บทที่ 3 ไก่บินสุนัขกระโดด (1/2)
ซานซานเดินออกมาจากเรือนเก่าท้ายจวนด้วยท่าทางแช่มชื่นสบายอกสบายใจ ริมฝีปากบางสีแดงก่ำราวกับผลอิงเถา [1] เมื่อยามสุกงอมยิ้มยกมุมปากขึ้นด้วยความพึงพอใจ คนชั่วช้าเหล่านี้ต้องเจอกับคนอย่าง
เหลียงซานซานคงเหมาะสมที่สุด
มือเล็กประกบเข้าหากัน ก่อนจะแตะสัมผัสกันแล้วปัดไปมาเพื่อปัดเศษฝุ่นหนาที่ติดฝ่ามือให้หมดสิ้น
หนิงอันมองคุณหนูใหญ่ที่กำลังเดินยิ้มออกมาจากเรือนเก่าด้วยความฉงนสงสัย เหตุใดวันนี้คุณหนูของนาง ออกมาจากเรือนได้โดยปราศจากแผลฟกช้ำเช่นนี้
“คุณหนู เป็นอันใดหรือไม่เจ้าคะ?” หนิงอันเร่งรุดวิ่งเข้ามาหาในทันทีที่เห็นว่านางเดินออกจากเรือนเก่าหลังนั้นมาแล้ว
“ข้าบอกเจ้าแล้วอย่างไรว่าไม่ต้องเป็นห่วงข้า หลังจากนี้จะไม่มีผู้ใดรังแกข้าได้ เจ้าก็ไม่เชื่อ”
ซานซานเดินเข้าไปเกาะแขนของหนิงอันด้วยความสนิทสนม จากโลกใบเก่ามาสู่โลกใบใหม่ เห็นทีหนิงอันคงจะกลายเป็นสหายเพียงคนเดียวของนางแทนการเป็นแค่นายบ่าวเสียแล้วกระมัง
“คุณหนู ทำเช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ ข้าเป็นบ่าวผู้ใดเห็นเข้าคงจะไม่เหมาะ” หนิงอันรีบแกะแขนของนางออกราวกับว่ารังเกียจเป็นนักหนา
“ไม่! หลังจากนี้เจ้าคือสหายของข้าเข้าใจหรือไม่”
“ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่อยากเป็นสหายกับท่าน ข้าอยากเป็นบ่าวมากกว่าเจ้าค่ะ”
ไม่อยากเป็นสหายของข้า แต่อยากเป็นบ่าวมากกว่า ‘หนิงอันนี่ข้าดูแย่ถึงเพียงนี้เชียวหรือแม้แต่สหายข้า เจ้าก็ไม่อยากเป็น หรือข้าเป็นคนไม่ดี’ แต่ช่างเถอะบ่าวแล้วอย่างไร ถึงอย่างไรหนิงอันก็ต้องอยู่ข้างกายของนางตลอดเวลาอยู่ดี
เหลียงซานซานเดิมตามหนิงอันไปยังเรือนนอนของตัวเอง แต่เมื่อมาถึงนางก็ถึงกับต้องเบ้ปากและกรอกดวงตาไปมา ‘นี่น่ะหรือเรือนของคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเหลียง’ ช่างไม่ต่างอะไรกับเรือนของพวกบ่าวรับใช้เลยสักนิด
“หนิงอัน นี่คือเรือนของข้าเช่นนั้นหรือ?” ซานซานถามย้ำเพื่อยืนยันสิ่งที่เรียกว่าเรือนเบื้องหน้าอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
เรือนหลังเล็กดูเก่าและทรุดโทรมใกล้จะผุพังเต็มที ครอบครัวนี้แท้จริงเป็นเช่นไร ดูท่าแล้วนางคงได้มาสัมผัสต่อจากคุณหนูซานซานเจ้าของที่แท้จริงเสียแล้วสิ
แต่ไม่เป็นไรถึงเรือนของตัวเองจะไม่ค่อยน่าอยู่สักเพียงใด แต่ซานซานก็ยังคงเชื่อว่าการได้เกิดใหม่ในคราวนี้จะต้องมีเรื่องดีบ้างแหละนะ
“เจ้าค่ะ นี่เรือนคุณหนู แม้แต่เรือนนอนท่านก็จำไม่ได้ เวรของกรรมจริง ๆ เชียว” หนิงอันพึมพำเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายไร้ซึ่งความทรงจำราวกับเป็นคนละคนเสียอย่างนั้น
หนิงอันเดินนำเข้ามายังเรือนด้านใน แต่ทว่าด้านในกลับมีสภาพที่ดูดีกว่าภายนอกหลายเท่านัก ข้าวของเครื่องใช้ถูกจัดเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ ดูท่าแล้วซานซานคนเดิมคงจะเรียบร้อยน่าดู
“จะว่าไปภายในนี่ดูดีกว่าภายนอกมากเหลือเกินนะหนิงอัน”
“เจ้าค่ะ นี่เป็นเรือนเก่าของฮูหยินใหญ่ และคุณหนูก็เป็นคนเลือกที่จะอยู่เรือนหลังนี้เองเจ้าค่ะ”
“ข้า…ข้านี่นะ?” ซานซานชี้มือเข้าหาตัวเองเมื่อได้ยินสิ่งที่หนิงอันบอกกล่าว
“เจ้าค่ะ เป็นคุณหนูที่เลือกเองเจ้าค่ะ”
อันที่จริงนางคิดว่าเป็นความคิดของแม่เลี้ยงเสียด้วยซ้ำ ที่ไหนได้เป็นความคิดของซานซานผู้นั้นนั่นเอง ‘เจ้าช่างพอเพียงเหลือคณานักนะซานซาน’
“อ่า ข้าเข้าใจแล้ว” ซานซานตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“คุณหนูรอข้าประเดี๋ยวนะเจ้าคะ ข้าจะไปเอาของว่างมาให้เจ้าค่ะ”
ซานซานพยักหน้าให้กับหนิงอัน ก่อนจะเอนร่างบางระหงของตัวเองให้ราบไปกับเตียงนอน แม้จะไม่ได้อ่อนนุ่มเทียบเท่ากับโลกที่นางจากมาก แต่ทว่าก็ไม่ได้แย่มากจนถึงขั้นนอนลำบาก
เดินทางมาไกลแสนไกล กระแสน้ำไหลเชี่ยวทำให้ซานซานอ่อนแรงลงไปมาก ไหนจะต้องมาพบเจอกับแม่เลี้ยงใจร้าย ระหว่างรอขอให้นางได้พักเสียหน่อยก็ยังดี แพขนตางอนงามกระพริบถี่ก่อนจะปรือดวงตากลมจนปิดสนิทและหลับใหลเข้าสู่ห้วงความฝันอันแสนสงบ
สายลมแห่งวสันต์พัดโอนอ่อน พาดผ่านบานหน้าต่างเข้ามาภายในห้องจนให้ความรู้สึกที่เย็นสบาย ร่างบางขยับเล็กน้อยเพื่อปรับท่าทางให้นอนสบายมากยิ่งขึ้น ใบหน้างดงามหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข…แต่แล้ว…
“คุณหนู คุณหนู แย่แล้วเจ้าค่ะ!”
เสียงกระแทกเท้าตึงตังด้วยความถี่กระชิด เพียงแค่ฟังจากเสียงฝีเท้าที่ย่ำถี่ก็สามารถรับรู้ได้แล้วว่าผู้ที่เร่งรีบเข้ามามีเรื่องร้อนใจเพียงใด
เมื่อเสียงดังเข้าสู่โสตประสาท แพขนตางอนงามขยับขึ้นลงก่อนจะเปิดดวงตาหวาน เพื่อมองหนิงอันให้เต็มตา
“มีอันใดหรือ? เจ้าถึงรีบร้อนเช่นนี้”
“นายท่าน นายท่านกำลังจะมาเจ้าค่ะ!”
นายท่านที่หนิงอันว่าคงจะเป็นท่านพ่อของนาง บิดาสุดแสนประเสริฐผู้ยกยอปอปั้นและให้ท้ายตามใจเพียงฮูหยินรอง แล้วเกลียดชังบุตรีในไส้อย่างเหลียงซานซานราวกับว่านางเป็นเพียงบ่าวในเรือน
“แล้วอย่างไร?” ซานซานเอ่ยขึ้นด้วยนำเสียงราบเรียบ ดวงตาสีนิลดูสงบนิ่งจนมิอาจคาดเดา
“ก็ฮูหยินรองออกมาจากเรือนท้ายจวนได้แล้วยังไงเล่าเจ้าคะ นายท่านคงจะมาเอาเรื่องกับคุณหนูเป็น…”
“ไหน นังลูกไม่รักดีอยู่ที่ใดกัน”