10 สางกลัวไฟ
“ขอบใจแต่ข้าไม่หิว อยากนั่งพักสักครู่”
ผู้นำหมู่บ้านถอนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วเอนร่างนั่งพิงโคนต้นไม้ เปลือกตาย่นประกบปิดกันนิ่งๆ เขี้ยวแก้วเดินเลี่ยงไปอีกทาง ในใจเวลานี้เป็นห่วงนารีอยากเจอเธอเร็วๆ การตามหาจะได้สิ้นสุดเสียที
ภายในถ้ำที่อยู่เหนือป่าลึกเข้าไป หลังจากนารีนอนหลับพักผ่อนทั้งคืน ได้รู้สึกตัวแล้วลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ความเย็นที่แผ่รอบๆ เรือนกายทำให้หญิงหนาวยะเยือก เสียงน้ำหยดจากเพดานหินงอกหินย้อยเบื้องบนดังติ๋งๆ สาวงามพยายามงอตัวเข้าหากันและรู้ว่าร่างกายเริ่มขยับได้บ้างแล้ว ความหวังกลับมาเยือนอีกครั้ง
“อีกไม่นานเราก็คงเดินได้ แล้วนี่คุณสางเขาหายไปไหน หรือว่าหายไปทั้งคืน เอ มันเช้าหรือยังนะ”
นารีเป็นกังวลขึ้นมาอีกครั้ง หากว่าสางไม่กลับเข้ามา เธอจะอยู่อย่างไร เพราะเมื่อคืนได้ยินเสียงเสือร้องหน้าถ้ำ ทำให้กลัวจนแทบกลั้นใจตาย แต่แปลกเสือไม่เข้ามาทำร้าย หากว่ามันกระโจนเข้ามา แล้วคาบเธอออกไป เวลานั้นเธออยู่ในสภาพไร้สิ้นซึ่งเรี่ยวแรงคงหมดปัญญาที่จะป้องกันตัว
“สาง สางคะ”
นารีเรียกเขาจนเกิดเสียงดังก้องสะท้อนไปมา คล้ายกับว่ามีเสียงคนอื่นมากู่ตะโกนด้วย หญิงสาวหวาดกลัวไม่น้อย บรรยากาศเยือกเย็นกลายเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนให้หลอนต่อโสตประสาท
พลัน! เสียงเดินสวบสาบเข้ามาในถ้ำ ร่างบางไหวเยือกด้วยความตระหนก
“สาง ใช่คุณหรือเปล่า”
หญิงสาวถามอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอเรียกชื่อเขาเบาๆ เท่านั้น ไม่กล้าใช้เสียงมากไปกว่านี้ เกรงว่าจะเป็นบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เขา ความเงียบสงบจากบรรยากาศรอบตัว ก่อให้เกิดจินตนาการชวนหวาดผวาไปได้ทั้งนั้น ขณะนี้เธอรอรับคำตอบด้วยใจจดใจจ่อ
“ข้าเอง เป็นอย่างไรบ้าง”
เสียงพูดใกล้ๆตัวดังขึ้น นารีหันหน้าตามเสียงที่ได้ยิน รอยยิ้มปรากฏที่ริมฝีปากด้วยความปิติ นารีรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง แม้สางเป็นคนแปลกหน้า แต่ในเวลานี้มีเขาเพียงคนเดียวที่พอจะช่วยเธอได้ทุกๆ เรื่อง ไม่เว้นแม้แต่อาหารการกิน
“มืดจังเลย ทำไมคุณไม่หาไฟมาสักดวง”
“ข้าไม่ชอบไฟ”
เขาตอบเสียงห้าวห้วนเสียจนนารีแปลกใจ ทำไมคนอยู่ในป่าลึกเช่นเขาถึงไม่ชอบไฟ หรือว่ามีความหลังกับไฟที่ร้อนแรง ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีมนุษย์ที่ไม่ต้องการไออุ่นจากไฟ ซึ่งมีประโยชน์มากมายมหาศาล
“เช้าหรือยัง”
จากน้ำเสียงของบุรุษลึกลับหญิงสาวรู้ว่าอารมณ์เขาคงไม่ดี จึงเปลี่ยนเรื่องโดยเร็วพร้อมๆกับขยับอิริยาบถ บิดส่ายลำตัวไปมา ความเมื่อยขบที่เคยได้รับ ค่อยๆ จางหายไป รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเข้ามาแทนที่
“เช้าแล้วแต่ในถ้ำมันมืดอย่างนี้แหละ สายๆ ก็คงมองเห็นเอง”
สางตอบเสียงเย็น นารีเหลือบตาขึ้นดูเห็นร่างใหญ่เป็นเงารางๆ ก้าวเข้ามาหา ในมือถืออะไรบางอย่างมาด้วย เมื่อเพ่งมองดีๆจึงเห็นว่าเป็นผลไม้ เขาบรรจงวางลงข้างๆ ตรงที่เธอนอน เพื่อสะดวกในการหยิบรับประทาน
“เมื่อคืนฉันกลัวมากเลย เสียงเสือมันร้องอยู่หน้าถ้ำ คิดว่ามันจะเข้ามาคาบไปกินเสียแล้ว แต่ก็แปลกนะ มันไม่ยักเข้ามา”
หญิงสาวเล่าความกลัวต่อเสียงเสือร้องขู่คำรามให้ชายหนุ่มได้รับรู้ เธอมัวแต่สนใจผลไม้จึงไม่เห็นตาเข้มของเขาเรืองรองออกมาด้วยความไม่พอใจ นึกรู้ว่าสิงสาคงเป็นตัวก่อกวนให้นารีจมอยู่กับความสะพรึงกลัวทั้งคืน เห็นทีว่าจะต้องสั่งสอนนางผู้มีจิตโหดเหี้ยมให้หลาบจำเสียบ้าง
“ไม่ใช่เสียงเสือหรอก อาจจะเป็นสัตว์อื่นก็ได้ ถ้ามีเสือจริงๆ เจ้าไม่รอดหรอก แล้วนี่...เจ้าลุกขึ้นได้แล้วไม่ใช่หรือ”
ถามเสียงเข้มเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง นารีลอบสังเกตโดยไม่ให้รู้ตัว จึงรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีอำนาจลึกลับที่ไม่อาจเดาได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร เมื่อเขาหันมาเธอทำท่าขยับร่างกายทีละนิด ค่อยๆลุกขึ้นด้วยความยากลำบาก เมื่อสายตาชินกับความมืดจึงสามารถมองเห็นสรรพสิ่งรอบถ้ำ
“ฉันหิวน้ำจังเลย”
ร้องบอกด้วยน้ำเสียงเกรงใจเต็มที่ เพราะรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ตกเป็นภาระแก่เขาแต่เพียงผู้เดียว สางไม่รอช้าหยิบกระบอกไม้ไผ่ส่งให้ทันควันเช่นกัน
“ในนี้มีน้ำ”
“ถ้าฉันเดินได้จะไปอาบน้ำ ตอนนี้เหนียวเนื้อเหนียวตัวที่สุดเลย ”
นิ้วเรียวสวยขยับลูบลงที่ลำแขนเบาๆ รู้ว่าเหนียวเหนอะหนะ ทุกอณูพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่นผง อีกทั้งมีกลิ่นเหม็นอับๆ เพิ่มขึ้นมาอีก ถ้าได้ชำระล้างให้สะอาด คงจะสบายเนื้อสบายตัวไม่น้อย สางซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ กันหันมามองใบหน้าสวยด้วยสายตาเย็นชา
“อีกสองวันข้าจะพาไปที่น้ำตก เจ้าจะได้ชำระล้างร่างกายให้สะอาด”
“น้ำตกหรือที่นี่มีน้ำตกด้วยหรือ”
หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงดีใจ แล้วนึกถึงน้ำตกที่ไหลลงมาจากยอดเขา เสียงดังซ่าๆ กับความใสและเย็น คงช่วยให้เธอสดชื่นขึ้นมาบ้าง
“มีสิ น้ำที่นี่เป็นต้นน้ำที่สะอาดใครได้อาบดื่มกินจะทำให้มีอายุยืนยาว นานนับร้อยปี ข้ากินน้ำที่นี่ทุกวัน”
ใบหน้าเหลี่ยมของบุรุษกลางไพรยังคงเรียบสนิทเหมือนเดิม ไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา นอกจากนิ่งเพียงอย่างเดียว ต่างจากนารีบัดนี้ครึ้มใจเต็มกำลัง ถ้าไม่ติดว่าเดินเหินลำบาก เธอคงขอร้องให้เขาพาไปเล่นน้ำ
“คุณก็เคยบอกว่ามีคนอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือ”
“มีแต่ไม่ใช่คน”
น้ำเสียงที่เยือกเย็น หญิงสาวสะดุ้งด้วยความตกใจ แต่คิดว่าเขาพูดเล่น อาจจะขู่ไม่ให้ออกไปเพ่นพ่านนอกถ้ำก็ได้ เพราะรู้ว่ามีสัตว์ร้ายมากมาย รอที่จะขย้ำเนื้อขาวๆของเธอ ถ้าโผล่ออกไปโดยไม่มีสางอยู่เคียงข้าง ระหว่างนั้นหญิงสาวปอกเปลือกกล้วยกินอย่างช้าๆ ส่วนสางยืนกอดอกนิ่งหันหน้าออกไปภายนอก มวลหมู่หมอกลอยอ้อยอิ่งอยู่บริเวณปากถ้ำ ไอเย็นที่ปะทะใบหน้าคมกร้านและส้นผมยาวของเขาปลิวไสว
“สว่างแล้วนะ”
น่าแปลกไม่น้อย นารีจากที่สังเกตดู รู้ว่าสางเป็นคนพูดน้อย เหมือนกลัวว่าดอกพิกุลจะร่วงออกจากปาก หญิงสาวเข้าใจว่า เขาคงไม่ค่อยได้เจอผู้คน อีกทั้งเป็นคนไม่ช่างพูด ส่วนใหญ่มีแต่เธอจ้อเพียงคนเดียว