16 ผจญผีกองกอย 2
ดึกสงัดสางวักขึ้นดื่มอย่างหิวกระหาย แม้ออกมานอกถ้ำ เขายังคงสภาพร่างเป็นมนุษย์ผู้ชายที่มีเรือนร่างกำยำ แผงอกกว้างเต็มไปด้วยมัดกล้ามแกร่งเป็นลอน ขนหน้าอกดกหนายาวลงมาจนถึงหน้าท้อง แล้วหายวับเข้าไปภายใต้แผ่นหนังที่สวมใส่เบื้องล่าง ช่วยบดบังความอุจาดตาจากสิ่งสงวน ซึ่งบ่งบอกถึงความเป็นบุรุษเพศ
ในเวลานี้บริเวณน้ำตกไม่มีใครอยู่เลย มีแต่ความเงียบสงบ เขาแหงนมองขึ้นไปบนฟ้า ไร้ซึ่งดวงจันทรา หลังจากดื่มน้ำจนอิ่มแน่นท้อง ได้จ้วงตักน้ำใส่กระบอกไม้ไผ่สีสุกเอาไว้จนเต็ม คิดว่าจะเอาน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปฝากนารี
“นังนั่นไม่มีสิทธิ์ดื่มน้ำของเรานะ”
สิงสาปรากฏกายขึ้น พร้อมทั้งกระชากกระบอกไม้ไผ่ออกจากมือสางโดยเร็ว ชายหนุ่มมองตามด้วยสายตาโกรธขึ้ง แต่เธอหาใส่ใจไม่
“เอามานะ”
สางออกคำสั่งเสียงเฉียบ พยายามเข้าไปเยื้อแย่ง แต่นางเสือแปลงเจ้าเล่ห์ไม่ยอมคืนกระบอกน้ำให้ง่ายๆ มิหนำซ้ำยังทำหน้าล้อเลียนอีก เท่ากับเพิ่มดีกรีความโกรธให้พุ่งสูงยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“ไม่ข้าไม่ให้ มนุษย์อย่างมันไม่สมควรกินน้ำของพวกเรา ถ้าหากว่ามันได้กินจะทำให้มันมีพลังและเข่นฆ่าพวกเราได้นะ เจ้าไม่รู้หรือไง ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
สิงสาหัวเราะเสียงเล็กแหลมด้วยความสุขที่กลั่นแกล้งไม่ให้สางเอาน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปให้นารีดื่ม สางสุดจะทนประชิดเข้ามา สิงสาเห็นดังนั้นได้เทน้ำลงที่พื้นทันที สางปราดเข้าหาและตะปบกรงเล็บลงที่หน้าอกนังเสือสาวด้วยความโกรธ
“อ๊าก เจ้าทำร้ายข้าอีกแล้วนะ”
สิงสาร้องด้วยความเจ็บปวด ทั้งน้อยใจและโกรธจัด สุดจะระงับเอาไว้ได้ นางตะปบหน้าสางบ้าง แต่เขาหลบทันและผลักร่างสิงสางกระเด็นตกลงไปในน้ำตก จนเกิดเสียงดังตูม พื้นน้ำแตกกระจาย ร่างเสือแปลงแทรกลงไปโดยไม่ทันตั้งตัว
“สางข้าจะไม่ให้อภัยเจ้าเลย”
หลังจากนางพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาบนน้ำได้ก็ตะโกนเสียงดัง กล่าวอาฆาตสางด้วยอารมณ์โกรธและพาร่างที่ชุ่มไปด้วยเลือดลับหายไปกับความมืด สางหาได้ใส่ใจไม่ก้มลงตักน้ำใส่กระบอกอีกครั้งจนเต็มปรี่
“นารีเจ้าต้องมีกำลัง ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะทำร้ายข้าหรือไม่ สำหรับข้ายินดีช่วยเหลือเจ้าทุกอย่างจนกว่าจะหายดี”
สางกลับเข้ามาในถ้ำอีกครั้ง เห็นนารีนอนขดตัวเข้าหากันด้วยความหนาว จึงเอื้อมมือลูบคลำใบหน้าเพียงเบาๆ ด้วยความเวทนา เขานั่งมองเธอจนกระทั่งเช้า นารีลืมตาขึ้นแล้วคว้าจับมือใหญ่เอาไว้แน่น
“กลับมาแล้วหรือคะ”
“เจ้ากลัวหรือ”
“กลัว ไม่อยากให้คุณไปไหนอยากให้อยู่ใกล้ๆ”
น้ำเสียงที่เว้าวอนของสาวงาม ช่วยกระตุ้นหัวใจชายหนุ่มให้เต้นแรงด้วยความปลื้มปิติ รอยยิ้มเศร้าๆ ปรากฏขึ้น เมื่อรู้ว่าอีกไม่นานนารีต้องจากถ้ำแห่งนี้ไปอยู่กับครอบครัว และไม่มีโอกาสที่จะได้เจอะเจอกัน สางเฝ้ามองนารีที่ขยับลุกจากที่นอนด้วยความคล่องแคล่ว เมื่อตั้งหลักได้เธอจับเนื้อตัวแข้งขาของตัวเองไปมา ส่งยิ้มยิ้มให้เขาด้วยความยินดี
“ฉันรู้สึกดีขึ้น ดูสิแผลแห้งสนิท ไม่เจ็บเลย ฉันเดินได้แล้ว”
น้ำเสียงดีใจสุดขีด เมื่อรู้ว่าอาการบาดเจ็บได้หายไป สางยิ้มทั้งที่ในใจเจ็บปวดเมื่อรู้ว่าเวลาแห่งการจากลาใกล้เข้ามาทุกที
“คงเป็นเพราะน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าได้กิน เจ้าขยันเดินและกินน้ำเยอะๆ อีกไม่นานเจ้าก็จะสบาย”
“ขอบคุณมากที่คุณช่วยเหลือฉันตลอดเวลาที่พักอยู่ที่นี่ ถ้าไม่มีคุณฉันคงแย่”
“เวรกรรมที่มีต่อกันทำให้เราสองคนต้องมาพบกัน อย่าคิดมากเลยมีพบต้องมีพลัดพรากเหมือนเราทั้งสอง”
คำพูดของสางทำให้นารีใจหาย มองเข้าไปในดวงตาคมกล้าคู่นั้น เห็นถึงความเศร้าละห้อยโหยหา แต่แล้วก็ต้องเลื่อนหลบหนี เมื่อได้รับรู้ถึงพลังบางอย่างที่พุ่งออกมา ทำให้ร่างกายอ่อนเปลี้ยเพลียแรงจนสุดจะฝืน
“อย่าพูดอย่างนั้นเลย”
“เจ้าไม่ยอมรับความจริง เจ้าก็รู้เราไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ เจ้าต้องไปพบเพื่อนฝูงที่เหมือนกัน อยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก”
สางพยายามบอกว่า หญิงสาวไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ เพราะเขาไม่ใช่มนุษย์ แต่เขาไม่อาจบอกความจริงให้นารีได้รับรู้ เพราะกลัวว่าเมื่อเธอรู้แล้ว จะหวาดกลัวเขาจนไม่ยอมเข้าใกล้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ สางคงเศร้าจนแทบขาดใจตาย
“แต่พวกของคุณก็เหมือนกับพวกของฉันไม่เห็นจะแตกต่างกันตรงไหนเลย”
หญิงสาวยังมีความเชื่อว่าสามารถอยู่ร่วมกันกับพรรคพวกของสางได้โดยไม่มีปัญหา สางได้แต่ส่ายหน้าไปมา นารีไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาและพรรคพวกเป็นใคร ถ้าเธอรู้คงหวาดกลัวจนหนีเตลิดเปิดเปิง หรือไม่ก็อาจจะช็อกตายไปเลยก็ได้
“เอาเถอะสักวันเจ้าจะเข้าใจว่าข้าเป็นยังไง เดินมาทางนี้สิ”
สางตัดบทด้วยเสียงเศร้าสร้อย แล้วจับข้อมือเล็กกลมกลึงจูงออกมานอกถ้ำ แต่แสงแดดที่แผดจ้าทำให้สางนั่งหลบอยู่ใต้ชะง่อนหิน ปล่อยให้นารีเดินไปมาบนก้อนหิน สางได้แต่ชะเง้อมองอย่างชื่นชม รับรู้ว่านารีสวยกว่าใครๆที่เคยเจอ
“เห็นไหมฉันเดินคล่องแล้ว”
สาวพลัดถิ่นบอกให้สางดู และแสดงความดีใจออกมาที่ไม่ต้องนอนแซ่วอยู่กับที่อีกต่อไป อาการตื่นเต้นจนออกนอกหน้าของเธอ ทำให้สางช้ำใจยิ่งขึ้น