3
เสิ่นหยาพาชีเหนียงเที่ยวชมเมืองหยางอย่างสนุก เสิ่นหยาขอมารดาพาชีเหนียงนั่งรถลากไปที่โรงงิ้วที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก
ชีเหนียงแต่งกายด้วยชุดเดรสชีฟองสีชมพูอย่างน่ารัก เพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่วันแล้ว ที่เธอจะต้องแต่งกายเป็นบุรุษ เข้าโรงเรียนฝึกทหาร ทำให้เสิ่นหยาเห็นใจญาติตัวเอง กระนั้นจึงแต่งหน้าทำผมให้ชีเหนียงอย่างงดงาม เสิ่นหยาก็แต่งกายด้วยชุดเดรสชีฟองสีม่วง ทั้งสองลงจากรถลาก เข้าไปในโรงงิ้ว
ชีเหนียงมองละครงิ้ว ทำให้เธอนึกถึงมารดาอย่างอี้เจียว ชอบดูละครงิ้วมาก ไม่รู้ว่ามารดาจะคิดถึงเธอบ้างไหม
เสิ่นหยาเสียใจมากที่นางเอกงิ้วโดนนางร้ายสังหารจนตาย พอออกจากโรงงิ้วเสิ่นหยาเสียน้ำตาไปหลายหยดเสียจริง
ชีเหนียงยิ้มอย่างเอ็นดู จากนั้นทั้งสองเดินผ่านร้านตัดผมชายในย่านนั้น
เสิ่นหยามองญาติสาวของตัวเอง ที่เกิดมาต้องทำเพื่อคนอื่น เพราะพี่ชายฝาแฝดยังไม่ฟื้น ทำให้ชีเหนียงต้องมาทำหน้าที่นี้แทน
"เสี่ยวเหนียง เธออยากตัดผมรึไงยืนจ้องร้านตัดผมชายอยู่ได้" เสิ่นหยาถามญาติสาว ไม่ตัดวันนี้วันหน้าก็ต้องตัดอยู่ดี ชีเหนียงพลันคิดในใจ เธอมองเส้นผมที่งดงามเงางามของเธอ หากตัดไปใจหายน่าดู
"ต้องตัดอยู่ดี"
ชีเหนียงมองตัวเองในกระจกบานใหญ่ ช่างตัดผมให้เธอเสร็จแล้ว ใบหน้าเรียวแหลมเข้ากับทรงผมรองทรงยิ่งนัก จากนั้นพาเสิ่นหยาออกจากร้าน โดยไม่ลืมจ่ายเงิน โชคดีที่มีหมวกมาสวมใส่ ทำให้เธอไม่เป็นจุดสนใจ
"เสี่ยวเหนียงแมนมาเลย" เสิ่นหยาชมญาติสาว
"ขอบใจ" ชีเหนียงยิ้มให้เสิ่นหยา
กระนั้นเสิ่นมองนาฬิกาใกล้จะหกโมงแล้ว เธอต้องรีบกลับโรงแรม เพราะต้องไปช่วยงาน โรงแรมของชีหวานนั้นมีชั้นใต้ดิน การแสดงดนตรี เสิ่นหยาต้องเป็นพนักงานชงเหล้าให้แก่แขกมาใช้บริการ มารดาอย่างชีหวานสอนบุตรสาวดีมาก ให้ช่วยงานกิจการในโรงแรมอย่าได้ขี้เกียจเพราะเสิ่นหยาต้องสืบทอดกิจการต่อจากมารดา
ในยามราตรีมืดมิดชั้นใต้ดินโรงแรมตระกูลเสิ่น บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงเพลงอันไพเราะของนักร้องสาวคนดังของเมืองหยาง
อย่างเนี่ยหลิว ในยุคนี้ไม่มีผู้ใดไม่รู้จักนักร้องสาวพราวเสน่ห์อย่างเนี่ยหลิว เธอเป็นดาวเจิดจรัสยามอยู่บนเวที หญิงสาวพลันขับขานร้องเพลง
"ไวน์แดงหนึ่งแก้ว" ชีเหนียงแต่งกายเป็นบุรุษ สวมกางเกงขายาว สวมเสื้อเชิ้ตสีดาว มองเสิ่นหยาบริการลูกค้า
"ได้แล้ว" เสิ่นหยายิ้มอย่างอ่อนโยนให้เเขกเหรื่อมาใช้บริการผับใต้ดินของโรงแรม
ชายหนุ่มได้ไวน์แล้วเดินกลับไปที่ของเขา เสียงเพลงของเนี่ยหลิวช่างไพเราะนัก
"เสี่ยวหยา นักร้องสาวคนนั้นร้องเพลงเพราะนัก" แม้แต่ชีเหนียงยังเอ่ยชมไม่ขาดปาก แววตาที่ชีเหนียงมองเนี่ยหลิวเต็มไปด้วยความเสน่หา
แม้แต่ผู้หญิงด้วยกันยังชอบเนี่ยหลิวเลย
"แน่นอน เนี่ยหลิวเป็นเพื่อนของฉันอีกคน" แววตาชีเหนียงทอประกายขึ้นมาทันที
"จริงหรือ" ชีเหนียงเอ่ยออกมาด้วยความดีใจ หากเป็นเพื่อนของอีกฝ่าย ชีเหนียงต้องได้ใกล้ชิดกับเนี่ยหลิว
"เสี่ยวเหนียง เธอเป็นผู้หญิงนะ เธอมาในฐานะชีหยาง" เสิ่นหยาเอ่ยเตือนญาติสาว
ชีเหนียงลืมไปเลย
จู่ ๆ หน้าเวทีได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นมา เมื่อมีคนทะเลาะ เรื่องที่เนี่ยหลิวไม่ลงไปต้อนรับแขกเหรื่อ
"ฉันชอบอาหลิว แกมายุ่งอะไรด้วย" ชายอีกคนใบหน้าคมคาย ต่อว่าชายชุดดำ
"ฉันก็ชอบหล่อนเหมือนกัน" ชายชุดดำแต่งกายดูดีใบหน้าหล่อเหลานัก ปากคาบบุหรี่ไว้
"แกเป็นใคร พ่อฉันเป็นหมอในเมืองหยาง แกกล้ามีเรื่องกับฉันรึไง ไอ้ไก่อ่อน" แขกเหรื่อเห็นท่าไม่ดีรีบหลบหนีไปคนละทิศละทาง
เนี่ยหลิวใจคอไม่ดีหลบหลังเวที มองดูเหตุการณ์อย่างเงียบ ๆ
"แกตายเสียเถอะ" ชายที่อ้างตัวว่าเป็นลูกหมอยกเก้าอี้ขึ้นมา หมายจะทุบชายชุดดำ
"พี่ชาย ใจเย็นก่อน" ชีเหนียงเข้ามาห้ามสถานการณ์อันเลวร้ายนี้
"ไม่เกี่ยวกับแก อย่าเสือก" ชายลูกหมอไม่สนใจชีเหนียง ผลักชีเหนียงอย่างแรงจนเธอล้มไปกระแทกโต๊ะ
ชายชุดดำหันมาถามชีเหนียงแล้วประคองให้ลุกขึ้นด้วยความเป็นห่วง
"น้องชายเป็นไรมากไหม" ชีเหนียงส่ายหน้า แต่ทว่าเจ็บที่หลังอย่างมาก
"แกทำไมต้องทำร้ายคนอื่นด้วย" ชายชุดดำลากชายลูกหมอออกไปหน้าโรงแรม
"เสี่ยวเหนียง" เสิ่นหยารีบประคองญาติสาว ใบหน้าชีเหนียงไม่สู้ดีนัก เสิ่นหยาไม่คิดว่าชีเหนียงจะใจกล้าไปห้ามคนพวกนั้นชกต่อยกัน อันที่จริงในผับแห่งนี้ ไม่ใช่เกิดเรื่องวิวาทกันครั้งแรก มันเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ด้านหน้าโรงแรมชายอ้างตัวเป็นลูกหมอโดนชายชุดดำซัดไปหลายหมัดจนสลบลงไปกองกับพื้น
ฝูงชนต่างรายล้อมดู ทั้งสองชกต่อยกัน จนอีกฝ่ายนอนแน่นิ่ง เพียงไม่นานรถตำรวจมาที่โรงแรมตระกูลเสิ่น
ตำรวจล้อมชายชุดดำไว้ ใบหน้าและแววตาของเขาเฉยชาอย่างมาก
"ไปกับพวกเราเสียโดยดี" นายตำรวจมองหน้าชายชุดดำ
"ได้" เขายอมขึ้นรถไปกับตำรวจโดยไม่ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย ส่วนชายที่เป็นลูกหมอถูกหามตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน