บทที่ 2 เหลียงซานซานคนใหม่ (2/2)
ซานซานกำลังจะก้าวผ่านธรณีประตูบานใหญ่ด้านหน้าจวนเพื่อเข้าไปยังด้านใน กลับต้องถูกมือเรียวบางของหนิงอันดึงรั้งเอาไว้อย่างแรงจนนางแทบจะหงายหลัง
“เจ้ารั้งข้าไว้ด้วยเหตุอันใด”
หนิงอันส่ายหน้าไปมา ปากบางอิ่มเม้มเข้าหากันจนแทบจะเป็นเส้นตรง สายตากวาดไปมาราวกับมองหาใครสักคนด้วยท่าทีหวาดระแวง ก่อนจะเปิดปากพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“คุณหนู ท่านจะเข้าทางประตูหน้าไม่ได้เจ้าค่ะ ฮูหยินรองเคยสั่งเอาไว้”
“กับอีแค่ประตูบานเดียวเนี่ยนะ จะอะไรกันนักกันหนา แล้วข้าต้องไปเข้าประตูไหนกันเล่า”
“ทางนั้นเจ้าค่ะ”
หนิงอันชี้ไปที่ประตูบานเล็กด้านข้างของจวน แม้ว่าซานซานจะมาจากโลกปัจจุบันแต่ก็ไม่ใช่ว่านางจะไม่รู้เรื่องราวในยุคเก่า บานประตูที่หนิงอันชี้มือ เป็นบานประตูสำหรับบ่าวรับใช้เท่านั้น
นางเป็นถึงคุณหนูใหญ่ เหตุไฉนถึงได้ถูกรังแกและลดศักดิ์ศรีมากถึงเพียงนี้
“แต่วันนี้ข้าจะเข้าทางประตูบานนี้”
“คุณหนู! ท่านลืมแล้วหรือเจ้าคะว่าหากคุณหนูผ่านประตูบานนี้เข้าไปคุณหนูจะเจอกับอะไร” หนึงอันทำหน้าตกใจก่อนจะถลึงตามองคุณหนูของตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ
“แล้วอะไรล่ะ?”
“ฮูหยินรองจะจับท่านเฆี่ยน ก่อนจะมัดมือมัดเท้าแล้วเอาไปขังในห้องมืดของเรือนท้ายจวนอย่างไรเล่าเจ้าคะ”
ป่าเถื่อนถึงเพียงนี้ ซานซานชักอยากจะเห็นรูปโฉมของฮูหยินรองที่ทำตัวราวกับนางปีศาจเสียแล้วสิ
“ถึงอย่างไรวันนี้ ข้าก็จะเข้าประตูบานนี้เท่านั้น ไป ไปกัน”
ว่าแล้วซานซานก็ก้าวเท้าเพื่อข้ามผ่านบานประตูเข้ามายังด้านในของจวนอย่างไม่เกรงกลัว และไม่สนใจเสียงร้องเรียกห้ามปรามของหนิงอันเลยแม้แต่น้อย
“คุณหนู!”
เหลียงซานซานเข้ายังด้านในของจวน ก็ต้องพบเข้ากับเรือนหลังใหญ่โตในพื้นที่ที่กว้างขวาง และยังมีเรือนหลังเล็กอีกมากมายเป็นเครื่องแสดงความมั่งคั่งของเจ้าของจวนได้เป็นอย่างดี
แต่ในขณะที่เหลียงซานซานกำลังกวาดสายตาหวานฉ่ำมองสำรวจทุกสิ่งทุกอย่างภายในจวน เสียงหวีดแหลมก็ถูกส่งผ่านเข้าหูของนางจนอยากจะยกมือขึ้นมาปิดใบหู ถ้าไม่กลัวว่าจะเป็นการเสียมารยาท
ดวงตาหวานหยดปรายมองสตรีวัยกลางคนที่ย่างกรายมาพร้อมกับสตรีในวัยแรกแย้มด้วยท่าทางวางอำนาจ
“คุณหนูใหญ่ คำพูดแม่เล็กอย่างข้าเจ้าก็ไม่เชื่อฟังแล้วอย่างนั้นหรือ ช่างน่าเสียใจเหลือเกิน”
มือเล็กยกขึ้นเพื่อแสร้งว่าปาดน้ำตาแห่งความเสียใจ เมื่อลูกเลี้ยงของนางไม่เชื่อฟังนางอีกต่อไป
เหลียงซานซานสาดดวงตาสีนิลจับจ้องไปยังใบหน้าเล็กแหลมที่แต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉมจนเกินควร สวมใส่อาภรณ์อย่างดีสีม่วงเข้มปักลวดลายอย่างประณีต ไหนจะเครื่องประดับที่โหมประโคมปักลงบนมวยผมจนแทบจะหาเส้นผมไม่เจอ ‘ช่างน่าขำเสียยิ่งนัก’
“แค่เรื่องประตู เหตุใดท่านจะต้องโวยวายด้วยเล่า ประตูไหนก็เดินเข้าออกได้ด้วยกันทั้งนั้น” ซานซานตอบกลับ
“นี่ ท่านพี่ ท่านไม่ให้เกียรติท่านแม่ของข้า ข้าจะฟ้องท่านพ่อ!”
สตรีร่างบางในอาภรณ์สีแดงเข้ม กระแทกเสียงเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางตะบึงตะบอน การแต่งกาย การประทินโฉม และเครื่องประดับราวกับลอกเลียนผู้เป็นมารดามาทุกระเบียดนิ้ว แป้งผัดหน้า มันหนาจนซานซานแทบจะกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ มีใครเคยบอกสองคนแม่ลูกคู่นี้หรือไม่ว่ามันไม่ได้ดูงามเลยสักนิด แต่ทว่าดูไปดูมากลับคล้ายก้นหลิงเสียมากกว่า
“เอะอะ ๆ ก็ฟ้อง เช่นนั้นก็แล้วแต่ท่านเลยนะเจ้าคะ”
“ซานซานเจ้าท้าทายอำนาจของข้ามากเกินไปแล้วกระมัง”
ว่าแล้วท่านแม่เลี้ยงก็เดินปรี่เข้ามาหาซานซานก่อนจะคว้าข้อมือเล็กกิ่วของนางและจิกกรงเล็บลงไปสุดแรง ซานซานได้แต่ขบกรามแน่นด้วยความโกรธแต่ก็ยังปล่อยให้แม่เลี้ยงจอมปลอมของนางกระทำต่ออย่างได้ใจ
“โอ๊ย ข้าเจ็บนะ!” ซานซานแสร้งร้องว่าเจ็บเสียเต็มประดา
“พานางไปขังไว้เรือนท้ายจวนเดี๋ยวนี้!”
เมื่อแม่เลี้ยงผู้มีศักดิ์เป็นฮูหยินรองของจวนออกคำสั่ง มีหรือบ่าวในจวนจะไม่กล้าทำตามคำสั่ง บ่าวชายร่างหนาสองคนเดินเข้ามาหาซานซานก่อนจะจับนางเอามือไขว้หลังและมัดเอาไว้ด้วยเชือกเส้นหนา ก่อนจะพาตัวของซานซานไปยังเรือนที่อยู่ท้ายจวน
“คุณหนู ข้าบอกคุณหนูแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ เพราะท่านไม่ฟังคำของข้าถึงได้ต้องเจ็บตัวเช่นนี้” หนิงอันเดินขนาบข้างของซานซานไปยังท้ายจวนพร้อมกับแม่เลี้ยงใจร้ายและบ่าวชายของนาง
“ข้าไม่เป็นอะไรหรอกเชื่อข้าสิ” ซานซานขยิบตาส่งให้กับหนิงอัน ส่วนหนิงอันกลับทำหน้าตาพร้อมจะร้องไห้ออกมาในทุกเวลาเสียอย่างนั้น
ตุ้บบ
“พวกเจ้าออกไปให้หมด!” แม่เลี้ยงออกคำสั่งเสียงดังให้บรรดาบ่าวออกไปให้หมดไม่เว้นแม้กระทั่งหนิงอัน
“เหลียงซานซาน กิริยาเมื่อครู่ของเจ้านับว่าท้าท้ายข้ายิ่งนัก สิ่งใดทำให้เจ้าเหิมเกริมกับข้า บอกข้ามาสิ!” แม่เลี้ยงของเธอออกแรงบีบที่กรามของซานซานจนปวดร้าวไปทั่วทั้งใบหน้างาม
ซานซานแกะเชือกที่มัดมือออกได้ตั้งนานแล้ว ส่วนตอนนี้นางรอเวลาที่จะได้เอาคืนแม่เลี้ยงลูกเลี้ยงคู่นี้สักที เมื่อแม่เลี้ยงของนางมีจังหวะเผลอ ซานซานก็ไม่รอช้า ผลักแม่เลี้ยงให้ล้มลงไปกับกองฟางเปียกชื้นทันที
“นี่เจ้า!”
“ซานซานนี่ทำอันใดแม่ข้า”
เหลียงเซียนอี้น้องสาวที่แสนน่าชัง หมายใจจะผลักซานซานให้พ้นออกจากตัวมารดา เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้นนางจึงเลือกที่จะจัดการน้องสาวตัวดีก่อนจะดีกว่า อย่างน้อยเมิ่งเซียนหว่านหรือแม่เลี้ยงตัวร้ายที่เริ่มมีอายุ
การลุกนั่งค่อนข้างจะลำบาก เอาไว้จัดการทีหลังก็คงไม่สาย
ซานซานจัดการมัดเซียนอี้เอาไว้กับเสาเรือนและใช้ผ้าสภาพยับเยินราวกับผ้าขี้ริ้วสกปรกมัดปากของนางเอาไว้ ก่อนจะหันมาจัดการตัวมารดาอย่างเซียนหว่าน
“ปล่อยข้านะซานซาน! เจ้าแน่ใจแล้วหรือที่จะทำแบบนี้กับคนอย่างข้า” ท่านแม่เลี้ยงที่ถูกมัดตรึงเอาไว้กับเสายังคงโวยวายไม่เลิก
ซานซานหยิบผ้าสกปรกขึ้นมาอีกผืนก่อนจะบรรจงวางทาบลงไปบนปากสีแดงสดและมัดจนแน่น มือเรียวเล็กจับคางแหลมของเมิ่งเซียนหว่านก่อนจะบีบลงไปอย่างไร้ความปราณี เมื่อเห็นภาพซ้อนของซานซานยามถูกรังแก ทำให้เธอไม่ยั้งมือที่บีบลงไป
ดวงตาหวานหยดของเหลียงซานซาน ฉายแววความแข็งกร้านและเจ็บแค้นแทนเจ้าของร่างเดิมเป็นอย่างมาก รับรองได้เลยว่าเหลียงซานซานคนใหม่จะไม่มีผู้ใดรังแกได้อีกต่อไป
“ข้าไม่ใช่เหลียงซานซานที่เจ้าเคยรังแกอีกต่อไป และเจ้าก็ไม่ใช่ท่านแม่ของข้า เช่นนั้นอย่ามาสาระแนแทนตัวเองว่าแม่กับข้า!”