ตอนที่ 3
เขาจึงขับรถกลับไปบ้านเพื่อหาภรรยาสุดที่รักของเขา แต่ก็เห็นหล่อนยืนมองบ้านด้วยน้ำตาคลอเบ้า
“สุ...”
หล่อนหันมาหาเขาโผเข้ามากอดเขาไว้แน่น
“สุรักบ้านหลังนี้นะคะปรัชญ์..เหลือเวลาอีกไม่กี่วันเองนะคะ..มีหนทางหรือยัง..”
เขาขบฟันแน่น นิ่งคิดอยู่นานกว่าจะยอมดันร่างของสุชานรีออกห่างแล้วมองหน้าหล่อน
“ผมจะแต่งงานครับสุ..”
สุชานรียกมือตบหน้าเขาอย่างแรง
“ทำไมคะ..สุผิดตรงไหน..”
หล่อนมองหน้าเขาด้วยนัยน์ตาที่ไหวระริก
“ไม่..ไม่หรอก..ฟังผมก่อนสิสุ..ผมรักสุมากนะ..รักสุมากที่สุด..”
เขาประคองดวงหน้าที่อาบไปด้วยหยาดน้ำตาของหล่อนขึ้นมามอง
“ผมแต่งงานเพื่อจะเอาเงินมาใช้หนี้ บ้านหลังนี้ก็จะคงอยู่..ผมเองก็ไม่ได้ทอดทิ้งสุไปไหนด้วย..ผมยังรักแล้วก็จะมาหาสุเหมือนเดิม..”
หล่อนนิ่ง
“ไม่มีวิธีอื่นหรือคะ..มันเหมือนคุณเอาตัวเข้าแลก..คุณจะขายตัวเพื่อบ้านหลังนี้หรือคะ..”
เขาส่ายหน้า
“ไม่มีวิธีไหนแล้วสุ..หรือจะปล่อยให้เขายืดบ้าน..แล้วก็ไปหาเช่าบ้านเล็ก ๆ อยู่กันดีครับ..”
สุชานรีส่ายหน้า
“ไม่ค่ะ..สุอายเขา..เพราะว่าเพื่อน ๆ ของสุเขารู้ว่าคุณเป็นใคร..ถ้าหากเราเปลี่ยนแปลงไปขนาดนั้นสุทนไม่ได้หรอกค่ะ..”
หล่อนปราดน้ำตา
“ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่ทอดทิ้งสุ..ก็ได้ค่ะ...แต่งงานเถอะค่ะ..ถ้าผู้หญิงคนนั้นเขารวยแล้วพร้อมจะใช้หนี้ให้เรา..ว่าแต่..ใครหรือคะ..คงแก่น่าดู..ปรัชญ์จะทนไหวหรือคะ..”
หล่อนมองหน้าเขาอย่างแสดงความเห็นใจ
“เพื่อสุ..ผมทำได้ทุกอย่างครับ..”
เจ้าหล่อนยิ้มออกมาก่อนจะซบหน้าเข้ามาหาอกกว้างของเขา
“แต่คุณต้องสัญญาว่าจะไม่ทิ้งสุนะคะ..แล้วอีกอย่าง..”
เขามองหน้าหล่อนนิ่ง
“อย่าหลงเธอคนนั้นจนลืมสุ..”
เจ้าหล่อนยื่นเงื่อนไข
“ผมสัญญาจะส่งเงินเดือนให้สุเหมือนเดิม มาหาสุเหมือนเดิม..เพราะหัวใจของผม..อยู่ที่นี่..”
หล่อนยิ้มหวานอย่างสุขใจ..เพราะแท้ที่จริงแล้วสุชานรีเองก็ไม่ได้รักปรัชญ์สักเท่าไหร่ นั่นเพราะหล่อนคิดว่า เมื่อแต่งงานกับเขา จะได้ครอบครองทุกอย่าง แต่ผิดคาดครั้นจะตีตัวจากไปทันทีก็น่าเกลียด
หล่อนเองก็ทนแต่ในขณะเดียวกันหล่อนก็แอบมีใครอีกคนโดยที่ปรัชญ์ไม่รู้เลย ว่าคนที่เขาปักใจรักกำลังทรยศ
หลังจากตัดสินใจที่จะแต่งงานเพื่อปลดหนี้เขาก็กลับไปบอกกับแม่ของเขา..คุณภริตาก็ยินดีมากเตรียมจัดพิธีแต่งงานใหญ่โต แต่เขาขอร้องว่าอย่าจัดเลย
“ผมไม่อยากเป็นข่าวครับแม่..”
เขาอ้อนวอนแม่
“แล้วฝ่ายหญิงเขาจะคิดอย่างไรถ้าไม่จัดพิธีแต่งงาน..”
เขานิ่ง
“ก็ผมไม่อยากแต่งเพราะผมเคยแต่งมาแล้ว..ผมเพียงแค่..อยากให้เขาใช้หนี้ให้ผมก็เท่านั้น..”
คุณภริตาหันไปมองหน้าพันธิตาลูกสาวซึ่งเป็นลูกคนสุดท้อง
“ก็ได้ค่ะ..”
แต่เสียงที่แทรกมานั้นกลับไม่ใช่เสียงของพันธิตามันกลับเป็นเสียงของมธุรดา..หญิงสาววัยยี่สิบห้าที่ยังดูสาวและสวยสด ดูเยือกเย็นอ่อนโยนหวานละไม
“ทันทีที่คุณจดทะเบียนกับฉัน..หนี้สินของคุณจะหมดไปทันทีเพียงแค่ฉันยกหูโทรศัพท์ขึ้นพร้อมเงินอีกหนึ่งก้อนสำหรับการหย่าขาดจากภรรยาและอีกก้อนหนึ่งสำหรับให้ภรรยาของคุณตกแต่งบ้านใหม่..”
เขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาว่าผู้หญิงที่ยื่นข้อเสนอมาขอซื้อตัวเขาไปเป็นสามีนั้นจะคือเธอ ผู้หญิงที่เป็นหม้ายสามีตายจากแล้วเป็นผู้รับมรดกมหาศาลแต่เพียงผู้เดียว
“ไม่..ผมจะไม่หย่าจากภรรยาของผมอย่างเด็ดขาด..”
เธอก้าวเข้ามาหาเขาอย่างใจเย็น
“ตามใจนะคะ..นี่ก็เหลือเวลาอีกแค่..วันนี้..และวันพรุ่งนี้..”
เขาขบฟันแน่นก่อนจะหันหลังก้าวลงจากบ้านของแม่กลับไปหาภรรยาสุดที่รักของเขาด้วยอารมณ์ที่ขุ่นข้อง
“อะไรนะคะ..หย่าหรือคะปรัชญ์..”
ที่แรกหล่อนก็ตกใจมากเพราะหากหย่าหล่อนก็จะไม่มีส่วนในทรัพย์สมบัติที่เป็นส่วนแบ่งในมรดกของครอบครัวเขาเลยและโดยเฉพาะเขาเป็นลูกชายคนโต
“เขายื่นข้อเสนอให้ผมหย่าจากคุณ..เขาจะใช้หนี้บ้านหลังนี้ให้ แล้วให้เงินอีกก้อนสำหรับหย่า..แล้วอีกก้อนสำหรับคุณเพื่อตกแต่งบ้านใหม่..”
เมื่อพูดถึงเงินเจ้าหล่อนก็ตาโต เพราะกำลังคิดว่าหากมีเงินสักก้อนหล่อนจะขอหย่าจากเขาแล้วแต่งงานใหม่กับเสี่ยหนุ่มนักธุรกิจซึ่งเป็นเจ้าของบ่อนคาสิโนแห่งหนึ่งในมาเก๋า
นอกจากนี้เขาคนนั้นยังเป็นเจ้าของกิจการร้านอาหารมากมายในกรุงเทพฯที่กำลังรุ่งเรืองเอามาก ๆ
“ปรัชญ์..ถ้าผู้หญิงคนนั้นเขาร่ำรวยและสามารถให้ปรัชญ์ได้ทุกอย่าง..แล้วปรัชญ์สัญญาว่า จะไม่ทิ้งสุ..สุก็ยอมหย่าให้ค่ะ..เพื่อความรักของเรานะคะ..”
เจ้าหล่อนซบใบหน้าลงที่ไหล่ของเขา