บท
ตั้งค่า

4 เนื้อไก่ดิบๆ

“ไม่ต้องกลัวหรอก ที่นี่ปลอดภัยทุกอย่าง ถ้าข้าไม่ช่วยเจ้าเอาไว้ ป่านนี้คงเป็นเหยื่อสัตว์ร้ายไปแล้ว นอนเฉยๆ เถอะ ข้าจะป้อนอาหารให้”

คำพูดแปลกๆ ของเขาทำให้นารีใจชื้น แม้ว่าไม่อาจจะมองเห็นหน้าชายเสียงก้องกังวาน แต่รู้ว่าคงเป็นคนที่มีจิตใจดี นอกจากจะช่วยให้เธอรอดพ้นจากคมเขี้ยวของสัตว์ป่าแล้ว เขายังออกไปหาอาหารมาให้รับประทาน ถ้ามีโอกาสอยากจะทดแทนบุญคุณให้เต็มที่

“ขอบคุณมากนะคะ”

“นะคะคืออะไร”

เขาถามด้วยความสงสัยต่อคำพูดที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน นารีมุ่นคิ้วโก่งเข้าหากัน ฉงนระคนแปลกใจ เหตุใดผู้ชายคนนี้จึงไม่รู้จักคำว่านะคะ หรือว่าเขาพำนักอยู่ในป่านานเกินไป โดยไม่ยอมออกไปพบปะกับบุคคลภายนอก หมู่บ้านที่เธออยู่ขึ้นชื่อว่าเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนพอสมควร แต่เขากลับอยู่ในสถานที่เร้นลับกว่าหลายเท่าตัว

กลิ่นสาบเมื่อครู่ค่อยๆ บรรเทาเบาบางลงบ้างแล้ว อาจจะเป็นเพราะชินต่อกลิ่นที่ได้รับ และรู้สึกว่ามีร่างใครบางคนนั่งลง เมื่อชำเลืองมองดูจึงเห็นว่าเป็นชายหนุ่มอายุประมาณสามสิบกว่าปี รูปร่างกำยำ เนื้อตัวเต็มไปด้วยมัดกล้าม เขาก้มลงมา เผยโฉมที่แท้จริง ใบหน้าค่อนข้างเหลี่ยมแต่คมเข้ม เต็มไปด้วยหนวดและเครา ทว่า ดวงตาคู่นั้นทำให้หญิงสาวเย็นเยือกไปทั้งร่าง ดูมีอำนาจแฝงด้วยความน่ากลัวอย่างประหลาด

“เป็นคำลงท้ายที่สุภาพของคนทั่วไป ส่วนผู้ชายจะพูดว่านะครับ”

แม้จะร้าวระบมไปทั่วทั้งเรือนร่าง แต่นารียังพอมีแรงที่จะอธิบายให้บุรุษลึกลับได้รับรู้ถึงภาษาที่ใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่งชายหนุ่มผู้มีกลิ่นกายแรงทำหน้าแปลกๆ นัยน์ตาเต็มไปด้วยคำถาม

“ข้าไม่เข้าใจที่เจ้าพูดหรอก”

เขาส่ายใบหน้าเหลี่ยมเคร่งขรึมไปมา เส้นผมที่ยาวเกาะกันเป็นกระเซิงพลอยสะบัดกวัดแกว่งตามไปด้วย ดูจากสภาพการสวมใส่อาภรณ์หุ้มกาย รู้ว่าเขาไม่เคยติดต่อกับบุคคลภายนอก

“คุณคงอยู่ที่นี่มานานแล้วสินะ”

หญิงสาวตั้งข้อสังเกตเพราะดูคล่องไปเสียทุกอย่าง เขามองหน้าสาวงามนิ่งๆ พลันตาวาวเรื่อเรืองขึ้น ราวกับมีแสงอะไรบางอย่างซุกซ่อนเอาไว้ภายใน

“ใช่ข้าอยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิด ไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอกชายป่า เจ้าคงเหนื่อยและหิวมากแล้ว เอาเถอะเจ้ากินไก่นี่เสีย”

กล่าวจบ มือใหญ่แข็งหยาบกร้านชูไก่ดิบๆ เหนือใบหน้า หญิงสาวตระหนกตกใจด้วยความหวาดผวา เมินหน้าหนี ไม่ต้องการที่จะเห็นเจ้าสัตว์ที่มีเรือนร่างปกคลุมไปด้วยขน เขาบ้าไปแล้วหรือ จะให้เธอกินไก่ดิบที่ไม่ผ่านขบวนการปิ้งย่าง

“คุณกินเนื้อไก่ดิบๆ หรือ”

ถามด้วยอาการกระอักกระอ่วนใจ และมีความรู้สึกว่าอาหารเก่าในท้องมันทำท่าจะขย้อนออกมาให้ล่วงพ้นจากลำคอระหง

“ใช่ ทำไมเจ้ากินไม่ได้หรือ”

ย้อนถามด้วยใบหน้าเรียบขรึม นารีเดาความคิดของผู้ชายคนนี้ไม่ออกว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไรกับเธอ ผู้หญิงพลัดถิ่นเขาได้ให้ความช่วยเหลือเพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม แต่ก็เข้าข้างตัวเองว่า คงไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น หากว่าเขาจะทำร้ายเธอ ป่านนี้คงไม่ช่วยเหลือเอาไว้ จนต้องมานอนแหมบอยู่ในถ้ำแห่งนี้

“ฉันไม่เคยกิน ที่บ้านฉันนะ ก่อนจะกินต้องเอาไปย่างไฟให้สุกเสียก่อน”

“ไฟ!”

เขาดูเหมือนตกใจต่อคำว่าไฟ ดวงตาฉายโรจน์ ด้วยความตกใจสุดขีด ถ้าตาไม่ฝาดจนเกินไป เธอเห็นแววตาสีเหลืองเรืองขึ้นในดวงตาคู่นั้น เหมือนกับตาของสัตว์ร้ายกระหายเลือด เกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงมีอาการผิดปกติ ราวกับหวาดกลัวสุดชีวิต

“ไฟไงรู้จักไหม”

เธอแปลกใจต่อท่าทางของชายหน้าเหลี่ยม ทำไมเขามีอาการหวาดกลัว ท่าทางแปลกๆ ต่างจากคนอื่น บางทีอาจจะมีความลับอะไรบางอย่างซุกซ่อนเอาไว้ ซึ่งมันเป็นอันตรายต่อเธอก็ได้ นารีจ้องหน้าเข้มเขม็ง

“รู้ แต่ข้าไม่ชอบ”

ตอบเสียงดังกังวานก้องถ้ำ ขบกรามเป็นสันนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ในขณะเดียวกันนารีพยายามที่จะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ไม่สำเร็จ รู้สึกร้าวไปทั้งตัว ราวกับว่ากระดูกข้างในมันได้หักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ได้แต่นอนนิ่งๆเช่นเดิม

“อ้าว! อย่างนั้นคุณก็กินของดิบๆ น่ะสิ ระวังจะเป็นพยาธินะ”

หญิงสาวให้เหตุผลตามที่ได้รับรู้มาว่า การกินอาหารสุกๆดิบๆ เสี่ยงต่อการเป็นพยาธิชนิดต่างๆ อาจทำอันตรายจนถึงแก่ชีวิต แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่สนใจ ไม่อยากรับรู้ต่อสิ่งที่เธอบอกเล่าด้วยความปรารถนาดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel