บทที่ 13 ไม่มีมันฝรั่ง
น้ำแกงเห็ดร้อนๆ ถูกยกมาวางบนโต๊ะ เสี่ยวหานได้เตรียมชามและตะเกียบไว้พร้อมแล้ว กำลังน้ำลายไหลอยู่หน้าชามน้ำแกงเห็ด
“เสี่ยวหานคงหิวแล้วกระมัง ลองชิมเร็วเข้า”
เสี่ยวหานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่อยากจะให้กลิ่นหอมเสียเปล่า "อาหารที่ท่านแม่ปรุง ไม่ต้องลองชิมก็รู้ว่าอร่อย"
เห็ดป่าเกิดมาพร้อมกับกลิ่นหอมที่ชวนให้น้ำลายสอ แม้ว่าจะไม่ได้ปรุงใส่กับสิ่งอื่นใด แต่รสชาติของน้ำแกงเห็ดเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนติดอกติดใจ
ขณะที่ซูเสี่ยวหว่านกำลังค่อยๆ ลิ้มรสน้ำแกงเห็ดร้อนๆ และคิดว่าถ้ามีไก่สักเล็กน้อยแล้วใส่เห็ดนี้เข้าไป ค่อยๆ ตุ๋นในหม้อตุ๋นด้วยไฟช้าๆ เป็นเวลาสองชั่วโมงจะมีรสชาติอย่างไร...จุ๊ จุ๊ จุ๊ รสชาตินั้นแค่คิดก็ทำให้คนน้ำลายไหลอย่างควบคุมไม่ได้แล้ว
เมื่อก่อนนางเคยทำวิจัยภาคสนามกับอาจารย์ เห็ดบนภูเขาที่เติบโตหลังฝนตกจะมีรสชาติดีที่สุด เติมเกลือเล็กน้อยลงในน้ำแกงเห็ด โดยที่ไม่ใช้เครื่องปรุงรสอื่นใด จะได้รสชาติที่หอมอร่อยจนแทบอยากจะกลืนลงไปทั้งลิ้น
เสี่ยวหานกินเข้าไปคำหนึ่ง ทันใดนั้นดวงตาก็สว่างขึ้น
“ท่านแม่ รสชาติดีมากเลย จากนี้ไปข้าขอกินทุกวันได้หรือไม่”
ซูเสี่ยวหว่านหัวเราะ “เด็กโง่ ไม่ว่าอาหารจะอร่อยสักแค่ไหน ถ้ากินทุกวันก็เบื่อได้ อีกอย่าง ต่อไปพวกเราจะมีอาหารที่ดีกว่านี้”
เสี่ยวหานเลียริมฝีปาก "ยังมีที่อร่อยกว่านี้อีกหรือขอรับ"
“มีอยู่แล้ว ต่อไปแม่จะทำอาหารอร่อยๆ ให้เจ้ากิน”
ซูเสี่ยวหว่านตอบขณะตักมันฝรั่งนึ่งออกจากเตา
น้ำแกงเห็ดจะหอมอร่อยแค่ไหนก็กินไม่อิ่ม ที่บ้านมีอาหารหลักไม่เพียงพอ แต่โชคดีที่วันนี้นางขุดมันฝรั่งได้หลายลูก สามารถใช้เป็นอาหารหลักได้
ซูเสี่ยวหว่านมีหลายวิธีในการทำมันฝรั่งให้อร่อยจนน้ำลายสอ แต่ตอนนี้เครื่องปรุงมีไม่เพียงพอ อย่างที่สองคือเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน และเสี่ยวหานก็หิวมานานแล้ว เพื่อความสะดวก จึงเลือกที่จะนึ่งกินเลย
โชคดีที่ไม่ว่าจะปรุงมันฝรั่งอย่างไร รสชาติมันก็ไม่แย่นัก นำไปนึ่งให้สุกนิ่มและโรยด้วยเกลือ ก็สามารถใช้เป็นอาหารหลักได้ อีกทั้งรสชาติก็ไม่เลวร้ายจนเกินไปด้วย
แต่สิ่งที่ซูเสี่ยวหว่านคาดไม่ถึงก็คือ เมื่อนางวางมันฝรั่งลงบนโต๊ะ เสี่ยวหานก็มีสีหน้าแปลกๆ
“ท่านแม่ นี่คืออะไรหรือ” ดวงตากลมโตของเสี่ยวหานเต็มไปด้วยคำถาม
ซูเสี่ยวหว่านตกตะลึง เอ่อ...คนในยุคนี้ไม่กินมันฝรั่งหรือ?
“เสี่ยวหานไม่รู้จักสิ่งนี้งั้นรึ?”
เสี่ยวหานส่ายศีรษะ
“ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย?”
เสี่ยวหานส่ายศีรษะต่อ
ในตอนแรกซูเสี่ยวหว่านตกใจก่อน จากนั้นก็ดีใจสุดๆ ในโลกนี้ยังไม่มีใครค้นพบมันฝรั่ง!
มันฝรั่งสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดีมาก สามารถปลูกได้ในหลายพื้นที่ และยังให้ผลผลิตสูง ด้วยเหตุนี้มันฝรั่งจึงกลายเป็นพืชอาหารที่สำคัญเป็นอันดับสี่ของโลก
นางได้เป็นคนแรกในโลกนี้ที่ค้นพบมันฝรั่ง โอ้สวรรค์! นี่หมายความว่าตอนนี้นางมีโอกาสที่จะมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นประวัติการณ์แล้วน่ะสิ
นางระงับความตื่นเต้นในใจ ซูเสี่ยวหว่านปอกเปลือกมันฝรั่ง โรยเกลือแล้วส่งให้เสี่ยวหาน
“ในเมื่อเสี่ยวหานไม่เคยเห็นมาก่อน เช่นนั้นให้เจ้าลองชิมก่อน นี่เรียกว่ามันฝรั่ง เรียกอีกอย่างว่ามันใต้ดิน สามารถใช้เป็นอาหารหลักได้ เร็ว มาลองชิมดูสิว่ารสชาติดีหรือไม่”
เสี่ยวหานกัดเข้าไปคำหนึ่ง เพราะมันยังร้อนอยู่ จึงเป่าลมออกมาไม่หยุด "อึ้ม นุ่มนิ่มอร่อยมากขอรับ ถึงอย่างไรก็ดีกว่าเปี๊ยะถั่วแข็งๆ พวกนั้นมาก"
ซูเสี่ยวหว่านลูบศีรษะของเสี่ยวหานแล้วพูดว่า
"มันฝรั่งมีวิธีการปรุงมากมายหลายวิธี วันหลังแม่จะลองปรุงแบบอื่นดู รับรองว่ามันจะอร่อยติดลิ้นเจ้า"
หลังจากรับประทานอาหารแล้ว ซูเสี่ยวหว่านก็เริ่มจัดการสิ่งที่นางได้กลับมาในวันนี้
เห็ดกองใหญ่ ผักป่าครึ่งตะกร้า และสมุนไพรมากมาย
เสี่ยวหานก็ช่วยจัดเก็บให้เรียบร้อย เห็ดและผักป่าถูกจัดเก็บจนเสร็จอย่างรวดเร็ว แต่สมุนไพรนั้นค่อนข้างจัดการได้ยาก
ซูเสี่ยวหว่านคิดที่จะหากระดาษและพู่กันมาจดสมุนไพรที่ได้รับกลับมาในวันนี้ ซึ่งประการแรกจะทำให้ง่ายต่อการทราบว่ามีสมุนไพรอะไรบ้าง และประการที่สอง เมื่อขายสมุนไพรเหล่านี้ออกไปก็จะทำให้สะดวกในการคำนวณราคา
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าที่บ้านไม่มีพู่กันและกระดาษเลย
เมื่อเห็นว่าซูเสี่ยวหว่านเหม่อ เสี่ยวหานจึงดึงแขนเสื้อของนางแล้วพูดว่า "ท่านแม่ ท่านเป็นอะไร? วันนี้เหนื่อยเกินไปใช่ไหมขอรับ? ถ้าเหนื่อยก็พักผ่อนก่อนเถิด"
ซูเสี่ยวหว่านส่ายหัว “แม่ไม่เหนื่อยหรอก แม่แค่คิดว่าจะหาพู่กันกับกระดาษได้จากที่ไหน”
“กระดาษกับพู่กันหรือ? ที่บ้านเราก็มีนะ”
“เอ๊ะ? อยู่ตรงไหน?”
“ข้าจะไปเอามา” เสี่ยวหานหันหลังกลับและวิ่งเข้าไปในห้องนอนเล็กๆ
ซูเสี่ยวหว่านตามหลังเสี่ยวหานไป ทันทีที่เข้าไปในห้องนอน ก็เห็นเสี่ยวหานเปิดตู้ที่อยู่ตรงมุมห้องอย่างง่ายดาย และหยิบกล่องออกมาจากช่องลับ
“ท่านแม่ พู่กันกับกระดาษอยู่นี่”
ทันทีที่เปิดกล่อง ก็เห็น พู่กัน น้ำหมึก กระดาษ และแท่นฝนหมึกที่อยู่ด้านในถูกจัดเรียงอย่างเรียบร้อย และกระดาษทั้งหมดก็ถูกตัดและใส่ลงในกล่องอย่างพอดิบพอพอดี
"นี่..."
“ทั้งหมดนี้เป็นของท่านพ่อ”
ก่อนที่ซูเสี่ยวหว่านจะถาม เสี่ยวหานก็ได้ไขข้อสงสัยให้นางแล้ว
“ท่านพ่อบอกว่า ของพวกนี้ไม่สะดวกจะให้คนนอกเห็น จึงถูกวางไว้ในจุดที่ค่อนข้างลึกลับ”
“เสี่ยวหานเขียนตัวอักษรได้ด้วยเหรอ?”
“อื้ม!” เสี่ยวหานพยักหน้าด้วยความภาคภูมิใจเล็กน้อย “ท่านพ่อเคยสอนข้า แต่ว่าข้าเขียนไม่ค่อยเก่ง”
ซูเสี่ยวหว่านหยิบกระดาษที่เขียนแล้วออกมาจากกล่อง ลายมือบนกระดาษนั้นยึกยือเล็กน้อย แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นลายมือเด็กเขียน การฝึกเขียนพู่กันไม่ใช่เรื่องง่าย เสี่ยวหานเพิ่งอายุเพียงสี่ขวบ สามารถเขียนได้ขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว
“เขียนได้ดีมากเลย ตอนนี้เสี่ยวหานยังเด็กอยู่ ในอนาคตถ้าฝึกฝนมากกว่านี้ เจ้าจะเก่งขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน”
เสี่ยวหานหยิบกระดาษอีกแผ่นออกมาจากกล่อง “ถ้าตั้งใจฝึกฝนให้ดีแล้วจะเขียนได้เหมือนท่านพ่อหรือไม่?”
“แน่นอน เสี่ยวหานจะเขียนได้ดีกว่าท่านพ่อแน่นอน”
เมื่อเสี่ยวหานได้รับคำชม ก็ยิ้มจนดวงตาโค้งกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยว "ถ้าอย่างนั้น ข้าจะไปช่วยท่านแม่เก็บข้าวของก่อน แล้วพรุ่งนี้จะเริ่มฝึกฝนให้ดี"
เสี่ยวหานออกไปแล้ว ซูเสี่ยวหว่านก็เปิดกระดาษที่เพิ่งหยิบออกมา
เห็นได้ชัดว่ากระดาษแผ่นนี้ใช้เพื่อสอนเด็กๆ คำที่เลือกมาเขียนในกระดาษก็เป็นคำที่ค่อนข้างง่าย
แม้ว่าจะเป็นคำง่ายๆ แต่ก็ดูเป็นระเบียบมีพลัง แสดงออกถึงความโดดเด่นไม่ธรรมดา ภายใต้ลายเส้นที่ดูเหมือนอ่อนโยนเบาบาง แม้จะดูเหมือนซ่อนเร้น แต่กลับซ่อนพลังที่แข็งแกร่งและดุดันเอาไว้ เมื่อถึงตอนสุดท้ายกลับแสดงพลังออกมาอย่างเต็มที่ เปรียบเสมือนคมดาบที่ถูกชักออกจากฝัก
มีคำพูดที่ว่าตัวอักษรก็เหมือนกับคน มองดูตัวอักษรเหล่านี้ ซูเสี่ยวหว่านมักจะรู้สึกเสมอว่าสามีจำเป็นของนางนั้นไม่ธรรมดาอย่างที่คิด
อย่างไรก็ตาม เจ้าของร่างเดิมและสามีจำเป็นเป็นเหมือนคนแปลกหน้าสองคนที่อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน แทบไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขาให้วิเคราะห์ได้เลย
เพียงแต่ เมื่อดูจากรูปลักษณ์ของหรงฮ่าว ก็ดูไม่เหมือนคนชนบทธรรมดา บางทีอาจเป็นคุณชายจากตระกูลที่ร่ำรวยพลัดมาอยู่ต่างถิ่นกระมัง
ช่างเถอะๆ ซูเสี่ยวหว่านส่ายหัว ขับไล่ความคิดยุ่งเหยิงในใจออกไป
เขาเป็นใครไม่เกี่ยวอะไรกับตัวเอง ถึงอย่างไรระหว่างทั้งสองก็ไม่มีความรักต่อกันและไม่มีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากันจริงๆ ตอนนี้ก็แค่อยู่ด้วยกันไปวันๆ เมื่อใดที่นางมีกำลังเพียงพอ ก็มีโอกาสสูงที่จะแยกทางกัน
นางไม่เคยคาดหวังว่าจะได้รับความรักและการแต่งงานที่ยุติธรรมจากบุรุษในสังคมศักดินานี้
พวกนิยายทะลุมิติข้ามภพอะไรพวกนั้น แค่อ่านเฉยๆก็พอ แต่เมื่อได้เผชิญกับมันจริงๆ ตื่นตัวและมีสติอยู่เสมอจะเป็นการดีกว่า
เป้าหมายหลักของนางตอนนี้คือการหาเงินให้มากๆ เมื่อมีเงินแล้วก็จะสามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระในโลกนี้ได้
ขุนเขาสูงแม่น้ำสวยยังรอให้นางไปชื่นชมอยู่ ความรักชายหญิงกินไม่อิ่มท้อง อย่างน้อยในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นี้นางไม่มีพลังงานเพียงพอที่จะคำนึงถึงปัญหาเหล่านี้
เช้าวันรุ่งขึ้น ทันทีที่น้ำแกงเห็ดของซูเสี่ยวหว่านหมดหม้อ แขกที่ไม่ได้รับเชิญกลุ่มหนึ่งก็มาที่บ้าน