บท
ตั้งค่า

บทที่ 11 ล้อเจ้าเล่น

ท้ายที่สุด คนที่นี่ไม่กินเห็ด การที่จะทำลายทัศนคติเดิมๆ นี้เป็นเรื่องยากมาก ตอนนี้นางไม่มีวิธีที่ดีในการขายเห็ด ดังนั้นนางจึงไม่สามารถหาเงินได้ไม่ว่านางจะเก็บเห็ดมากแค่ไหนก็ตาม แต่สมุนไพรไม่เหมือนกัน สิ่งนี้แสดงถึงผลตอบแทนที่จับต้องได้โดยตรง

ไม่ว่าจะในยุคสมัยไหน ยารักษาโรคล้วนสามารถนำมาซึ่งเงินและผลตอบแทน เพราะท้ายที่สุดแล้วไม่มีใครที่ไม่กลัวความตาย

ทั้งสองคนเดินมาครึ่งชั่วยาม ถึงหาสถานที่นั้นที่ซูหลิงพูดถึงพบ

ซูเสี่ยวหว่านมองไปรอบๆ หุบเขาหนึ่งรอบ ในใจรู้สึกตื่นเต้นทันที

หุบเขาแห่งนี้คือขุมสมบัติอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่มีสมุนไพรเช่นต้นพระจันทร์ครึ่งซีกจำนวนมาก ยังมีผูกงอิงและต้าชิงเย่ ซึ่งสามารถใช้ขจัดความร้อนและล้างพิษได้ ซานต้าเหยียนซึ่งสามารถช่วยขจัดสารพิษและส่งเสริมการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ และเสอฉวงจื่อซึ่งสามารถฆ่าแมลงและบรรเทาอาการคัน

“หลิงเอ๋อร์ เจ้าค้นพบหุบเขาแห่งนี้ได้อย่างไร ที่นี่มีสมบัติมากมายเพียงนี้ เหตุใดเมื่อก่อนจึงไม่มีคนมาเก็บ?”

“ตำแหน่งของหุบเขานี้ค่อนข้างซ่อนเร้น มีเพียงต้องผ่านถนนสายเล็กจากหมู่บ้านของเรามาเท่านั้น ไม่มีทางเข้ามาจากทิศทางอื่น”

ซูหลิงขมวดคิ้วและทอดสายตามองไป “ที่นี่ไม่มีผักป่าอะไร แถมข้ายังได้ยินด้วยว่าที่นี่มีงู กับสภาพของหมู่บ้านเราเช่นนี้ ย่อมไม่มีใครมา”

ซูเสี่ยวหว่านมีความสุขมาก และรู้สึกขอบคุณที่ชาวบ้านของหมู่บ้านอันหนิงไม่เข้าใจเรื่องสมุนไพรจริงๆ

“ข้าจะเก็บเจ้านี่ หลิงเอ๋อร์ เจ้าไปช่วยข้าเก็บผูกงอิงตรงนั้นทีนะ จำไว้ว่าต้องเก็บมันทั้งต้น เอาเฉพาะที่ยังไม่บาน ส่วนที่บานแล้วเหล่านั้น เจ้าสามารถเป่ามันเล่นได้”

ซูหลิงขมวดคิ้ว “ท่านพี่ เวลาเช่นนี้แล้ว ท่านก็เลิกคิดเรื่องเล่นได้แล้ว”

ซูเสี่ยวหว่านขบขัน "เด็กโง่ ผูกงอิงเองก็เป็นสมุนไพร คิดไม่ถึงว่า ที่นี่จะมีเยอะขนาดนี้ ทำให้เก็บได้สะดวกขึ้นมาก"

“ผูกงอิงเป็นสมุนไพรด้วยหรือ?” ซูหลิงตกใจแล้ว “แต่เมื่อก่อนเราล้วนใช้เป่าเล่นกัน ถ้านี่เป็นสมุนไพร เมื่อก่อนเราจะเสียเงินไปมากแค่ไหน ท่านพี่ ท่านต้องสอนข้าแยกแยะสมุนไพรนะ”

“ได้สิ แต่ข้าเองก็ไม่ได้รู้จักมันทั้งหมด ทำได้แค่รู้จักเท่าไหร่สอนเท่านั้นแล้ว”

“เท่านี้ก็ร้ายกาจมากแล้ว อีกอย่างรอพี่เขยกลับมา ท่านยังสามารถเรียนรู้จากเขาเพิ่มเติม ถึงตอนนั้นท่านค่อยมาสอนข้าใหม่”

พี่เขย

ทุกครั้งที่ซูหลิงเอ่ยสองคำนี้ ซูเสี่ยวหว่านก็รู้สึกแปลกหน้าเหลือจะกล่าว

สาเหตุหลักมาจากนางได้รับบาดเจ็บก่อนที่จะแต่งงานกับเขา ดังนั้นจึงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับรายละเอียดการใช้ชีวิตระหว่างพวกเขาทั้งสองคนเลย

ทั้งสองยังแยกกันอยู่มาโดยตลอด ดังนั้นระหว่างสามีจำเป็นของนางคนนั้นกับนางจึงไม่มีการสื่อสารกันสักนิด คิดดูก็ใช่ คงไม่มีคนปกติที่ไหนยินดีสื่อสารกับคนบ้าหรอก

อย่างไรก็ตาม นางยังคงรู้สึกว่าสามีจำเป็นของตัวเองคนนั้นช่างจิตใจโอบอ้อมประดุจพระโพธิสัตว์

ไม่ต้องพูดถึงในสมัยโบราณ แม้แต่ในสังคมยุคปัจจุบัน การที่ในบ้านมีคนบ้า โง่และไร้ความสามารถอยู่ สำหรับทั้งครอบครัวแล้วก็นับว่าเป็นภาระอย่างหนึ่ง

ยิ่งไปกว่านั้น สามีคนนี้ของนางในตอนนั้นยังไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับนางด้วย เขารับนางที่เป็นคนแปลกหน้าเข้ามาอย่างไม่เห็นแก่ตัว ย่อมใจดีเหมือนพระโพธิสัตว์ไม่ใช่หรือ?

“ท่านพี่ แบบนี้ได้ไหม?”

ซูหลิงถือผูกงอิงสองสามต้นไว้ในมือแล้ววิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าซูเสี่ยวหว่าน

“ยัยเด็กโง่ ไม่จำเป็นต้องถอนมาทั้งต้น แค่เด็ดใบด้านนอกก็พอแล้ว เช่นนั้นแล้วใบที่อยู่ข้างในยังคงเติบโตได้ ผ่านไปช่วงหนึ่งยังสามารถเก็บมันได้ใหม่ ตอนนี้ยังเร็วเกินไป รอถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วงแล้วค่อยถอนทั้งต้นออกมา เช่นนี้จึงจะสามารถใช้คุณค่าของมันได้อย่างเต็มที่ที่สุด”

“เป็นเช่นนี้” ซูหลิงพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “ข้าเข้าใจแล้ว”

เมื่อเห็นท่าทางที่ระมัดระวังของนาง ซูเสี่ยวหว่านก็รู้สึกขบขันเล็กน้อย "เมื่อก่อนตอนที่เป่ามันเล่น ก็ไม่เห็นเจ้าจะระมัดระวังขนาดนี้"

“ไอ้หยา มันไม่เหมือนกัน ตอนนั้นข้าไม่รู้ว่านี่คือเป็นสมุนไพร”

ซูหลิงเหลือบมองซูเสี่ยวหว่าน ท่าทีดูอึกอักเล็กน้อย

“อยากพูดอะไร?”

ยัยเด็กซูหลิงคนนี้ไม่มีความคิดลึกซึ้งอะไร ดังนั้นความคิดทั้งหมดจึงแสดงออกทางสีหน้า ซูเสี่ยวหว่านมองปราดเดียวก็เข้าใจได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

“ท่านพี่ ที่ข้าอยากจะพูดก็คือ วันหน้าท่านอย่าพูดไม่ดีเกี่ยวกับเหยาเจินคนนั้นอีกเลย”

ซูเสี่ยวหว่านขมวดคิ้ว "เจ้าคิดว่าที่ข้าบอกว่านางผลักข้าลงจากภูเขา ข้ากำลังพูดโกหกอยู่?"

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ!”

ซูหลิงส่ายหัวพรืด “ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น ข้าเชื่อทุกสิ่งที่ท่านพูด ข้ารู้มานานแล้วว่านางไม่ใช่คนดีอะไร พวกท่านสองคนออกไปด้วยกัน เดินเส้นทางภูเขาเดียวกัน นางกลับมาอย่างปลอดภัยโดยที่บนตัวไม่มีแม้แต่คราบสกปรก แต่ท่านกลับกลิ้งตกลงไปจากเขา มันจะเป็นไปได้อย่างไร”

“ข้ารู้สึกมานานแล้วว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง” ซูหลิงพูดอย่างโกรธแค้น “ต่อมาท่านถูกเด็กๆ ในอำเภอขว้างก้อนหินใส่ ข้าเคยจับหนึ่งในพวกเขามาถาม พวกเขาบอกว่าเป็นเหยาเจินที่สั่งให้พวกเขาทำแบบนี้ บอกว่าขอแค่ปาก้อนหินใส่ท่าน ก็จะให้ลูกกวาดกับพวกเขา”

ซูเสี่ยวหว่านหรี่ตาลง ที่แท้ก็ยังมีเรื่องเช่นนี้อยู่ด้วย เมื่อก่อนนางไม่รู้อะไรสักนิดเดียวจริงๆ

ซูหลิงหยิบพลั่วแล้วแทงต้นหญ้าต้นหนึ่งข้างหน้า ราวกับว่าต้นหญ้านั้นคือเหยาเจิน

“ข้าเคยพูดนานแล้วนางไม่ใช่คนดีอะไร ท่านก็ไม่เชื่อ”

ซูเสี่ยวหว่านพูดไม่ออกเล็กน้อย เจ้าของร่างเดิมมองเหยาเจินว่าเป็นสหายที่ดีที่สุด เมื่อก่อนจึงไม่เคยสงสัยในอุปนิสัยของเหยาเจิน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้าของร่างเดิมจะตาบอดจริงๆ

หลังจากระบายอารมณ์กับต้นหญ้าต้นนั้นไปแล้ว ซูหลิงก็ถอนหายใจด้วยความท้อแท้

“แต่ถึงนั่นจะเป็นเรื่องจริง ตอนนี้ก็ไม่มีใครเชื่อพวกเรา คนในหมู่บ้านล้วนคิดว่านางจะได้เป็นฮูหยินจวนขุนนาง สูงศักดิ์กว่าพวกเรามาก ข้ารู้ว่าท่านแค้นเคือง แต่ตอนนี้เราก็ทำได้แค่ทนเท่านั้น"

ซูเสี่ยวหว่านประหลาดใจเข้าแล้วจริงๆ เด็กคนนี้เป็นเด็กน้อยที่ไม่รู้ความในภาพความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมมาโดยตลอด นั่นเป็นสาเหตุที่เจ้าของร่างเดิมไม่เคยคิดที่จะพึ่งพาน้องสาวแท้ๆ คนนี้

คิดไม่ถึงเลยว่า น้องสาวของนางคนนี้จะเข้าใจถึงความสำคัญของการอดทนอดกลั้นตั้งแต่อายุยังน้อยๆ

พูดจบ ซูหลิงก็ดึงต้นหญ้าตรงหน้าอย่างแรงสองครั้ง

ซูเสี่ยวหว่านถอนหายใจ "เลิกดึงได้แล้ว เจ้าทำลายสมุนไพรไปสองต้นแล้ว"

“อ๋า?” ซูหลิงชะงักกึก กำพลั่วในมือแน่นโดยไม่รู้ตัว ด้วยกลัวว่าตัวเองจะไม่ระวังแล้วไปทำลายสมุนไพรต้นอื่นๆ อีก “นี่ก็เป็นสมุนไพรด้วยหรือ!”

“ใช่ นี่เรียกว่าต้าชิงเย่ สามารถขจัดความร้อนและล้างพิษได้”

ซูหลิงก้มมองสมุนไพรซึ่งสภาพไม่เหลือซากแล้วที่อยู่บนพื้น และถามอย่างระมัดระวังว่า "แพงหรือไม่เจ้าคะ"

ซูเสี่ยวหว่านตีหน้าเคร่งขรึมและพูดว่า "แพงมาก"

“จริงหรือ?” ดวงตาของซูหลิงเบิกกว้าง ใบหน้านางเต็มไปด้วยความปวดใจ "แพงมากเพียงใดกัน? ไอ้หยาท่านพี่ ทำไมท่านถึงไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้!”

ซูเสี่ยวหว่านอดไม่ได้ส่งเสียงหัวเราะออกมา

"ข้าล้อเจ้าเล่นน่ะ มันเป็นแค่สมุนไพรธรรมดา ไม่ใช่โสมอะไรสักหน่อย"

“ฮู่ว!” ซูหลิงผ่อนลมหายใจออก “ท่านพี่ ท่านก็รู้แต่ขู่ให้ข้าตกใจ”

“รีบขุดเถอะ เจ้าเองก็กลับไปเย็นนักไม่ได้”

“อื้ม!” ซูหลิงพยักหน้า และเริ่มมีสมาธิกับการทำงาน

ทั้งสองคนเก็บกันได้เยอะมาก ซูหลิงยังขุดผักป่าบริเวณใกล้หุบเขาไปอีกไม่น้อย ซูเสี่ยวหว่านไม่เพียงแต่ขุดสมุนไพรได้เป็นจำนวนมากเท่านั้น ยังได้เห็ดป่าไปอีกครึ่งตะกร้าใหญ่

ซูเสี่ยวหว่านรู้สึกมีความสุขมาก หลายวันนี้ไม่กินอาหารหลัก มีเห็ดพวกนี้ก็ทำให้อิ่มท้องได้แล้ว

โชคดีที่อีกสองวันก็จะมีตลาดนัดที่ตั้งขึ้นทุกๆ เจ็ดวันครั้งในอำเภอเป่ยซี นางอาศัยจังหวะนี้หาสมุนไพรให้เยอะขึ้นอีกหน่อย แล้วเอาไปแลกเป็นเงินที่ตลาด

ทั้งสองกลับมาจากหุบเขาเล็กๆ ก็เย็นมากแล้ว ซูหลิงไม่มีเวลากลับไปเป็นเพื่อนซูเสี่ยวหว่าน ก็รีบร้อนสาวเท้ากลับไปที่ตระกูลซู

เดิมทีซูหลิงคิดว่าวันนี้ตัวเองขุดผักป่าได้มากมาย แม้จะกลับบ้านเย็นสักหน่อยก็ไม่น่าจะถูกดุ คิดไม่ถึงว่าประโยคที่ว่า 'เรื่องไม่เป็นดังใจหวัง' นี้ มิใช่เพียงคำพูดลอยๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel