บทที่ 3 ไก่บินสุนัขกระโดด (2/2)
ยังไม่ทันที่หนิงอันจะพูดจนจบประโยค เสียงทุ้มดุดันของชายวัยกลางคนก็เดินองอาจเข้ามาในเรือนด้วยท่าทางแห่งการวางอำนาจ ชายผู้นั้นเริ่มมีอายุจนเรือนผมปรากฏสีที่สองขึ้นมาแล้ว และคงไม่ใช่ใครที่ไหน คงเป็นบิดาเหนือเกล้าเหนือหัวของเหลียงซานซานนี่เอง
“เจ้าค่ะ ท่านพ่อ ข้าอยู่นี่เจ้าค่ะ” ซานซานชะเง้อคอมองก่อนจะเอ่ยเสียงเรียกผู้เป็นบิดาอยู่บนเตียงนอนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เพียะ
แต่ชายผู้นั้นหาได้มีความปราณีให้กับบุตรีเลยแม้แต่นิด เมื่อก้าวเท้าผ่านพ้นบานประตูเรือนเข้ามา ผู้เป็นบิดาก็เดินปรี่เข้ามายังเตียงนอนในทันที ก่อนจะฟาดมือหนาลงน้ำหนักอย่างแรงลงบนใบหน้าแช่มช้อย
เพื่อเป็นการทักทายในครั้งแรกพบของซานซาน ‘ก็ดีนี่ เจอหน้ากันครั้งแรกก็โดนตบเลยนะซานซาน’
“เจ้าถือดีอย่างไร มาทำการต่ำช้าเช่นนั้นกับแม่เล็กและน้องสาวของเจ้าเช่นนั้น”
ผู้เป็นบิดาสาดคำด่าทอต่อจากการฟาดมือโดยไม่มีจังหวะการพักหายใจ มิหนำซ้ำยังถูกผสมโรงเมื่อแม่เลี้ยงใจร้ายกับน้องสาวตัวดี
เดินร้องไห้สะอื้นปาดน้ำตาตามเข้ามาในเรือน ‘ไม่ว่าโลกไหนก็หนีการละครไม่พ้นจริง ๆ’
“แล้วเหตุใดท่านพ่อไม่ถามนางบ้างเล่าเจ้าคะ ว่านางพาข้าไปที่เรือนท้ายจวนด้วยสาเหตุอันใด”
ซานซานตอบกลับบิดาด้วยสายตาแข็งกร้าว เวลานี้ชายตรงหน้าเป็นเพียงสายเลือดจอมปลอมของซานซานเท่านั้น เขาไม่ใช่บิดาของนาง นางจะไม่มีวันโดนคนในเรือนนี้รังแกดังเช่นซานซานคนก่อนเป็นแน่
“ท่านพี่ อย่าต่อว่านางเลยนะเจ้าคะ ข้าผิดเองที่อยากเป็นมารดาของนาง” ว่าแล้วแม่เลี้ยงก็สวมบทน่าสงสารขึ้นมาทันที
“เจ้าไม่ใช่ท่านแม่ข้า เลิกเสแสร้งได้แล้วกระมัง นังคนเจ้าเล่ห์” ซานซานอดต่อปากต่อคำไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าแห่งการละครเช่นนั้น
เพียะ
“เลิกทำกิริยาต่ำช้าเสียที ซานซาน!”
ใบหน้าเล็กหันสะบัดไปตามแรงของฝ่ามือที่ฟาดเข้าใบหน้าอีกครั้ง โลหิตสีแดงสดไหลรินจากมุมปาก ใบหน้าแช่มช้อยรู้สึกชาไปทั่วทั้งใบหน้า แรงที่ฟาดลงมาไม่ได้มีความแผ่วเบาหรือการยั้งมือเลยสักนิด
เขาต้องเป็นบิดาเช่นไรกัน ถึงได้ลงมือกับผู้เป็นบุตรีรุนแรงถึงเพียงนี้ มิหนำซ้ำนางยังเป็นบุตรีของฮูหยินใหญ่ที่ตัวเขาเองเคยรักเป็นนักหนามิใช่หรือ
“เช่นนั้นพวกท่านก็เลิกยุ่งกับข้าเสียที เชิญใช้ชีวิตของพวกท่านไปเถอะ อย่าได้มายุ่งกับข้า!”
เสียงเล็กของซานซานตะโกนเสียงดังจนลั่นเรือน เสียงเล็กกระเซ่าเล็กน้อย หยาดน้ำตาแห่งความเจ็บไหลออกจากดวงตากลมโตเป็นสาย
นางรู้สึกสงสารเจ้าของร่างเดิมจับใจ และเข้าใจดีแล้วว่าเหตุใดซานซานถึงได้เลือกจบชีวิตของตัวเองลงอย่างง่ายดายเช่นนี้
“ปีกกล้าขาแข็งแล้วเช่นนั้นรึ ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะอยู่ในเรือนนี้ต่อไปเช่นไรซานซาน” ผู้เป็นบิดาหันหลังให้ ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ไม่คิดว่าผู้เป็นบิดาจะพูดมันออกมา
“ท่านพี่ อย่าใจร้ายกับลูกเลยนะเจ้าคะ”
แม่เลี้ยงเกาะแขนผู้เป็นสามี จีบปากจีบคอพูดจาแต่หันใบหน้ามาแสยะยิ้มราวกับเยาะเย้ยให้กับซานซาน
“ท่านพ่อ ท่านอย่าใจร้ายกับท่านพี่เลยนะเจ้าคะ ท่านพี่คงไม่ได้ตั้งใจจะกลั่นแกล้งพวกเรา” เขาว่ากันว่าลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้นดูท่าคงจะเป็นจริงดังที่เขาว่า
“นางไม่ให้พวกเราสนใจ พวกเจ้ายังจะสนใจนางอีกเช่นนั้นหรือ!”
ผู้เป็นบิดาตะคอกเสียงดังและเดินดิ่งออกจากเรือนไป ทำให้แม่เลี้ยงผู้นั้นดูเหมือนจะดีใจเป็นพิเศษ ที่เห็นนางถูกท่านพ่อต่อว่าอีกจนได้ และยังคงทำใบหน้ายิ้มเยาะราวกับสะใจเสียเต็มประดา
“ข้าล่ะดีใจจริง ๆ ในที่สุดท่านพ่อก็เห็นทาสแท้ของเจ้า ฮ่า” แม่เลี้ยงใจร้ายเดินมากระซิบใกล้ใบหูของซานซาน
“แล้วท่านอยากเห็นทาสแท้ของข้าบ้างหรือไม่ รับรองว่าเรื่องที่เรือนท้ายจวนจะดูเบา ๆ ไปเลย เอาหรือไม่?”
ซานซานส่งสายตากราดเกรี้ยว แวตาดุดันราวกับจะสังหารคนเพื่อคลายโทสะแห่งความโกรธจนสองแม่ลูกรีบพากันออกจากเรือนไปโดยไม่หันหลังกลับมามอง
จวนตระกูลเหลียงควรจะมีความสุขเมื่อมีฮูหยินใหญ่ผู้มีเมตตาเป็นผู้ดูแลเรือน แต่เพราะความมักมากของผู้เป็นบิดาไปคว้าสตรีแสนชั่วร้ายและมีจิตใจที่ดำมืดมาเป็นผู้ครองเรือน โดยไม่มองเลยว่าผู้ที่ตัวเองรับมาเป็นฮูหยินรองนั้นชั่วช้าเพียงใด
จวนนี้ถึงได้มีแต่ไก่บินสุนัขกระโดด [2] ช่างดูสับสนอลม่านและแสนวุ่นวายไร้ความสุขสงบเสียยิ่งนัก...