บทที่ 6 กินให้อิ่มท้องสำคัญที่สุด
เมื่อซูหลิงกลับไป ซูเสี่ยวหว่านจึงพาเสี่ยวหานไปหาหมอ ในหมู่บ้านของพวกเขาไม่มีหมอจึงจำเป็นต้องไปที่หมู่บ้านข้าง ๆ
ได้ยินมาว่าหมอคนนี้มาจากเมืองหลวง ไม่รู้ว่าจริงไหม
เดินไปได้หนึ่งชั่วยามถึงจะถึงบ้านของหมอ หลังจากการตรวจง่าย ๆ เสร็จหมอก็วินิจฉัยว่าเด็กไม่ได้บาดเจ็บภายใน แม้บาดแผลภายนอกจะค่อนข้างสาหัสแต่ก็ไม่ถึงอันตรายแก่ชีวิต
ซูเสี่ยวหว่านถึงค่อยวางใจลงได้บ้าง
ราวกับว่าหมอจะดูออกว่าทั้งคู่ถูกคนรังแกมา ดังนั้นจึงจ่ายยาให้สำหรับเจ็ดวันและเก็บเงินแค่แปดเหรียญ
เมื่อกลับบ้านมาดื่มยาได้ไม่นานเสี่ยวหานก็หลับไป ไม่ได้ให้ซูเสี่ยวหว่านปลอบนอนเลยสักนิด
เด็กคนนี้มีความเข้มแข็งในแบบที่ไม่ควรมีในวัยนี้
หลังจากห่มผ้าให้เสี่ยวหานเสร็จ ซูเสี่ยวหว่านเองก็ดื่มยาด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะจิตวิทยาไหมถึงได้รู้สึกดีขึ้นมาก
ตอนนี้นางถึงค่อยมีเวลาสำรวจบ้านปัจจุบันของนางอย่างดีสักที
ไม่ดูยังพอได้ พอยิ่งดูก็ยิ่งน่าสงสาร
นอกบ้านที่มีกำแพงดินสูงเท่าเอวล้อมเอาไว้ บ้านกระท่อมข้างในถูกแบ่งเป็นห้องใหญ่หนึ่งห้องและห้องเล็กหนึ่งห้อง
ห้องใหญ่รวมไปด้วยทั้งห้องทานข้าว ห้องครัว และห้องเก็บฝืน ส่วนห้องเล็กนั้นเป็นห้องเล็ก ๆ ที่สามารถวางได้แค่เตียงเล็ก ๆ หนึ่งใบเท่านั้น
มุมของห้องใหญ่มีห้องครัวที่สามารถจุคนได้แค่คนเดียว
ใกล้จะถึงเวลามื้อเย็นแล้ว ในห่อผ้าของจางต้าซานที่เอามาให้ตอนเที่ยงยังมีแป้งหยาบครึ่งกิโล ไข่ไก่สามใบและแผ่นแป้งที่แข็งปั๊กอีกหลายแผ่น
แม้แผ่นแป้งพวกนั้นจะพอประทังกินเป็นมื้อเย็น แต่ของพวกนี้ขนาดผู้ใหญ่อย่างนางกินยังรู้สึกว่าบาดท้องจนเจ็บ อย่าว่าแต่จะให้ผู้ป่วยอย่างเสี่ยวหานกินอีกเลย
นางต้องหาดูว่าในบ้านยังมีอะไรกินอีกไหม อย่างน้อยให้เด็กได้กินของอร่อยสักมื้อก็ดี
บนเตามีกระทะเหล็กกันใหญ่กับผักป่าที่เหี่ยวเฉาวางอยู่ และยังมีขวดเล็ก ๆ ข้างในใส่เกลือหยาบไว้ครึ่งขวด
ซูเสี่ยวหว่านค้นหาทั่วทั้งกระท่อม สุดท้ายก็หาขวดมีฝาปิดสองขวดขนาดเท่ากำปั้นเจอตรงมุมของชั้นวางถ้วย
อันหนึ่งข้างในคือไขมันสัตว์ขวดเล็ก ๆ บนไขมันชั้นสีขาวมีกากสีดำ ซูเสี่ยวหว่านไม่แน่ใจว่านี่คือไขมันของสัตว์อะไร
อีกอันข้างในคือน้ำมันพืชแค่ครึ่งขวด ก้นขวดก็ดำเหมือนกัน
ซูเสี่ยวหว่านถอนหายใจ ถ้าเป็นปัจจุบัน ของพวกนี้คงได้แต่ถูกเททิ้งเท่านั้น แต่อยู่ที่นี่กลับมีค่ายิ่งนัก
ซูเสี่ยวหว่านค้นของที่สามารถกินได้มารวมไว้ด้วยกัน ตอนเที่ยงจางต้าซานให้ไข่ไก่มาสามใบและแป้งหยาบนิดหน่อย บวกกับแป้งหยาบที่มีอยู่แล้วที่บ้านรวมกับทั้งหมดหนึ่งกิโล บวกกับผักป่าเหี่ยวเฉาบนเตา นี่คืออาหารที่เหลือในบ้านทั้งหมดแล้ว
นี่มันเกือบจะเข้าตาจนแล้วจริง ๆ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสนใจอะไรแล้ว ทั้งสองคนมีบาดแผลทั้งตัว ถ้าแม้แต่การกินยังกินไม่อิ่มแล้วเมื่อไหร่บาดแผลบนตัวจะหาย
ซูเสี่ยวหว่านกัดฟัน เทแป้งออกมาทั้งหมด ตักน้ำเล็กน้อย เติมเกลือนิดหน่อย จากนั้นก็สับผักป่าทั้งหมดผสมลงไปในแป้ง สุดท้ายก็ตอกไข่สองใบใส่ลงไป
ตอนแรกก็เป็นแป้งหยาบ ถ้าไม่เพิ่มวัตถุดิบลงไปอีกแผ่นแป้งที่อบออกมานั้นคงแข็งเหมือนกับหินแน่นอน
รอบ ๆ หมู่บ้านฉางอันนั้นมีภูเขาและป่าลึก แต่ละที่มีแต่ของดีทั้งนั้น นางเรียนเกษตรศาสตร์มาจะปล่อยให้ตัวเองอดอยากได้อย่างไร
ต้องกินให้อิ่มก่อนสิถึงจะมีแรงสร้างเนื้อสร้างตัว
ซูเสี่ยวหว่านเป็นเด็กกำพร้าจึงได้ช่วยงานพวกคุณป้าที่โรงอาหารตั้งแต่เด็ก ต่อมาก็ได้เข้าเรียนคณะเกษตรศาสตร์ ได้รับความเอ็นดูจากอาจารย์ มักจะพานางไปสำรวจไร่สวนบ่อย ๆ เวลาออกไปข้างนอกก็ต้องดูแลตัวเองทั้งนั้น ดังนั้นงานบ้านงานเรือนจึงเป็นสิ่งที่นางถนัดมาก
เมื่อก่อนรุ่นพี่ต่าง ๆ มักจะชมฝีมือของนาง บอกว่าน่าเสียดายที่นางไม่เปิดร้านอาหาร
เมื่อนวดแป้งเสร็จก็คลี่ออกแล้วทาไขมันสัตว์ที่ละลายแล้วหนึ่งชั้น จากนั้นก็ม้วนแผ่นแป้งแผ่นใหญ่ที่คลี่ออกแล้วหั่นเป็นก้อนเล็ก ขนาดเท่า ๆ กัน จากนั้นก็รีดก้อนแป้งกลายเป็นแผ่น
เมื่อใส่ไข่ไก่และน้ำมันที่เพียงพอ ต่อให้แป้งเย็นแล้วก็จะไม่แข็ง
ตั้งเตา ก่อไฟ เมื่อกระทะร้อนแล้วก็ทาน้ำมันพืชลงในกระทะ วางแผ่นแป้งที่ทำเสร็จลงในกระทะให้พอดี จากนั้นก็เบาไฟค่อย ๆ ทอด
ไม่นานก็ได้ยินเสียงซู่ซ่าดังจากในกระทะ กลิ่นหอมก็หอยฟุ้งออกมาด้วย ซูเสี่ยวหว่านถือตะหลิวพลิกด้านแผ่นแป้งทีละอัน
ด้านนอกของแป้งทอดกลายเป็นสีเหลืองทอง ดูน่ากินมาก
แป้งกิโลกว่าบวกกับผักป่าทั้งหมดได้แป้งทอดมาเจ็ดแปดแป้ง เพียงพอสำหรับวันนี้และพรุ่งนี้แล้ว
เสี่ยวหานตื่นขึ้นมา ขยี้ตาเดินเข้ามาในครัว
"ท่านแม่ หอมจังเลย นี่คืออะไรเหรอ?"
ซูเสี่ยวหว่านยิ้ม "เสี่ยวหานหิวแล้วใช่ไหม มา กินก่อนสักอันสิ"
เดิมทีเด็กที่ยังง่วงอยู่ก็ตื่นเต็มตาทันที ดวงตาเบิกโตกลมแป๋ว จ้องแป้งทอดที่ซูเสี่ยวหว่านส่งมาให้ต่อหน้าของเขาแล้วกลืนน้ำลาย ไม่รับมาแต่กลับผลักมือของซูเสี่ยวหว่านกลับไป "ท่านแม่กินก่อนสิ"
"กินเถอะ ตรงนั้นยังมีอีก"
เมื่อเห็นว่าข้าง ๆ ยังมีอีกเด็กน้อยก็รับมาอย่างวางใจ
ซูเสี่ยวหว่านไม่รู้ว่าเด็กน้อยหิวมานานแค่ไหนแล้ว แค่เวลาที่นางหันไปเติมฝืนกลับมาอีกทีตรงหน้าก็เหลือแค่ปากที่มันแผล็บแล้ว
ซูเสี่ยวหว่านทั้งสงสารทั้งน่าขำ "ค่อย ๆ กิน ยังมีอีกนะ"
สายตาของเด็กน้อยไม่ห่างจากแป้งทอดเลยสักนิดแต่กลับส่ายหัว "เสี่ยวหานกินอิ่มแล้ว ท่านแม่กินเถอะ"
ซูเสี่ยวหว่านหยิบแป้งทอดร้อน ๆ หนึ่งชิ้นมาวางไว้ข้างหน้าเด็กน้อย "แม่รับประกันว่า จากนี้ไปจะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องอดอยากอีกแล้ว อีกอย่างเสี่ยวหานต้องกินเยอะ ๆ ถึงจะได้โตไว ๆ ไง"
เด็กน้อยครุ่นคิด สุดท้ายก็หยิบแป้งทอดขึ้นมาแล้วพยักหน้าอย่างแรง "อื้ม เสี่ยวหานจะรีบโตไว ๆ ช่วยท่านพ่อปกป้องท่านแม่"
เมื่อได้ยินเด็กน้อยพูดถึงคำว่าท่านพ่อสองคำนี้ ซูเสี่ยวหว่านก็นึกถึงสามีจำเป็นของนางขึ้นมาได้
หรงฮ่าวหน้าตาดีมาก ตอนที่พึ่งมาเมื่อสี่ปีก่อนก็ใช้หน้าตาใบนั้นสะพรึงทุกคนในหมู่บ้านอันหนิง
แต่ว่า ความหล่อนั้นกินไม่ได้ ในสายตาคนในหมู่บ้านผู้ชายที่ทำงานได้ต่างหากถึงจะสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ ถึงจะเป็นผู้ชายที่ดี ถึงจะเป็นผู้ชายที่สาว ๆ ในหมู่บ้านชอบ
แต่หรงฮ่าวทำสวนไม่เป็น ล่าสัตว์ก็ไม่เป็น ไม่เพียงแค่ไม่เป็นแต่ยังไม่ยอมเรียนรู้อีก ด้วยเหตุนี้ผ่านไปไม่นานก็ถูกคนในหมู่บ้านจัดไปอยู่ในประเภทผู้ชายขี้เกียจ ไม่มีสาวคนไหนชอบผู้ชายขี้เกียจหรอก หรือเป็นเพราะว่าหาเมียไม่ได้จริง ๆ ก็เลยแต่งงานกับตน?
ซูเสี่ยวหว่านส่ายหัวและสะบัดความคิดนี้ออกจากหัวอย่างรวดเร็ว
หรงฮ่าวไม่ได้ขัดสนเงิน อย่างน้อยก่อนเขาออกจากบ้านจะทิ้งเงินไว้ให้ตนทุกครั้ง ถ้าเจ้าของร่างเดิมเป็นคนปกติล่ะก็ แค่อาศัยเงินจำนวนพวกนี้ก็จะสามารถมีชีวิตได้สุขสบาย
หรงฮ่าวในความทรงจำของนางนั้น แม้จะสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาที่สุด แต่พลังความห้าวหาญและไม่แสดงตนนั้น ใช่ว่าจะสามารถปลูกฝังได้จากสถานที่เล็ก ๆ แบบนี้ บางทีอาจจะอยู่ที่นี่เพราะมีเป้าหมายอื่นแหละมั้ง
"ท่านแม่! ท่านแม่!"
เสี่ยวหานจูงมือของซูเสี่ยวหว่านลากนางออกมาจากห้วงความคิด "ท่านแม่ ท่านรีบกินสิ"
ยุ่งมาทั้งวัน ท้องของซูเสี่ยวหว่านหิวจนหิวจ๊อกๆ แล้ว จึงขี้เกียจคิดนู่คิดนี่แล้ว รีบกินข้าวสำคัญที่สุด
กินข้าวเย็นได้ไม่นานเท่าไหร่ฟ้าก็มืดแล้ว
เสี่ยวหานนอนหลับอย่างรวดเร็ว แต่ซูเสี่ยวหว่านหลับได้แค่สามสี่ชั่วโมงก็ตื่น
ฟ้ายังไม่สว่าง ซูเสี่ยวหว่านเหม่อลอยจ้องเพดานอันมืดมิด