ตอนที่ 4
“สุรักบ้านหลังนี้มาก..แต่สุขอให้ปรัชญ์โอนเป็นชื่อของสุได้ไหมคะ..เผื่อวันหนึ่งปรัชญ์หลงรักผู้หญิงคนนั้นอย่างน้อย..สุก็ยังมีบ้านหลังนี้ไว้เป็นอนุสรณ์..”
เจ้าหล่อนบีบน้ำตาออกมา
“โถสุ..ผมรักสุนะครับ..การที่ผมยอมแต่งงานใหม่ ไม่ต่างอะไรกับผู้ชายที่ขายตัวแลกเงิน..ผมอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนหากใครเขารู้..”
เขาพูดออกมาเบา ๆ ด้วยหัวใจที่ปวดร้าว
“แต่ถ้าคุณไม่ทำแบบนี้ก็ไม่มีทางอื่นไม่ใช่หรือคะ..”
เขานิ่ง
“เอาเถอะค่ะ..สุจะยอมหย่าให้..แต่ว่าปรัชญ์ขา..สุอยากตกแต่งบ้านใหม่ด้วย..อยากมีรถสักคัน..อยากได้คนรับใช้สักคน..ปรัชญ์หาให้สุหน่อยได้ไหม..”
หล่อนทำเสียงเครือ
“เมื่อไม่มีปรัชญ์ สุคงเหงา ว้าเหว่เดียวดาย..ไม่รู้เมื่อไหร่ทางโน้นเขาจะยอมปล่อยให้ปรัชญ์กลับมาหาสุ..”
เขากอดร่างของภรรยาสุดที่รักไว้ก่อนจะถอนใจยาว
“ผมสัญญานะว่าจะให้เงินเดือนสุทุกเดือนเหมือนเดิม..เงินทุกบาทที่ผมได้มาจากการจดทะเบียนหย่าครั้งนี้..ผมจะโอนให้สุหมดเลยพร้อมกับบ้านหลังนี้..แล้วผมก็สัญญาว่าจะกลับมาหาสุเหมือนเดิม..”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นจริงจัง
“จริงหรือคะปรัชญ์..”
สุชานรีเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สดใสแต่แล้วก็รีบกลบเกลื่อนด้วยน้ำเสียงที่เครือเล็กน้อยอย่างสลดใจ
“ปรัชญ์ไม่ต้องเสียสละให้สุมากถึงขนาดนั้นก็ได้..ขอแค่อย่าทิ้งสุเท่านั้นก็พอนะคะ..”
เจ้าหล่อนออดอ้อนเพราะรู้นิสัยของเขาดี ว่าไม่มีทางที่เขาจะทอดทิ้งหล่อนอย่างแน่นอน ทีนี้หล่อนก็จะมีเงินใช้อย่างสบายได้ทั้งจากเขา และจากเสี่ยหนุ่มที่มาติดพันคนนั้น
.
ทันทีที่เขาจรดปลายปากกาหย่าขาดจากสุชานรี เขาก็สลักชื่อในกระดาษแผ่นใหม่ทันที ทำให้ทั้งสุชานรีและมธุรดาได้พบหน้ากัน
“หวังว่าคุณคงจะไม่ใช้อดีตสามีของฉันจนโทรมหรอกนะคะคุณนาย..”
สุชานรีกระซิบที่ข้างใบหูของเธอหลังจากที่เดินโฉบออกมาหา
“แน่นอนค่ะ..เขาเป็นสมบัติของฉันแล้วขอให้คุณจำเอาไว้ด้วยก็แล้วกันนะคะ..แล้วก็ เงินที่ฉันจะให้..มันก็มากจนคุณสามารถจะกินใช้ได้อย่างสบายตลอดชีวิตเลยล่ะค่ะ..”
มธุรดาพูดก่อนจะปลายตามามองหน้าสุชานรีที่เงียบกริบเมื่อเธอพูดถึงเรื่องเงิน
“วันนี้คุณก็ย้ายเข้าไปอยู่กับฉันเลยนะคะ..”
เธอเอ่ยออกมาเมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ เขาหลังจากที่หยิบโทรศัพท์ออกมาถือแล้วกดหมายเลขไปยังสาขาของธนาคารที่เขาเป็นหนี้
“เรียบร้อยค่ะ..หนี้สินของคุณ..หมดกังวลได้แล้วนะคะ..แล้วนี่ก็เช็คเงินสดสำหรับใบหย่า แล้วนี่สำหรับการเริ่มต้นใหม่ของภรรยาเก่าของคุณ..”
เธอมองหน้าเขาพลางยิ้มน้อย ๆ ส่งให้อย่างจงใจ
“อย่าให้ฉันรอนานนะคะ..คืนนี้ฉันหวังว่า..ฉันคงได้เข้าหอกับคุณ..”
เธอพูดจบก็ก้าวไปยังรถของเธอ แต่เหมือนนึกอะไรได้ เธอจึงเดินกลับมาหาเขาที่ยืนอยู่เคียงข้างสุชานรี
“เสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวของคุณ..ฉันให้คนจัดหาเอาไว้แล้ว..ไปแต่ตัวกับหัวใจได้เลยนะคะ..ฉันคิดว่า..คุณคงรู้จักบ้านของฉันแล้ว..เพราะหากฉันจำไม่ผิดฉันเคยเห็นคุณจอดรถอยู่หน้าบ้านของฉันครั้งหนึ่ง..”
เธอพูดจบก็ก้าวไปยังรถแล้วขับออกไป
“หน้าไม่อาย..”
สุชานรีเอ่ยออกมาเบา ๆ ก่อนจะชะโงกหน้ามองดูจำนวนเงินในเช็คแล้วก็ต้องตาลุกวาว
“พี่ปรัชญ์คะ..รดาเขาลาออกให้พี่จากที่ทำงานเก่าของพี่แล้วนะคะ..ตอนนี้พี่ปรัชญ์ คือสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของรดานะคะ..อย่าลืม..จะทำอะไรก็รีบทำซะ..เพราะวันนี้พี่ปรัชญ์ต้องย้ายเข้าไปอยู่บ้านของรดาตามสัญญา..”
น้องสาวพูดย้ำเตือนในสิ่งที่เขาต้องทำ
“สัญญาอะไร..”
สุชานรีเอ่ยถามอย่างข้องใจ ทำให้พันธิตายิ้มกว้างก่อนจะชูแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา
“สัญญานี่ไง..สัญญาการผูกพัน..หากพี่ปรัชญ์ย้ายออกจากบ้านของรดาหรือหย่าขาดจากรดาเมื่อไหร่..เงินทั้งหมดที่รดาจ่ายวันนี้พร้อมดอกเบี้ย..พี่ปรัชญ์จะต้องคืนเธอทั้งหมด รวมทั้งบ้านและทรัพย์สินตั้งแต่บัดนี้ไม่ว่าพี่ปรัชญ์จะมีทรัพย์สินใดจะโอนให้ใครต้องตกเป็นของรดาทั้งหมดในทันที..”
พันธิตายิ้มกว้าง
“อย่าลืมนะคะพี่ปรัชญ์..”
สุชานรีมองหน้าเขานิ่ง
“มีสัญญาแบบนี้ด้วยหรือคะ..”
เขาพยักหน้ารับแต่หล่อนก็เหมือนคิดอะไรได้ ก่อนจะอมยิ้มน้อย ๆ เมื่อรู้ว่า ต่อจากนี้ไม่มีทางที่ปรัชญ์จะมามีบทบาทกับหล่อนได้อีก นอกจากหล่อนจะเป็นอิสระแล้วยังมีเงินก้อนโตเป็นของขวัญอีกด้วย
ปรัชญ์ตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าไปในคฤหาสน์หลังงามท่ามกลางดอกไม้หลากชนิดที่สวยงามและไม้ไทยซึ่งเป็นไม้ยืนต้นที่ส่งกลิ่นหอมจรุง
เขาก้าวลงเหยียบแผ่นดินแห่งนั้นพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบตัวที่เงียบสงบ สักพักก็มีสาวใช้คนหนึ่งวิ่งมาหยุดอยู่ด้านข้างของเขาอย่างนอบน้อม
“เชิญค่ะคุณปรัชญ์คุณรดารออยู่..”
ไสวเอ่ยบอกเขาพลางเงยหน้ามองเขาตาปรอย
“นำทางไปสิ..”
เขาเอ่ยออกมาเบา ๆ แล้วก้าวตามไสวพร้อมกับสอดสายตามองกวาดตาไปรอบบ้าน เขาไม่ได้มองดูความอลังการของบ้าน แต่ดูความสงบ เรียบร้อย ความเป็น