ตอนที่ 2
เขาคลี่ยิ้ม ก่อนจะตวัดสายตาไปมองดวงหน้าที่หวานใสของมธุรดาอย่างไม่ตั้งใจ แต่เมื่อมองเห็นแล้วก็ต้องมองซ้ำ แล้วก็รีบตัดความรู้สึกนั้นออกไปเสียทันที
“นี่หนูมธุรดานะปรัชญ์ เธอเป็นภรรยาของคุณมุขพล นายธนาคารใหญ่ที่เพิ่งเสียชีวิตไปปีที่แล้ว..”
เขาต้องมองมองหน้าเธออีกครั้ง
“รดาเป็นเพื่อนของพันค่ะพี่ปรัชญ์..”
เธอส่งยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร ส่วนเขาก็เพียงแค่ยิ้มน้อย ๆ ส่งให้ก่อนจะมองหน้าแม่ของเขานิ่ง
“ผมมีเรื่องอยากรบกวนแม่ครับ..”
เขามองหน้าแม่ แต่ผู้เป็นแม่เหมือนจะรู้ทัน จึงพยายามหาทางหลีกเลี่ยง
“แม่ว่าทานอาหารก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะเย็นซะหมด..แม่ไม่นึกว่าปรัชญ์จะมา จะได้ให้แม่ครัวทำของชอบเอาไว้ให้..แต่ก็ไม่เป็นไรรสมือของแม่ครัวบ้านเราดีอยู่แล้ว..ไปจ้ะหนูรดา..ไปลูก..”
คุณภริตาเดินนำหน้าไปตามด้วยพันธิตาที่เดินจับมือของมธุรดาก้าวตามไปติด ๆ เหลือเพียงเขาที่ยังนั่งนิ่งอยู่กับที่สักพักจึงตัดสินใจก้าวตามไปยังโต๊ะอาหาร
ซึ่งวันนั้นพ่อของเขากับน้องชายยังไม่กลับเพราะติดประชุม ก็ทำให้ที่บ้านเหลือน้องสาวกับแม่เท่านั้น
“ดูพี่ปรัชญ์ซูบไปนะคะ..ย้ายกลับมาทำงานที่บริษัทของเราไม่ดีกว่าหรือคะ แล้วก็กลับมาอยู่บ้านเราเหมือนเดิม..”
ปรัชญ์เงยหน้ามองหน้าพันธิตาก่อนจะมองหน้าแม่ของเขา เขาอยากจะเอ่ยปากขอยืมเงินแต่ก็ไม่กล้าพอที่จะพูด เพราะมีมธุรดานั่งอยู่ด้วย แต่อาการอึดอัดของเขาทำให้เธอพอจะเข้าใจว่าเขาคงมีเรื่องที่ไม่อยากให้คนนอกรู้อย่างแน่นอน
“รดาขอตัวกลับก่อนนะคะคุณอา..พัน..รดากลับก่อนนะจ๊ะ..”
“อ้าว..”
พันธิตาทำเสียงอย่างนึกเสียดาย
“ขอตัวนะคะ..”
เธอบอกกับเขาอย่างสุภาพพลางมองจ้องใบหน้าของเขาอย่างพึงพอใจ กิริยานั้นทำให้คุณภริตาพอจะอ่านออกถึงความในใจของมธุรดาออก หล่อนจึงยิ้มอยู่ในทีเมื่อคล้อยหลังเธอที่ขับรถออกไปจากบ้าน
“ว่ามาสิปรัชญ์มีอะไร..”
เขาก้มหน้านิ่ง
“ผมขอยืมเงินคุณแม่ส่งงวดค่าบ้านหน่อยครับ..เพราะขาดส่งมาหลายงวดแล้ว..ธนาคารกำลังจะยืดครับ..”
พันธิตาถอนใจยาว ก่อนจะลุกขึ้นเดินห่างออกไปเหมือนไม่ต้องการจะฟัง
“เงินเดือนได้เดือนละเท่าไหร่ล่ะ..”
ผู้เป็นแม่ถาม
“สามหมื่นครับแม่..”
“ผ่อนบ้านเดือนละเท่าไหร่..”
“หมื่นกว่าครับแม่..”
คุณภริตาทำท่าครุ่นคิด
“ก็เหลืออีกหมื่นกว่า ไหนจะค่าน้ำมันรถ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอาหารและค่าเครื่องสำอางของเมีย..จะเหลือหรือจ๊ะ..”
เขาผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ
“กลับมาอยู่บ้านแล้วทิ้งแม่นั่นซะ..หรือไม่ก็..”
เขาเงยหน้ามองสบตาของแม่เขาแทบทันที
“แต่งงานใหม่..ทำงานที่ใหม่...ชีวิตของปรัชญ์จะดีขึ้น..หนี้สินที่มีก็จะหมดไป..ปรัชญ์จะได้เงินเดือนเพิ่มมากขึ้น แม้จะไม่กลับมาทำงานที่บริษัทของเรา..แต่ปรัชญจะเป็นมหาเศรษฐีไปในพริบตา”
เขาส่ายหน้า แต่ใจหนึ่งก็นึกสงสัยกับคำบอกเล่าของมารดา
“ไม่ครับแม่..ผมรักสุ..”
“ตามใจ..แม่ก็หมดปัญญาจะช่วย..หากปรัชย์ยอมรับข้อเสนอของแม่ด้วยการยอมแต่งงานใหม่ แต่นั่น ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเลิกรากับแม่สุชานรีนี่จ๊ะ..ลองกลับไปคิดดู..เผลอ ๆ ปรัชญ์อาจจะมีเงินเลี้ยงแม่สุอย่างดีกว่าเดิมเสียอีกนะ..”
คำพูดของแม่ทำให้เขาครุ่นคิด เขารู้สึกเหมือนตัวเขาเองเป็นอะไรสักอย่างที่ไม่มีศักดิ์ศรีเอาเสียเลย
แต่ว่าถ้าหากภายในเดือนนี้เขาไม่มีเงินไปชำระค่างวดที่ค้างทั้งหมด..บ้านที่ภรรยาสุดที่รักของเขารักจะต้องถูกยึด..เขาไม่อยากคิดถึงเหตุการณ์ที่มันกำลังจะเกิดขึ้น
เขาขับรถกลับมาบ้านด้วยหัวใจที่เลื่อนลอย เขาแทบจะไม่ได้ทักทายหรือสังเกตภรรยาของเขาเลยว่าวันนี้หล่อนเปลี่ยนทรงผมใหม่ เปลี่ยนน้ำหอมใหม่เพื่อจะให้เขาสนใจ แต่เขาก็กลับเดินเลยหล่อนกลับขึ้นไปยังห้องนอน
ทิ้งร่างลงนอนยกมือก่ายหน้าผากด้วยความกังวล ส่วนสุชานรีก็ตามเข้ามา พยายามจะให้เขาสนใจหล่อนแต่ปัญหาที่รุมเร้าทำให้เขาไม่อาจจะจะคิดเรื่องอื่นได้ในขณะนี้
.
อีกสองวันถัดมาหลังจากที่ปรัชญ์พยายามวิ่งหาเงินเพื่อที่จะมาชำระค่างวดบ้านที่ภรรยารักนักหนาไม่ได้ เขาก็รู้สึกเครียดจัด เขาจอดรถที่ริมฟุตบาทหน้าธนาคารที่เขาไปขอกู้เงินมาปลูกบ้าน แล้วทอดสายตามองไปยังประทางเข้าธนาคารนิ่ง
เขามองเห็นใครคนหนึ่งเดินออกมาจากที่นั่น..เขาจำได้ดีถึงแม้ว่าจะพบเธอเพียงครั้งเดียว เธอเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาอยากจดจำเธอไว้
มธุรดาก้าวออกมาจากธนาคารซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่แล้วตรงไปยังรถคันหรูของเธอขับเลี้ยวออกมามุ่งหน้ากลับบ้านของเธอ
ปรัชญ์ขับรถตามเธอไปห่าง ๆ โดยไม่มีสาเหตุ เขามองดูคฤหาสน์สถานที่อลังการของเธอก็ทำให้หวนนึกถึงสุชานรีภรรยาที่เขารัก เขาผ่อนลมหายใจยาวออกมาก่อนจะส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจตัวเองว่าขับรถตามผู้หญิงคนนี้มาทำไมกัน