ตอนที่ 1
หลังจากฝ่าการจราจรที่หนาแน่นบนท้องถนนในยามเย็นไปได้สักพัก ก็ต้องอึดอักกับอุบัติเหตุบนท้องถนนจนรถไม่สามารถเคลื่อนตัวหลบเลี่ยงไปได้ ต้องอดทนรอจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาจัดการ
ทำให้ปรัชญ์รู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก และทันทีที่เขาก้าวมาถึงบ้าน ก็พบว่าภรรยาสุดที่รักยืนรออยู่ด้วยสีหน้าเศร้าหมองจัด
“มีอะไรหรือครับสุ..”
เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ พยายามเก็บแล้วผลักดันความเหนื่อยเหน็ดออกไปเสียจากอารมณ์
“สุ..สุ..”
เจ้าหล่อนพูดแค่นั้นก็สะอึกสะอื้น จนเขาต้องยื่นมือเข้าไปโอบกอดเอาไว้แนบแน่น
“มีอะไรครับ..บอกผมสิ..ใจเย็น ๆ ..”
เจ้าหล่อนยกมือเช็ดน้ำตาแล้วมองหน้าเขา
“วันนี้ทางธนาคารมีหนังสือมาค่ะ..เพราะว่าเราขาดส่งบ้านมาหลายงวดแล้ว..”
เขาลอบผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ
“สุรักบ้านหลังนี้มากนะคะ..สุไม่อยากเสียมันไปค่ะปรัชญ์..”
เขากอดตะกองหล่อนเข้ามาในบ้าน
“ใจเย็น ๆ เถอะครับ..ผมจะไปขอยืมเงินคุณแม่มาจ่ายก่อน..”
เขาพยายามหาทางออก
“จะดีหรือคะ..”
เขาพยักหน้าช้า ๆ
“ขออาหารอร่อย ๆ ให้ผมทานสักจานก่อนได้ไหมครับ..ผมหิวมากเลย..นะ..”
สุชานรียิ้มหวาน
“สุขอโทษค่ะ..ไม่ได้ซื้ออะไรติดตู้ไว้เลย..เพราะมัวแต่เสียใจ..สุเองก็ยังไม่ได้ทานอะไรเลยนะคะวันนี้..”
เขาต้องผ่อนลมหายใจออกมาอีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้
“อาบน้ำแล้วออกไปหาอะไรนอกบ้านทานกันไหมคะ..นะคะ..สุหิวมากเลย..”
เขามองหน้าหล่อนนิ่ง
“ผมอยากให้เราประหยัดหน่อยดีไหม..”
เจ้าหล่อนหน้าม่อยไป
“พอจะมีอะไรที่ทำทานได้..ก็ทำมาเถอะนะครับ..ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อน..”
เขาพูดจบก็เดินกลับขึ้นไปบนบ้านที่เขาสร้างเอาไว้เป็นเรือนหอ โดยกู้เงินจากธนาคารแล้วทยอยผ่อนเป็นรายเดือนแทนการพาสุชานรีเข้าไปอยู่ในบ้านของเขา ที่มีพ่อกับแม่รวมทั้งน้องชายและน้องสาวอยู่
นั่นเป็นเพราะว่าทุกคนในบ้านของเขาไม่ชอบสุชานรีนั่นเองเขาจึงตัดสินใจออกมาผ่อนบ้านอยู่แล้วหางานทำโดยไม่กลับไปข้องแวะกับทางบ้านอีกเลย
เมื่อปรัชญ์อาบเสร็จลงมาก็พบว่าสุชานรียังง่วนอยู่ในครัว เขาจึงเดินเข้าไปดูเห็นหล่อนกำลังปรุงอาหาร ซึ่งก็มีเพียงไข่หนึ่งฟองกับบะหมี่สำเร็จรูปอีกหนึ่งห่อ แถมผักเหี่ยว ๆ อีกนิดหน่อย
“เสร็จหรือยังครับสุ..”
“ยังค่ะ..เพราะสุไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก่อน..สุบอกให้ปรัชญ์หาแม่ครัวมาให้สุก็ไม่ยอม สุทำอาหารไม่เก่ง..”
เขายิ้มน้อย ๆ พลางสอดแขนไปกอดเอวกลึงของหล่อนเอาไว้อย่างปลอบโยน
“ผมสัญญานะว่า ให้เราผ่านวิกฤตินี้ไปก่อน..ผมจะให้สุทุกอย่างที่สุต้องการเลย..”
เขาพยายามปลอบโยนหล่อน
“แล้วอาหารนี่ล่ะคะ..”
“ผมทำเอง..สุไปหุงข้าวนะ..”
“ข้าวหมดค่ะ..”
เขายิ้มเครียด ๆ
“ไม่เป็นไร มีเท่าไหร่ก็ทานเท่านั้น..”
ว่าแล้วเขาก็จัดการต้มบะหมี่สำเร็จรูปใส่ไข่แล้วก็หั่นผักใส่ลงไปปรุงรสแล้วแบ่งเป็นสองชาม
หลังจากทานอาหารเสร็จเขาก็เข้าห้องทำงานต่อ ฝ่ายสุชานรีก็นั่งดูรายการทีวีจนดึก หล่อนเข้านอนแต่เขายังคงนั่งทำงานอยู่
เขาเข้านอนเมื่อไหร่นั้นหล่อนไม่รู้เลย จนกระทั่งเช้า เขาก็ตื่นก่อนอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปทำงาน
“วันนี้ผมจะแวะที่บ้านนะครับสุ..จะคุยกับคุณแม่เรื่องเงิน..”
เขาหันมาบอกหล่อน
“งั้นขอสุไปช็อปปิ้งบ้างสิคะ อาหารหมดทุกอย่างเลย..ดูสิ ผิวสุไม่ได้ขัดมาเป็นเดือนแล้วนะคะ..หน้าตาหมองมากเลย..สุอยากได้ครีมบำรุงสักชุด..นะคะปรัชญ์ขา..”
เขาขบฟันแน่นก่อนจะหยิบเงินออกส่งให้หล่อนแล้วก็ลงไปด้านล่าง ขับรถตรงไปทำงาน ส่วนสุชานรีเมื่อได้เงินก็ออกจากบ้านไปพบเพื่อน ๆ ทำราวกับเป็นเศรษฐี เพราะคุยไว้นักหนาว่าสามีของหล่อนร่ำรวยเป็นลูกชายมหาเศรษฐี
ต่างกับปรัชญ์ที่ทำงานแทบไม่มีเวลาได้พัก เมื่อเลิกงานเขาก็รีบขับรถกลับบ้านเพื่อจะขอหยิบยืมเงินจากแม่ของเขา
แต่เมื่อเขาเลี้ยวรถเข้าไปในบ้านก็ต้องแปลกใจเพราะเห็นรถคันหนึ่งที่ไม่คุ้นตาจอดอยู่
แต่เขาก็ไม่คิดจะสนใจนักเดินขึ้นไปยังห้องโถงซึ่งขณะนั้นคุณภริตา แม่ของเขากำลังมีแขก
“พี่ปรัชญ์มาค่ะแม่ขา..”
พันธิตาหันมาเห็นพี่ชายคนโตเดินเข้าบ้านก็ดีใจรีบบอกแม่ ไม่เพียงแต่แม่ของเขาที่หันมามอง แม้แต่แขกคนสำคัญที่อยู่ในที่นั้นก็หันไปมองเช่นกันด้วยหัวใจที่ไหววาบ
และทันทีที่มธุรดาได้มองเห็นปรัชญ์ ผู้ชายที่พันธิตาเพื่อนรักของเธอมักจะเล่าให้ฟังบ่อย ๆ อย่างถนัดตา ก็เกิดความรู้สึกหนึ่งที่แล่นปราดเข้ามาครอบครองหัวใจและความรู้สึกของเธอ
“สวัสดีครับแม่..”
เขายกมือไหว้แม่ของเขาอย่างนอบน้อม
“จ้ะ..ลมอะไรหอบมาหาแม่..”