6 ข้าไม่เคยทำร้ายผู้หญิง 1
“คุณชื่ออะไรคะ”
เสียงหวานปานระฆังแก้วที่ดังสอดแทรกเข้าไปในโสตประสาท ช่วยคลายความเครียดขมึงบนใบหน้าให้ลดน้อยลงไปพอสมควร ชายหน้าเข้มก้มลงมองหน้าหวานแฉล้มอีกครั้ง แววตาอ่อนโยนกว่าเดิม
“เรียกข้าว่าสาง”
ความกังวานในน้ำเสียง สะท้อนกลับไปมา นารีสะดุ้งร่างไหวเยือก คำว่าสางนั้นหมายถึงผีสาง หรือไม่ก็พวกเสือสาง ทำไมเขาต้องชื่อน่ากลัวหรือว่าเป็นเคล็ดลับอะไรบางอย่างที่สามารถทำให้ดำรงชีวิตอยู่ในป่าได้
“ฉันชื่อนารี นารีที่มีความหมายว่าผู้หญิง”
พยายามข่มความกลัวเอาไว้ พร้อมกับเอ่ยแนะนำตัวเองออกมา สางมองหน้าสวยหวานด้วยทีท่าเฉยชา ไม่รู้สึกรู้สาแต่อย่างใด
“นารี ข้าเพิ่งเคยได้ยินชื่ออย่างนี้”
“คุณคงไม่ค่อยพบปะกับผู้คนสักเท่าไหร่”
แม้รู้สึกเจ็บปวดตามเนื้อตัว แต่พยายามฝืนสนทนากับสาง เพื่อให้คลายความทรมาน ซึ่งการเดาสุ่มแบบนี้ไม่อาจได้รับคำตอบ เขาเงียบกริบ ไม่เอ่ยคำใดออกมานอกจากป้อนกล้วยสุกใส่ปาก ให้หญิงสาวกินช้าๆ
“นานแล้วที่ไม่ได้พบใคร แต่ถ้าข้าออกไปก็ไม่ธรรมดา เหมือนเช่นเมื่อวาน”
พูดทิ้งปมปริศนาให้ได้คิด นารีจ้องหน้าสางด้วยความสงสัย แต่เธอไม่อาจสู้ดวงตาคู่นั้นได้เลย ดูเหมือนมีพลังลึกลับดึงดูดให้อ่อนเพลียไปทั้งร่าง
“คุณออกไปพบผู้คนเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นถ้ำนี้อยู่ส่วนไหนของป่า”
“อยู่บนภูเขาสูงในป่าลึก ลึกมากจนไม่มีใครฟันฝ่าเข้ามาได้”
สิ้นคำบอกเล่าของสาง หญิงสาวใจหายกลัวว่าถ้าบิดาพาพรรคพวกออกตามหา แต่คงไม่พบ จากนี้ไปเธอจะออกไปจากถ้ำนี้ได้อย่างไร เพียงแค่คิดน้ำตาซึมออกทางหางตา นารีหวาดกลัวไปทุกสิ่งทุกอย่าง
“ร้องไห้รึ ร้องทำไม”
แม้ว่าสางจะเป็นบุคคลที่น่ากลัว แต่นารีปล่อยให้สางเอามือใหญ่หยาบเช็ดน้ำตาให้ ดูไปแล้วผู้ชายกลางป่าผู้นี้เอื้ออาทรแก่เธอเช่นกันไม่กระด้างเหมือนคำพูด
“ฉันคิดถึงพ่อ พ่อต้องออกตามหาฉันแน่ๆ”
“ที่นี่นอกจากป่าจะรกแล้วไข้ป่าก็ยังเยอะ อีกทั้งสัตว์ร้ายนานาชนิดมีมาก”
นารีขนลุกทั่วตัว เมื่อนึกถึงเสือเธอกลัวว่าพ่อจะต้องเผชิญหน้ากับมัน เสือดุร้ายน่ากลัวและกินมนุษย์เป็นอาหาร ความหวาดหวั่นเกิดขึ้นจนตัวสั่นสะท้าน หากว่าสางไม่มาเจอเธอนอนสลบอยู่กลางป่า ป่านนี้ร่างกายเธอคงถูกฉีกด้วยคมเขี้ยวจากเหล่าพยัคฆา
“ป่าแถบนี้มีเสือหรือเปล่า”
ถามด้วยเสียงสั่นๆ พอๆกับแววตาที่ไหวระริก เมื่อมองไปที่สางเห็นว่าตาวาวเรืองรองขึ้นมาทันที และหันหลังให้โดยเร็ว
“เจ้ากลัวเสือหรือ”
เขาถามเสียงเย็น โดยไม่ยอมหันมามองหน้าและเลิกป้อนกล้วยสุกแก่เธอไปโดยปริยาย หญิงสาวอยากจะลุกขึ้นนั่ง แต่ไม่สามารถทำได้มันเคล็ดขัดยอกไปทั้งตัว เวลานี้ห่วงบ้านห่วงพ่อกับแม่พวกท่านคงทุกข์ใจเมื่อรู้ว่าเธอถูกพายุหอบขึ้นฟ้า
“กลัวสิ เสือเป็นสัตว์กินเนื้อ กลัวพ่อจะได้รับอันตรายจากมัน คุณอยู่ในป่าอย่างนี้เคยเห็นมันบ้างไหม”
สางลุกขึ้นโดยเร็ว เขาเดินไปที่ปากถ้ำไม่ตอบคำถามเธอ เวลานี้ใกล้ค่ำลงไปทุกขณะ แต่ภายในถ้ำมืดสนิทแล้ว ทำให้นารีรู้สึกกลัว อยู่ในสถานที่แปลกไร้ซึ่งความปลอดภัย ไม่รู้ว่าบริเวณนอกถ้ำมีสัตว์ร้ายชนิดใดเดินป้วนเปี้ยน ถ้าเธอโผล่ออกไปคงไม่แคล้วที่จะตกเป็นภักษาหาร
“ข้าจะออกไปข้างนอก”
“ออกไปทั้งที่มืดไปอย่างนี้หรือ มันอันตรายนะ”
นารีห้ามเสียงหลง ไม่เพียงแค่กลัวว่าสางจะได้รับอันตรายจากสัตว์ร้ายเท่านั้น ถ้าเขาเป็นอะไรไป เธอจะกลับบ้านได้อย่างไร เวลานี้ต้องพึ่งสางให้ช่วยนำทาง เชื่อว่าเขาคงช่วยเธอได้
“เจ้าห่วงข้ารึไง”
“ห่วงและฉันเองก็รู้สึกกลัวเมื่อนอนอยู่คนเดียว ถ้าตัวอะไรเข้ามาล่ะ ฉันจะทำยังไง อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนเถอะนะ”
เธออ้อนวอนจนแทบจะกราบกราน แต่บุรุษกลางไพรไม่รับฟังแต่อย่างใด ร่างสูงใหญ่เดินไปที่ปากถ้ำ แต่ไม่วายที่จะหันมามองเธอ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงห้าวฮึก
“อยู่ที่นี่ไม่ต้องกลัวอะไร ไม่มีสัตว์ร้ายใดๆ กล้าทำร้ายเจ้าดอก นอนเสียเถอะพรุ่งนี้อาการเจ้าจะดีขึ้น”
ว่าแล้วเขาหายไปกับความมืดอย่างรวดเร็ว นารีกลัวจนตัวสั่น พยายามหลับตาเพื่อไล่ความหวาดหวั่นให้ออกพ้นไปจากหัวใจ แต่ไม่หายไปเสียที จนต้องท่องบทสวดมนต์อย่างที่เคยปฏิบัติก่อนนอนทุกวัน
ซึ่งก็ได้ผล หญิงสาวหลับไปในเวลาไม่ช้า โดยไม่รู้ว่าตรงปากถ้ำมีร่างของหญิงชายผู้หนึ่งคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด