สามีจ๋า อยากรวยก็มาช่วยเมียทำสวนหน่อย

66.0K · ยังไม่จบ
-
34
บท
10.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

คนอื่นข้ามเวลา สวมใส่ชุดผ้าไหมผ้าแพร ทานรังนก แต่งเข้าตระกูลร่ำรวยในฐานะภรรยา พอมาเป็นนาง ทำไมถึงกลับกลายเป็นเช่นนี้ สวมใส่ผ้าหยาบกระด้าง กินโวโวโถว ซ้ำยังมีญาตินิสัยประหลาดร้ายกาจมาเป็นโขยง ฮึ!สวรรค์ช่างไม่เป็นใจยิ่งนัก แต่จะลำบากยังไงก็บังคับคนที่สวยมาตั้งแต่เกิด พร้อมปัญญาอันหลักแหลมอย่างข้าไม่ได้หรอก มาดูข้าจะทำให้ครอบครัวสุขสบายร่ำรวยในเงินทอง ต่อสู้จัดการกับพวกคนเลวอย่างไม่ออมมือ นางมุ่งมั่นตั้งใจอยู่กับการงาน ไม่อยากแต่งเป็นเมียใคร แต่ดันมีสามีรูปงามวันๆเอาแต่ยิ้มปริ่ม“เมียจ๋า วันนี้ข้าเข้านอนด้วยได้หรือไม่?”เอ๊ะ?ไหนว่าเผด็จการเย็นชายังไงล่ะ?ลมปากผู้ชายหลอกเหมือนผี เชื่อไม่ได้!

นิยายรักนิยายรักโรแมนติกนิยายย้อนยุคอาหารปลูกผักมีลูกกําลังใจ

บทที่ 1 ฆ่าคนตาย

"พวกเจ้าห้ามตีท่านแม่ของข้านะ! ถ้าท่านพ่อกลับมาต้องจัดการพวกเจ้าแน่! ฮือฮือฮือ...พวกเจ้ามันคนชั่วร้าย..."

"กรี้ด!"

เสียงกรีดร้องดังขึ้นเสียงแหลมตามมาด้วยคำก่นด่า "ไอ้เด็กเปรต เจ้ากล้ากัดข้าเหรอ! ท่านพ่อเจ้ากลับมาแล้วยังไง! ต่อให้วันนี้ข้าตีเจ้าจนตาย พ่อไร้น้ำยาของเจ้านั่นก็ไม่กล้าทำอะไรข้าหรอก!"

เสียงดัง "ปัง!" ทำให้ซูเสี่ยวหว่านสะดุ้งตื่น

ปวดหัวร้าวรานมาก ภาพตรงหน้ามีเงาคนเคลื่อนไหวแต่กลับมองไม่ชัดว่าเป็นใคร

แต่ว่า ทำไมเธอถึงได้ยินเสียงทะเลาะกันระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กล่ะ? ตอนนี้เธอควรต้องนั่งรถของอาจารย์ไปดูงานที่สวนทดลองไม่ใช่เหรอ?

ในรถไม่มีเด็กนี่ สวนทดลองของมหาวิทยาลัยก็ไม่น่าจะมีเด็กรึเปล่า

ภาพค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น เมื่อเห็นภาพตรงหน้าอย่างชัดเจนซูเสี่ยวหว่านก็ต้องตกใจ

ในห้องผุพังโทรมไม่เป็นท่ามีเด็กผู้ชายอายุสามสี่ขวบล้มลงบนพื้น และมีเด็กผู้หญิงสิบกว่าขวบสามคนกำลังล้อมรุมต่อยตีเขา หนึ่งในนั้นยังถือไม้เรียวด้ามหนึ่งฟาดใส่เด็กคนนั้นไม่ยั้ง

"ไอ้เด็กเปรต อายุสั้น! เจ้ากล้ากัดคนเหรอ! แล้วยังกล้าใช้พ่อไร้น้ำยาของเจ้านั่นมาขู่พวกข้าอีก! พวกเจ้ามันไร้น้ำยากันทั้งบ้าน สมควรไปตายซะ! ไอ้เด็กเปรต!"

เด็กน้อยถูกตีจนขดเป็นก้อน เจ็บจนสะดุ้งไปทั้งตัว ร้องไห้เสียงดัง "ฮือ! เจ็บจังเลย! ท่านแม่ช่วยข้าด้วย!"

เสียงร้องไห้ปานจะขาดใจของเด็กผู้ชายนั้นทำให้คนได้ยินแล้วสั่นสะท้านไปทั้งใจ แต่คนที่ตีเด็กไม่เพียงแค่เมินเฉยไม่ได้ยินแต่ยังลงมือหนักกว่าเดิมอีก

แขนขาวเนียนนุ่มของเด็กน้อยนั้นถลอกจนเลือดออก ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาถูกไม้เรียวกวาดผ่านจนบวมปูดเป็นรอยแผลสีเขียวช้ำอย่างรวดเร็ว

ซูเสี่ยวหว่านรู้สึกได้แค่โทสะที่พุ่งขึ้นหัวจนความฉุนลุกโชนไปทั้งตัว เมื่อมองเด็กสาวที่ไร้มนุษยธรรมทั้งสามตรงหน้า นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีความรู้สึกอยากฆ่าคน

"หยุดนะ!"

ซูเสี่ยวหว่านตะโกนเสียงดัง อดทนฝืนความเจ็บปวดทั่วทั้งตัวคลานขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าไปโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น

เวียนหัวจนไม่มีแรง เท้าก็ยืนไม่มั่นคง

แต่เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวทั้งสามคนนั้นไม่คิดว่านางจะลุกขึ้นมาได้

การพุ่งกระโจนกะทันหันของซูเสี่ยวหว่านทำให้พวกนางไม่ทันได้ป้องกันตัว สองคนในนั้นถูกชนจนล้ม อีกคนก็สะดุดล้มลงด้วยเพราะลนลานเกิน ทั้งสามคนพันกันเป็นก้อน

ไม่ทันได้ถกเถียงกับคนเลวทั้งสามคนนั้น ซูเสี่ยวหว่านรีบพยุงเด็กที่ร้องไห้สุดเสียงคนนั้นขึ้นมา เมื่อมองรอยแผลบนแขนของเขาที่มีเลือดไหลออกมา เธอก็รู้สึกปวดใจราวกับว่าหัวใจถูกมีดทื่อ ๆ กรีดลงมา

"ท่านแม่ ท่านฟื้นสักที ฮือฮือฮือ...เสี่ยวหานเจ็บมากเลย"

ท่านแม่?

อะไรกันเนี่ย!

สรรพนามแบบนี้ทำซูเสี่ยวหว่านงงมาก

แม้อายุของเธอจะถึงอายุที่สามารถแต่งงานได้ตามกฎหมายแล้ว แต่ตอนนี้ยังเป็นนักศึกษาปีสามอยู่เลย แฟนยังไม่มีสักคนแล้วจะมีลูกได้ยังไง!

แต่ว่าตอนนี้ไม่มีเวลาให้มาคิดเรื่องนี้

หญิงใจมารสามคนนั้นกำลังลุกขึ้นมาแล้ว

"นังผีบ้า เจ้ากล้าตีข้าเหรอ! เจ้าไม่อยากอยู่แล้วใช่ไหม!"

ซูถงชี้หน้าซูเสี่ยวหว่าน "อย่าคิดว่าเจ้าแต่งงานไปแล้วข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้! รอข้ากลับบ้านไปฟ้องท่านย่ากับท่านแม่ข้า ให้พวกนางมาตีนังตัวซวยอย่างเจ้าให้ตายเลย!"

ซูเสี่ยวหว่านปกป้องเด็กน้อยไว้ข้างหลัง แล้วถือโอกาสหยิบกระบองไม้ท่อนใหญ่เท่าแขนข้างหลัง เงยหน้ามองเด็กสาวตรงหน้าทั้งสาม

"จะตีฉันตายรึ? ลองดูสิ!"

สีหน้าของซูเสี่ยวหว่านเย็นชา แววตาน่าสะพรึงกลัว

ทั้งสามคนตรงหน้าอึ้งไปกันหมด

ซูเสี่ยวหว่านตรงหน้าเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ผู้หญิงไม่เต็มบาทคนก่อนหน้านี้มีสายตาน่ากลัวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

ตอนนี้ซูเสี่ยวหว่านได้สติขึ้นเยอะแล้ว สุดท้ายก็หาข้อมูลของทั้งสามคนตรงหน้าจากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมเจอ

จึงอดที่จะสงสารไม่ได้ ชาติกำเนิดของเจ้าของร่างเดิมคนนี้น่าอนาถมากจริง ๆ

เนื่องจากพ่อแม่เสียไปตั้งแต่เด็ก ทรัพย์สมบัติของครอบครัวก็ถูกญาติฮุบไปหมด ซูเสี่ยวหว่านและน้องสาวจึงต้องใช้ชีวิตโดยอาศัยอยู่ในบ้านของคนอื่น มีงานบ้านที่ต้องทำอย่างไม่มีสิ้นสุดทุกวันและถูกเหยียดหยามอย่างไม่มีวันจบสิ้น

ผ่านมาชั่วพริบตาก็ถึงวัยที่ต้องออกเรือนแล้ว ซูเสี่ยวหว่านที่มีหน้าตางดงามโดดเด่นนั้นเดิมทีสามารถแต่งงานกับคนที่ดีได้ แต่คนตระกูลซูกลับรับเงินมาสิบตำลึงเงินแล้วให้นางหมั้นหมายกับเซี่ยงหยุนชวน บุตรชายที่ป่วยหนักของตระกูลเซี่ยงในเมือง พูดตามตรงก็คือให้ไปใช้ความมงคลล้างซวยนั่นเอง

แต่พึ่งหมั้นหมายได้ไม่นานเซี่ยงหยุนชวนกลับดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือน จากป่วยใกล้ตายก็กลับมามีชีวิตชีวา

ครั้งนี้ ซูเสี่ยวหว่านกลับกลายเป็นคนที่ใครต่างก็อิจฉา

เพราะว่าตระกูลเซี่ยงมีร้านค้าสองร้านในเมือง แม้จะไม่ได้ร่ำรวยมหาศาล แต่ระดับการใช้ชีวิตนั้นดีกว่าชาวบ้านธรรมดาทั่วไปมาก

พ่อแม่ตระกูลเซี่ยงมีการศึกษามีมารยาทและเซี่ยงหยุนชวนก็หน้าตาดี เมื่อเทียบกับคนบ้านนอกคอกนาในที่เล็ก ๆ แบบนี้แล้วนั้นต่างกันฟ้ากับเหวเลยทีเดียว

ต้องรู้ว่า ก่อนเซี่ยงหยุนชวนจะป่วยเขาคือชายในฝันของบรรดาหญิงสาวทั้งหลายในเมือง ตอนนี้กลับถูกซูเสี่ยวหว่านได้ไปง่าย ๆ แบบนี้ทำให้หลายคนอิจฉาจนบ้าคลั่ง

แต่ไม่คิดว่าฟ้าจะไม่เป็นใจ เมื่อใกล้จะแต่งงานแล้วซูเสี่ยวหว่านกลับเสียหลักตกลงมาจากเขาขณะที่กำลังเก็บผักป่า

หมดสติไปสามวัน เมื่อฟื้นขึ้นมาก็ไม่ค่อยเต็มบาทสักเท่าไหร่

แต่ขณะนั้นเซี่ยงหยุนชวนก็สอบได้เป็นจวี่เหริน (คือผู้ที่สอบผ่านในระดับมณฑล) กลายเป็นบัณฑิตระดับมณฑลที่อายุน้อยที่สุดในเป่ยซี

ทีนี้ทุกคนต่างก็คิดว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่เหมาะสมกันแล้ว เซี่ยงหยุนชวนมีอนาคตอันสดใส คือคนที่จะเป็นขุนนางในภายภาคหน้า ขุนนางจะแต่งผู้หญิงไม่เต็มบาทเป็นฮูหยินได้ยังไง

ตระกูลเซี่ยงถอนหมั้นทันทีโดยไม่ลังเล ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนเซี่ยงหยุนชวนก็แต่งงานกับเพื่อนสนิทของซูเสี่ยวหว่าน เหยาเจิน

คนตระกูลซูโมโหจนไปทะเลาะกับตระกูลเซี่ยงหลายครั้ง ปากบอกว่าไปทวงความยุติธรรมให้ซูเสี่ยวหว่าน แต่อันที่จริงก็เพื่อขู่เอาเงิน

สุดท้ายคนตระกูลเซี่ยงก็เรียกหาทางการแล้วขู่จนคนตระกูลซูไม่กล้าไปอีก

คนอื่นก็ไม่กล้าไปอีกแล้ว แต่ซูเสี่ยวหว่านที่ไม่เต็มบาทกลับยึดมั่นว่าเซี่ยงหยุนชวนคือสามีของนาง วันดีคืนดีก็วิ่งเข้าเมืองตัวคนเดียวไปเดินวนอยู่หน้าบ้านตระกูลเซี่ยงหลายครั้ง เมื่อเห็นเซี่ยงหยุนชวนก็ดึงแขนเสื้อเขาไว้แล้วถามว่าทำไมเขาไม่เอานาง

เด็ก ๆ ในเมืองหลายคนปาหินใส่นาง ซูเสี่ยวหว่านถูกปาใส่จนหัวแตกเลือดออกต่อมาก็ไม่กล้าไปอีกแล้ว

แต่ตอนนี้ซูเสี่ยวหว่านไร้ซึ่งประโยชน์แล้ว ไม่มีข้าวไม่มีน้ำและยังต้องอยู่ในห้องเก็บฟืนอีก คืนฝนตกฟ้าผ่าคืนหนึ่งคนตระกูลซูโยนนางที่ป่วยหนักทิ้งออกไปข้างนอกด้วยซ้ำ

เดิมทีคิดว่าครั้งนี้คงจะไม่รอดแล้ว แต่ไม่คิดว่านางจะถูกหรงฮ่าว สามีคนปัจจุบันเก็บกลับไปจึงรักษาชีวิตไว้ได้

เมื่อคนตระกูลซูรู้ก็พุ่งไปที่บ้านของหรงฮ่าวขู่เอาเงินสองตำลึงเงินและเส้นหมี่ห้ากิโล จากนั้นก็ทิ้งซูเสี่ยวหว่านให้เป็นเมียของหรงฮ่าว

ตลอดสองปีที่แต่งงานมา อันที่จริงซูเสี่ยวหว่านนั้นเคยมีสติกลับมาหนึ่งครั้ง

เพียงแต่เมื่อนางมีสติกลับมาแล้วบอกคนอื่นว่านางไม่ได้เสียหลักกลิ้งลงจากเขาด้วยตัวเอง แต่เพื่อนสนิทของนางเหยาเจินเป็นคนผลักนางลงไปต่างหาก แต่กลับไม่มีใครเชื่อนางสักคน

คนข้างบ้านต่างมองนางด้วยสายตาประหลาด

"ซูเสี่ยวหว่าน เจ้านี่หน้าไม่อายจริง ๆ ตอนนั้นที่เจ้าตกลงไป เหยาเจินไม่เพียงแค่พาครอบครัวเจ้าไปตามหาเจ้ากลับมาแล้วยังเฝ้าอยู่ข้างกายเจ้าตั้งหลายวัน"

"ถ้าเจ้าตกเขาจนเสียสติไปแล้วจริง ๆ ก็อย่าแกล้งทำเป็นได้สติกลับมา เจ้าไปตามราวีคุณชายเซี่ยงในเมือง เหยาเจินไม่เพียงแค่ไม่ได้โทษเจ้าแล้วยังช่วยพูดให้เจ้าอีก เจ้าถูกเด็กในเมืองปาหินใส่จนหัวแตก เหยาเจินก็เป็นคนส่งเจ้ากลับมา"

"ใช่ จิตใจชั่วร้ายลืมบุญคุณ มิน่าถึงตกเขากลายเป็นคนสติไม่ดี! ฟ้ามีตาหรอกถึงไม่ให้เจ้าแต่งงานกับคุณชายเซี่ยง"

ซูเสี่ยวหว่านถูกด่าจนฉุนจู่ ๆ ก็เป็นบ้าขึ้นมาทั้งไล่ตีและไล่กัดคน จนคนข้างบ้านยิ่งเกลียดนางมากขึ้น

หรงฮ่าวจนปัญญาจึงได้แต่ย้ายบ้านมาอยู่กลางเขา ไม่มีครัวเรือนอื่นภายในบริเวณหนึ่งลี้

แต่ว่าเราไม่หาเรื่องคนอื่นไม่ได้หมายความว่า คนอื่นจะไม่มาหาเรื่องเรา

หรงฮ่าวจะออกไปข้างนอกเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง และในเวลานี้เองก็จะมีคนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านมาหาเรื่องถึงบ้าน มาตำหนิสั่งสอนซูเสี่ยวหว่านที่ลืมบุญคุณโดยอ้างว่าทวงความยุติธรรมให้แก่เหยาเจิน หนึ่งในคนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านก็คือหญิงสาวทั้งสามคนตรงหน้านี้