บทย่อ
โปรย คนเกิดปีมะโรงนี่คงมาพร้อมกับคำว่า สมบูรณ์แบบ ใช่มั้ย ไอ้พี่ริวก็เป็นตามนั้นนั่นแหละ คงมีแค่ผมที่รู้เช่นเห็นชาติความ...ของพี่มัน สปอยล์ “สรุป ไม่กอด” พี่มันถามออกมาเสียงแข็ง “เออ มีไรไหม” คืออะไร.... “มึงแม่งงอน” พี่มันถามผม “งอนเชี่ยไร” ผมตอบกลับไป แต่ไม่ได้มองหน้าพี่มัน “หรือว่ามึงโกรธ” “ก็บอกว่าไม่ไงอย่ามาหาเรื่องกันสิ” “หรือมึงเรียกร้องความสนใจเหรอ?” ทั้ง ๆ ที่พี่มันก็น่าจะรู้ว่าผมงอนเรื่องอะไรแต่มันก็จี้ใจผมอยู่นั่นแหละ “ผมไม่โกรธหรอก ผมไม่ใช่มีน” “ก็ดี งั้นต่อไปก็เปิดทางให้กูด้วยไม่อยากอ้อมค้อม กูจะจีบมีนเต็มตัวแล้ว” ไอ้สัส....เอากับกูแต่จะเอาเพื่อนกูด้วยดีจังนะ ได้ทั้งขึ้นทั้งล่องเลยไม่เสียอะไรด้วยคนอย่างพี่นี่มันสุดจะทนจริง ๆ
1.ป่วย 1
เวลา 18:00 น.
“จิน”
ผมหันหลังไปมองคือภาพผู้ชายตัวสูงในเสื้อช็อปวิศวะที่ปิดประตูรถแล้วมุ่งหน้าวิ่งมาหลบฝนด้วยกันที่ร้านหม่าล่า
สิ่งที่เห็นทำเอาผมอึ้งไปชั่วขณะหนึ่งเพราะปกติพี่ริวไม่ตามผมเลยสักครั้งแต่ครั้งนี้มาแปลก คิดอะไรอยู่เนี่ย ผมไล่มองพี่ริวตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความสงสัย
“พะ...พี่ มาได้ไง” ผมถามออกไปอย่างตะกุกตะกัก พี่ริวทำหน้านิ่งดูอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
"ขับรถมาไง" คนตรงหน้าตอบกลับออกมาโดยไม่หันมามองผมสักนิด
"ไม่สิแล้วพี่มาทำไม" ผมถามย้ำออกไปอีกครั้งให้เขารู้ตัว
"พามึงกลับห้องนะสิ"
"งั้นรอแป๊บนึง ผมซื้อหม่าล่าอยู่" ผมหันไปชี้นิ้วใส่หม่าล่าบนเตาย่าง พร้อมกับเอ่ยต่อว่า
“หมดทั้งเตานั่นของผม”
“เออ ๆ ลำบากกูมารับอีก” พี่ริวหันไปมองหม่าล่าบนเตาที่กำลังถูกย่างส่งกลิ่นหอมยั่วจนน้ำลายสอ พี่ริวเขาไม่ได้มีสีหน้าแปลกใจสักนิดเพราะมนุษย์อย่างผมกินเก่งกว่านักกินจุบางคนซะอีก
ผมได้ยินพี่มันด่าผมเบา ๆ แต่ผมก็ไม่แคร์ ก็ผมไม่ได้ขอให้พี่มันมารับสักหน่อยมันอยากมารับผมเองช่วยไม่ได้ รอไปยาว ๆ แหละครับเพราะผมพึ่งเอามันลงเตายังไงล่ะ
ประมาณสิบห้านาทีต่อมาของทั้งหมดที่ผมสั่งก็เสร็จพอดี ขึ้นรถมาได้ทั้งผม ทั้งพี่ริวก็พากันเงียบตลอดทางจนมาถึงคอนโด บรรยากาศรอบข้างทำเอาอึดอัด ผมจึงหลับตาลงจะเนียนทำเป็นหลับ เดี๋ยวพอถึงคอนโดพี่ริวก็ปลุกผมเองนั่นแหละ ก็กะว่าจะแกล้งหลับซะหน่อยแต่ดันหลับจริงไปเสียได้ มาสะดุ้งตื่นก็ตอนอิพี่มันเรียก
“ลงมา”
พี่ริวเดินอ้อมมาเปิดประตูให้ผมด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่ายมันเป็นแบบนี้ประจำแหละครับเรื่องปกติของเขา วันไหนใจดีนะพนันร้อยล้านเอาบาทเดียว ผีเข้าร่าง ชัวร์
พี่ริวเป็นคนที่หล่อ หล่อมาก เวลาพี่มันเดินในมหาวิทยาลัยโคตรมีเสน่ห์สุด ๆ ทั้งที่พี่มันทำหน้าที่แสนเย็นชาและไม่เป็นมิตร เป็นผู้ชายที่ดึงดูดสายตาสาว ๆ ในมหาวิทยาลัย อืม! น่าจะติดท๊อปสิบของมอ.เลยมั้ง สำหรับผมหน้าตาก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ผมชอบพี่มันที่ทั้งเก่งและสามารถปกป้องทุกคนรอบข้างได้มากกว่า เพราะแบบนี้ผมถึงตกหลุมรักพี่ริวทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพี่เขาชอบเพื่อนผมก็เถอะ
“อือ” ผมงัวเงียก่อนจะตอบรับพี่ริวพร้อมกับลุกขึ้นเดินโงนเงน โซซัดโซเซลงจากรถตามที่พี่มันบอก สภาพผมที่พึ่งตื่นนอนนี่คือ ถ้าใครถ่ายรูปไปประจานคงดังไปทั่วแหละครับ น้ำลายยืดถึงแก้มเชียว
“ความจริงแล้วผมจะกลับนานแล้ว แต่ลืมซื้อหม่าล่าของโปรดไงเลยกลับไปซื้อ ผมไม่รู้นี่ว่าฝนจะตก” ผมอธิบายให้พี่ริวฟังอีกรอบเพราะไม่ได้บอกตอนก่อนขึ้นรถ กะว่าขึ้นรถมาแล้วจะบอกแต่ดันลืม ไม่พอเผลอหลับอีกต่างหากน่าอายจริง ๆ
"มึงนี่นะ ทำตัวไร้สาระไม่ดูฟ้าดูฝนก่อนฝนจะตกมันก็ดำ ๆ บอกก่อนนี่ไม่ใช่นึกอยากจะตกก็ตก คราวหน้าอย่าลืมพกร่มด้วยล่ะเผื่อกูมารับมึงไม่ทัน" เรายืนคุยกันในลิฟต์ก่อนที่พี่ริวจะเงียบแล้วเดินนำไปก่อนและเป็นคนเปิดประตูห้อง
อ้อ! ผมลืมบอกไปว่า ห้องที่ผมใช้อาศัยหลับนอนอยู่ทุกวันนี้นี่ไม่ใช่ห้องผมหรอกนะครับ พี่ริวเป็นคนซื้อให้แล้วให้ผมเข้ามาอยู่ที่นี่ ส่วนของในห้องนี้เป็นของพี่มันทั้งหมดเลย มีอันไหนบ้างที่เป็นของผมนับชิ้นได้เลยรับประกันว่าไม่ถึงสิบเสื้อผ้านี่ก็พี่ริวซื้อให้ทั้งนั้น ของใช้ ของจำเป็น ไม่มีอันไหนของผมสักอย่าง
เรามีกุญแจสองดอก พี่ริวมันอยากจะมามันก็มาเมื่อไหร่ขี้เกียจมันก็นอนคอนโดตนเอง บางทีดึก ๆ ตีสี่ ตีห้า พี่มันยังมาเลยนึกอยากจะเปิดประตูห้องผมเมื่อไหร่มันก็เปิด
ผมไม่ชอบเท่าไหร่เพราะเป็นคนขี้ตกใจ แต่ละครั้งพี่มันมักจะเมาเละมาก็เป็นผมที่ดูแลพี่มันตลอด
"เฮ้ย...พี่ถอดเสื้อทำไม" ผมร้องทักเมื่อเห็นว่าพี่เขากำลังถอดเสื้อของตนออก ผมรู้สึกเลยว่าหน้าของผมร้อนผ่าวขึ้นมา ใบหูขึ้นสีแดงเถือกไปหมดแล้ว
พอเดินเข้าห้องสิ่งแรกที่เห็นคือแผ่นหลังขาว ๆ ของพี่มัน ผมนี่สะดุ้งหันหน้าหนีแทบไม่ทันก็ไม่ทันจริง ๆ นั่นแหละครับเห็นไปเต็มสองตาละ กว่าสมองจะรู้ตัวว่าต้องหันหน้าหนี ผมก็จดจำทุกภาพอากัปกิริยาของพี่มันหมดแล้ว ใจของผมมันเต้นแรงยิ่งกว่ากลองงานวันกีฬาสีเสียอีก ปลายหางตาเจ้ากรรมเหลือบมองพี่ริวไม่หยุดจนได้
“ก็ตัวกูเปียก เพราะไปรับมึงมามึงจะให้กูอยู่แบบเปียก ๆ รึไง ประสาทไปหมดแล้วมั้ง” พี่มันตอบโดยไม่มองผมแม้แต่น้อย ก่อนจะโยนเสื้อตนเองทิ้งลงตระกร้าผ้า ถ้าโยนไม่ลงก็ผมนี่แหละเป็นคนเดินไปเก็บตลอด หันไปก็เหลือบไปเห็นกองผ้าที่ถ้าเอาทั้งหมดมาซ้อน ๆ กันคงเท่าภูเขาลูกเล็กลูกหนึ่งเลยล่ะครับ
"อือ" ผมจึงทำได้เพียงตอบรับอย่างจำใจและรอบนี้มันก็โยนไม่ลงผมถอนหายใจเสียงดังให้พี่มันได้ยิน พี่มันก็หันมามองผมนะแต่ไม่สนใจหรอกมองแล้วทำไม มันก็ไม่ได้ช่วยผมเก็บนี่ อะไร ๆ ก็โทษแต่ผม ผมนี่อย่างกับถังขยะรอพี่มันทิ้งสิ่งที่ไม่ต้องการให้ คิดแล้วก็เหนื่อย
ระหว่างรอพี่ริวอาบน้ำ ผมเลยหยิบโทรศัพท์มือถือมาไถเล่นเช็คโซเซียลดูนู่นดูนี่ไปเรื่อยโดยไร้จุดหมาย