สางกลางไพร
บทย่อ
สางกลางไพรเป็นนวนิยายแนวลึกลับ สยองขวัญและตื่นเต้น ผู้เขียนจะพาท่านไปผจญภัยกับอีกมิติหนึ่งซึ่งอยู่ด้านหลังม่านป่าดงดิบสีเขียวที่รกครึ้ม ภายในป่าดงดิบแห่งนั้น มีสิ่งที่เหนือความคาดหมายมากมาย ล้วนแต่น่ากลัวทั้งสิ้น หากว่าท่านเป็นผู้หนึ่งที่ชื่นชอบนวนิยายแนวตื่นเต้นลึกลับ และการผจญภัยในป่าดงดิบ สางกลางไพร จึงมีครบถ้วน นอกจากนี้ยังมีความรักหวานๆ จากหนุ่มสาวต่างเผ่าพันธุ์ ชะตาชีวิตได้ชักนำให้พวกเขามาพบกันอย่างแปลกประหลาดที่สุด เริ่มต้นความรักแบบไหนแล้วจบลงอย่างไร ติดตามอ่านกันได้แล้วค่ะ ภูต เภตรา
1 เธอถูกพายุหอบหายไปในป่าดงดิบ
หมู่บ้านดงตะพานมีอาณาเขตติดกับชายป่าดงดิบที่ความเจริญยังเข้าไม่ถึง ในภายในหมู่บ้านมีสมาชิกอยู่ประมาณห้าสิบกว่าหลังคาเรือน นอกนั้นเป็นพวกเร่ร่อนเข้ามาปลูกแล้วทิ้งบ้านให้ร้างก็มี แต่ไม่มีการสำรวจสำมะโนครัวอย่างจริงจัง ผู้ใหญ่บ้านคือคนที่ชาวบ้านช่วยกันเลือกเอาจากผู้ที่อาศัยอยู่นานกว่าคนอื่น
ผู้ใหญ่นาคเป็นผู้ที่มีฐานะดีกว่าใครๆ ด้วยวัยสี่สิบกว่าๆ ไม่แก่หรืออ่อนเกินไปสำหรับการปกครองในระดับท้องถิ่น ทุกๆ วันเขาจะเดินสำรวจดูความเรียบร้อยรอบๆหมู่บ้านโดยมีนารีลูกสาววัยกำดัดเดินตามหลังเป็นประจำ ความสวยของหญิงสาวทำให้หนุ่มๆ อยากจะสมานไมตรีด้วย แต่เธอไม่สนใจใครเพราะรู้ว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะคิดเรื่องการมีครอบครัว และวันนี้นารีถือตะกร้าไปจ่ายกับข้าวที่ร้านขายของชำประจำหมู่บ้าน
“นารีวันนี้เอ็งจะแกงอะไรให้ผู้ใหญ่กินล่ะ
ป้าหวานเจ้าของร้านของชำเอ่ยถามเมื่อเห็นนารี แวะเข้ามาซื้ออาหารสด เธอหวานจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นประกายวาววับ ทำเอาหนุ่มๆ ที่นั่งอยู่ในร้านเสียวปลาบในใจ
“แกงป่าเนื้อเก้งจ้ะ เมื่อวานมีคนปันมาให้ครึ่งกิโล”
เธอตอบเสียงใส พร้อมๆ กับมือเรียวเล็กเลือกผักที่วางเรียงรายอยู่บนแผง เนื้อสัตว์และผักเหล่านี้แม่ค้าออกไปซื้อจากตลาดที่อยู่ไกลออกไปเกือบห้าสิบกิโลเมตร และเอามาเก็บไว้ในตู้เย็นตามธรรมชาติที่หลายๆ บ้านทำกัน เรียกว่าตู้ถ่าน คือสร้างกระท่อมขึ้นมาแต่หลังเล็กมาก เอาไม้ไผ่ผ่าซีกทำเสาพื้นผนังหลังคาและมุงจากทับอีกชั้น ภายในใส่ถ่านหุงข้าวเอาไว้ แล้วพรมน้ำบ่อยๆ เมื่อต้องการเก็บอาหารก็เอาไปวางไว้บนก้อนถ่าน ความเย็นจากน้ำที่อยู่ในถ่านสามารถรักษาอาหารไม่ให้เน่าเสีย
หลังจากนารีเลือกผักได้ตามต้องการได้แล้ว ทำท่าจะยื่นเงินให้แม่ค้า จู่ๆ เกิดลมพายุหมุนคว้างมาแต่ไกล หอบเอาข้าวของปลิวม้วนขึ้นไปในอากาศ หญิงสาวเห็นดังนั้นได้คว้าจับตะกร้าเอาไว้แน่น เสียงป้าหวานตะโกนเตือนดังๆ
“นารี! หมอบลงกับพื้นเร็วเข้า เดี๋ยวพายุหอบไปกินหรอก”
“อะไรนะป้า”
“พายุหมุนน่ะสิ แรงเสียด้วย รีบหมอบลงไปแล้วจับเสาเอาไว้ด้วย”
นารีได้ยินดังนั้นไม่รอช้ารีบทรุดร่างหมอบลงที่พื้นมือจับเสาเอาไว้ หลับตาปี๋เมื่อได้ยินเสียงอู้จากลมพายุ เศษขยะฝุ่นฝอยปลิวว่อน ลมหมุนรอบๆ ตัวและหมุนเร็วแรงมากขึ้นจนเธอรู้สึกล้า แขนไม่มีกำลังที่จะจับต้นเสาอีกต่อไป หญิงสาวพยายามขืนตัวเอาไว้สุดกำลังเมื่อมือจวนจะหลุดออกจากที่ยึดเหนี่ยว ได้แต่ภาวนาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยให้รอดพ้นจากอันตราย
“พ่อจ๋าช่วยด้วย”
หญิงสาวกรีดเสียงเรียกให้บิดาช่วย เมื่อรู้ว่ามือที่จับเสาร้านของชำอ่อนแรงและหลุดออกไป ร่างบอบบางปลิวหวือขึ้นบนฟ้าแล้วม้วนหลายตลบ
“ช่วยด้วย!”
นารีกรีดร้องสุดเสียงพร้อมๆ กับสติดับวูบไปในทันที นานเท่านานที่จมอยู่กับความมืดโดยไม่รู้ว่าเรือนร่างตกอยู่ที่ใด นรกหรือสวรรค์