บ่นว่าหนาว เป็นหวัด ป่วย เหอะ!
“พี่ริว... ลุกขึ้นมากินยาก่อน”
พี่ริวตาปรือมองผมแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา รับยาไปอย่างว่าง่าย หยิบแก้วน้ำที่หัวเตียงพร้อมกับจัดการโยนเม็ดยาจำนวนสามเม็ดได้แก่ พารา แก้หวัดแก้ไข้ และลดตัวร้อน ลงกระเพาะอาหาร
“ตัวพี่ร้อนมากเลยนะ” ผมบอกขณะเอามือไปแตะ ๆ แถวบริเวณหน้าผากกว้าง ๆ ของพี่ริว
“กูปวดหัว” พี่มันตอบกลับมาแบบเสียงเอื่อย ๆ ท่าทางอ่อนแรงและอ่อนเพลียของพี่ริวแสดงออกชัดเจนทางสีหน้า
“งั้นกินยานี่ก่อน” ผมพูดก่อนจะยัดยานอนหลับเข้าปากพี่มันไปอีกเม็ดตามด้วยน้ำที่เหลือเพียงครึ่งแก้ว ดีที่มันป่วยแล้วพูดง่ายหน่อย ไม่หือไม่อือเหมือนตอนมันปกติ
แล้วแบบนี้พี่มันจะไปเรียนไหวเหรอเห็นว่าพรุ่งนี้มีสอบอาจารย์วินัยด้วยนี่ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว ผมว่าก่อนจะลงมือเช็ดตัวให้มัน
“จิน กูหนาว”
ผมเพิ่งจะเอาผ้าชุบน้ำแล้วบิดหมาด ๆ พอให้เปียกนิดหน่อยวางลงบนหน้าผากของพี่มันแค่นิดเดียว พี่ริวก็รีบเอ่ยขึ้น ตัวสั่น ๆ เหมือนลูกนกตกน้ำมาไม่มีผิด มือหนาของพี่มันพยายามดึงม้วนเอาผ้าห่มมาพันตัวเป็นหนอนดักแด้
“อดทนหน่อยนะพี่ แป๊บเดียวเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”
“ไม่ต้องเช็ดแล้วกูหนาว” พี่ริวจับข้อมือผมไว้ ความร้อนที่แผ่ออกมาทำเอาผมตกใจเลยครับ มันร้อนมาก ตอนแรกที่ผมจับไม่ได้ร้อนขนาดนี้
คราวนี้พี่มันจะดึงผมเข้ามากอด แต่ผมก็ห้ามพี่ริวและบอกให้พี่เขาเช็ดตัวก่อนไม่งั้นจะเป็นหนักกว่าเดิมอีกอย่างผมจะพลอยติดไข้ไปด้วยแล้วจะซวยเอาน่ะสิครับ
“ปากเก่ง เมื่อตอนเย็นพี่ยังเก่งกับผมอยู่เลย” ผมบ่นไปไม่ให้มันได้ยิน ถ้าได้ยินรับรองตาเขียวตั้งแต่เช้ายันเย็น
“ไม่เอา แค่กอดกูก็น่าจะหายแล้ว”
“งั้นไม่ต้องกอด ถ้าพี่ยังจะดื้อแบบนี้” ผมขู่
“เออ ๆ เช็ดก็เช็ด” พี่มันหันหน้าหนีผมบอกให้ผมรู้ว่าพี่มันกำลังงอนผมอยู่นะ
สุดท้ายแล้วมันก็ยอมให้เช็ดเพราะจะได้ไม่ได้มีข้ออ้างในการที่ผมไม่ให้มันกอด
“ถอดเสื้อหน่อย” ผมบอกพี่มัน เพื่อจะได้เช็ดตัวได้ง่ายขึ้น
“มึงเป็นคนเช็ดมึงก็เป็นคนถอดสิ” พี่มันตอบกลับผมอย่างฟึดฟัดงอแง เหมือนตอนผมรับจ้างเลี้ยงเด็กอนุบาลเลยแบบนี้เป๊ะ มอง ๆ ไปพี่ริวก็เหมือนเด็กขาดความอบอุ่นจริง ๆ นั่นแหละครับ สงสัยตอนเด็กไม่มีใครให้งอแงมั้งครับ โตมาถึงได้มาวุ่นวายกับผมขนาดนี้
ผมจัดการถอดเสื้อตัวใหญ่ของมันออกโดยการปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ดอย่างช้า ๆ เช็ดตัวทำความสะอาดและลดอุณหภูมิตัวมันให้เย็นลงเรียบร้อยแล้วจึงดึงผ้านวมผืนหนามาคลุมร่างกายสูงใหญ่ของพี่มันให้อุ่น ๆ เข้าไว้ ตบตูดเบา ๆ ส่งเด็กเนิร์สเซอรี่เข้านอน
พี่ริวมันหลับไปแล้วครับแต่ผมว่าจะรอดูอาการของพี่มันต่ออีกหน่อย พี่ริวนอนได้สักพักผมจึงลุกขึ้นยืนแล้วพยายามไม่ให้เกิดเสียงดังมากนัก แล้วทิ้งตัวนอนข้างพี่มันอีกทีจะว่าไปมันก็หนาวจริง ๆ นั่นแหละครับ บอกแล้วชอบเปิดแอร์เย็น ๆ อุณหภูมิยี่สิบหนาวชิบ อย่าบอกใครเลยล่ะครับ
ผมขยับแทรกเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับพี่ริวไม่ขยับแรงนะเพราะเดี๋ยวพี่มันตื่น
ไอร้อนเพราะพิษไข้ของพี่มันแผ่กระทบร่างกายของผม จนผมรู้สึกร้อนไปด้วย หรือว่าผมควรเช็ดให้มันอีกรอบดี แต่นี่เพิ่งผ่านไปสิบนาทีเองนะครับ ระหว่างที่ความคิดในหัวกำลังตีกันยุ่งเหยิงไปหมดระหว่างจะทำหรือไม่ทำดี ทันใดนั้นผมก็รู้สึกได้ว่ามีท่อนแขนหนัก ๆ ทิ้งลงมาทับที่เอวของผมอย่างแรงจนแทบหัก
หมับ!
“อืม”
ผมกำลังจะลุกขึ้นแต่พี่ริวคว้าตัวผมไปกอดซะงั้น พอผมจะขยับตัวมันก็ขยับตามแถมบ่นผมอีกว่าจะขยับอะไรนักหนา ก็ทุกครั้งที่ผมยังหาท่านอนที่ถูกใจไม่ได้ ผมก็มักจะขยับไปเรื่อย ๆ เปลี่ยนท่าทางไม่หยุดจนกว่าจะหาท่าที่ชอบเจอ
ผมไม่เคย....ถูกพี่มันกอดแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้งเลยครับ
แล้วผมจะลุกเช็ดตัวให้มันยังไงในเมื่อมันกอดผมแบบนี้ ผมนี่อยากจะเอาหัวพี่ริวโขกกำแพงตายซะจริง
“อืม....อุ่นจัง”
ผมนึกว่ามันหลับไปแล้วนะเนี่ย มือมันยังลูบ ๆ คลำ ๆ ตัวผมอยู่เลย
“ยังไม่หลับรึไง นี่ตีสี่แล้วนะ”
ผมแหงนหน้าไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงแล้วเอียงคอถามคนข้างหลังจอมซน
“กอดกูก่อน” มันสั่ง
“ตอนนี้พี่ก็กอดผมอยู่หนิ”
“กูหมายถึงให้มึงกอดกู ไม่ใช่กูกอดมึง” พี่ริวเอามือหนัก ๆ ของมันตีหัวผมไปที ผมนี่อยากจะหันไปสวนแต่ติดที่ว่าแขนโดนล็อกไว้อยู่
ผมเบะปากมองบนแต่ก็ทำให้อยู่ดีไม่งั้นปีศาจจอมเผด็จการได้ตื่นมาด่าผมแหง
ไม่ว่าเปล่า คราวนี้พี่ริวมันยังเคลื่อนใบหน้าหล่อ ๆ ของตัวเองถูไถตรงแผ่นหลังของผม ผมนี่ขนลุกซู่เลยครับ อาการเหมือนตอนใกล้จะโดนผีหลอกแบบเสียวสันหลังแบบนั้นเลย
จากที่ตอนแรกผมรู้สึกหนาว ๆ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกร้อนผ่าว แต่เอาจริง ผมยังไม่เคยเห็นพี่ริวในมุมนี้เลยตั้งแต่อยู่กับมันมาจะได้สองปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่มันป่วยหนักเพิ่งรู้เหมือนกันว่าเวลามันป่วยมันขี้อ้อนขนาดนี้ แต่....
ก็ลืมไปว่าก่อนหน้านี้ผมยังน้อยใจพี่มันอยู่พอนึกได้ก็รู้สึกนอยด์ในใจ
(ไม่ล่ะ กูขี้เกียจฟัง)