15 ผจญผีกองกอย 1
“อย่าเลยมันอันตราย ข้าว่าเอ็งนอนเสียเถอะนะนี่มันดึกมากแล้วด้วย กลางคืนในป่าอย่างนี้มันน่ากลัว พรานบุญกับพรานบัวบอกว่าถ้าได้ยินเสียงอะไรอย่าลงไปข้างล่างเป็นอันขาด”
สิ้นคำห้ามของผู้นำหมู่บ้าน เขี้ยวแก้วพอจะเข้าใจในความหมาย เขายกมือไหว้รอบตัวขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกป้องคุ้มครองให้รอดพ้นจากภัยอันตราย
“เจ้าป่าเจ้าเขาเจ้าข้า ลูกขอพักอาศัยหนึ่งคืนขออย่าให้มีอันตรายเกิดขึ้นกับพวกเราเลย เจ้าประคู้น ซ้าธุ”
เขากราบสามครั้งแล้วนั่งเหยียดยาวมือกอดปืนเอาไว้ ผู้ใหญ่นาคเองเช่นกันรู้สึกง่วงจนเปลือกตาหนักและปิดสนิท บัดนี้ป่าทั้งป่าตกอยู่ในความเงียบงัน จะมีแต่เพียงเสียงแมลงกลางคืนเท่านั้นที่กรีดปีกส่งเสียงกล่อมไพรดังระงม
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ เขี้ยวแก้วสะดุ้งตื่นกลางดึกที่จู่ๆ เสียงแมลงกลางคืนพร้อมใจกันปิดปากเงียบ ซึ่งมันผิดปกติจนน่ากลัว สัญชาตญาณบ่งบอกให้ลืมตาขึ้น แล้วมองลงไปข้างล่าง เห็นว่ากองไฟที่ก่อเอาไว้มอดดับสนิท อยากลงไปเติมฟืนเต็มกำลัง แต่จำคำของผู้ใหญ่นาคห้ามเอาไว้ไม่ให้ลงไปข้างล่างจำต้องกอดปืนเอาไว้แน่น
“กองกอย กองกอย”
เสียงร้องประหลาดดังขึ้น ปลุกประสาททุกส่วนของชายหนุ่มให้ตื่นตัวขึ้นมา เขานั่งนิ่งตัวแข็งทื่อเมื่อมองลงไปกระทบกับสิ่งหนึ่งเคลื่อนไหววนเวียนไปมารอบๆ ต้นไม้ที่เขากำลังนั่งอยู่ ร่างที่เห็นเปลือยเปล่าลักษณะคล้ายๆ กับคน แต่เดินย่อขาและลากกิ่งไม้เสียงดังแกรกกราก ผมที่ยาวรุงรังทำให้รู้ว่าเจ้าตัวประหลาดนี้คงไม่ใช่มนุษย์แน่
“กองกอย กองกอย”
ชายหนุ่มนึกได้ว่ามันคงเป็นผีกองกอยที่เขาเล่าขานกัน คิดได้เพียงเท่านั้นเหมือนเลือดในกายจับตัวแข็งเป็นก้อน ขนลุกชูชันไปทั้งตัว ตาและปากอ้าค้าง เหมือนกับว่าเจ้าผีนั่นรู้ว่ามีคนมอง ร่างเปลือยแหงนหน้าขึ้นมาบนต้นไม้ ตามันจ้องประสานกับเขี้ยวแก้วอย่างจัง แววตาเขียวเรืองแสงทันที ชายหนุ่มรู้สึกคล้ายกับว่ามีเข็มนับร้อยเล่มทิ่มแทงตามรูขุมขน ได้แต่นั่งนิ่งเหมือนโดนสาบ
“กองกอย จงลงมา”
มันอ้าปากและออกคำสั่งด้วยเสียงเล็กแหลม เหมือนกับว่ามีอิทธิพลควบคุมจิตใจและร่างกาย เขี้ยวแก้วขยับตัว ทำท่าจะปีนลงไป พลัน!
“เปรี้ยง!”
“โอ๊ย”
เสียงปืนแผดกัมปนาทสนั่นลั่นก้องไปทั้งป่าพร้อมกับร่างเจ้าอมนุษย์ล้มลงไปนอนด่าวดิ้นที่พื้น เขี้ยวแก้วรู้สึกตัวทันที แล้วคว้าปืนเตรียมพร้อมที่จะยิง ผู้ใหญ่นาคและคนอื่นๆ สะดุ้งตื่นพร้อมๆกัน ทำท่าจะกรูลงไปข้างล่าง
“อย่าลงไปนะ”
เสียงพรานบุญร้องห้าม ทุกคนชะงัก ต่างหันมามองหน้าพรานใหญ่ผู้ชำนาญป่า เห็นใบหน้าเข้มส่อแววกังวลออกมา
“มันเป็นผีกองกอย มันโดนกระสุนอาคมของข้าแล้ว”
ทุกคนสะดุ้ง ร่างไหวเยือก ต่างนั่งนิ่งหวาดกลัวต่อสิ่งที่ได้รับรู้ และมองลงไปข้างล่างอีกครั้ง เห็นร่างผีกองกอยตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนในลักษณะโงนเงน แต่แล้วเสียงปืนแผดดังลั่นอีกครั้ง ร่างอมนุษย์ขาดกระเด็นออกจากกันทันที
“มันดับไปแล้ว”
เสียงพรานบุญพูดซ้ำด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง บัดนี้เขากำลังแผ่เมตตาไปให้เจ้าอมนุษย์ตนนั้นให้มันไปสู่ปรโลกโดยสงบ
“ทุกคนนอนได้ แต่ขอบอกเสียก่อนว่าอย่าลงไปจนกว่าแสงเงินแสงทองจะสาดส่องท้องฟ้าเข้าใจนะ”
เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้คงไม่มีใครหลับตาลงได้ ความน่ากลัวจากเจ้าผีป่า ได้เข้ามาก่อกวนจิตใจให้ขลาด ได้แต่นั่งจับเข่าคุยกันเงียบๆ ผู้ใหญ่นาคคว้ามวนบุหรี่ออกมาสูบด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล ยอมรับว่าในชีวิตเพิ่งเจอะเจอกับผีกองกอย
“เอ็งกลัวไหม”
หลังจากอัดควันสีเทาเข้าไปในปอดหนึ่งครั้ง แล้วยกชายผ้าขาวม้าสะบัดไล่ยุงรำคาญที่พากันมาตอมส่งเสียงหึ่งๆอยู่ข้างหนูให้มันกระจายหนีไป จึงหันไปถามชายหนุ่มผู้ที่เกือบตกเป็นเหยื่อของผีกองกอย เห็นว่าเขาสั่นหน้าเร็วๆ
“ไม่หรอก แต่รู้ว่ามันกำลังสะกดจิตผม ให้ลงไปหาข้างล่าง มันน่ากลัวจริงๆ เลยผีกองกอยนี่ เกิดมาผมก็เพิ่งเคยเห็น”
“นั่นแหละ ถ้าเอ็งลงไปข้างล่างเอ็งตายแน่ ผีกองกอยเป็นผีป่าชนิดหนึ่ง มันชอบสูบเลือดคนเป็นอาหาร คนเดียวไม่พอหรอก หากว่ามันจัดการเอ็งได้ คนอื่นๆก็ต้องโดนเล่นเหมือนกัน”
พรานบุญพูดเสียงดังมาจากต้นไม้ข้างๆ กัน ทั้งผู้ใหญ่นาคและเขี้ยวแก้วมองเป็นตาเดียวกัน พรานบุญหัวเราะหึๆ ก่อนเอ่ยแทรกขึ้นมาอีกครั้ง
“ข้ารู้ว่ามันกำลังสะกดเอ็ง ไอ้พวกนี้แหละมันชอบสูบเลือดพวกเดินป่า ข้าจึงต้องท่องคาถาและยิงปืนออกไป ลูกปืนธรรมดาไม่สามารถทำอะไรมันได้หรอก”
เสียงฮือฮาขึ้น ลูกบ้านทุกคนล้วนชื่นชมฝีมือของพรานบุญคนนี้ ต่างยกให้เป็นพรานผู้กล้า ไม่มีใครเทียมเทียบได้ หากมีคนผ่านเข้ามาว่าจ้างพรานผู้ชำนาญทางล่ะก็ พรานบุญคือคนแรกที่ถูกเลือก ทำให้เขามีรายได้มากกว่าคนอื่นๆ
“แล้วพรานบัวล่ะ มีคาถาหรือเปล่า”
ผู้ใหญ่นาคป้องปากตะโกนถามไปยังพรานหนุ่มหน้าอ่อน ขณะนั้นกำลังตั้งใจฟังการสนทนาอย่างใจจดใจจ่อ
“ยังหรอก ข้ากำลังเรียนจากพรานบุญ อีกไม่นานคงชำนาญเหมือนพรานบุญนั่นแหละ”
ว่าแล้วพรานบัวปิดปากหาวตั้งท่าจะนอนต่อ หลังจากทนถ่างตามาจนเกือบค่อนคืน แม้จะกลัวภูตผีต่างๆ แต่ก็พ่ายต่อสังขาร ความลึกลับเกี่ยวกับป่าทำให้ทุกคนนึกหวั่นแต่เมื่อเกาะกลุ่มกันแล้วทำให้ความกลัวเริ่มคลายหายลงไป