ตอนที่ 4 คุณแม่สายโหด
ชายชราเส้นผมสีขาว นั่งอยู่หัวโต๊ะสีหน้าเคร่งเครียดผิดปกติ ดวงตาของชายชราดูเย็นยะเยือกชวนให้ใครต่อใครหวาดกลัว ชายคนนี้คืออดีตผู้นำตระกูลจ้าว ส่งต่อให้ลูกชายคนโตนั่นก็คือบิดาของเจ้าเด็กเหลือขอทั้งสองคน แต่ละคนดื้อรั้นหัวแข็ง และไม่สนใจคำสั่งของปู่เช่นเขาอีกนับตั้งแต่ปีกกล้าขาแข็ง
สตรีสูงวัยคนหนึ่งเดินเข้า มองหน้าเมื่อเห็นหนุ่มใหญ่และหนุ่มน้อยจ้องตากันไปมาแทบจะเรียกได้ว่าสาดเพลิงใส่กันก็ว่าได้ ด้วยเพราะบ้านนี้ไม่มีลูกสาวมีแต่ลูกชายทั้งสอง คนโตเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน ส่วนคนเล็กชอบอิสรเสรีไม่สนอะไร นอกเสียจากจะมีงานเดินแบบ ถ่ายแบบขอบริษัทในเครือเท่านั้น
“คุณผู้หญิงเชิญนั่งค่ะ” ผู้ช่วยส่วนตัวของเธอกล่าวขึ้นมา สตรีคนนี้เป็นมือซ้ายของเธอ ทำงานดูแลตั้งแต่เรื่องเสื้อผ้าการแต่งกายออกงานต่าง ๆ เดินเคียงคู่ออกงานบ่อยครั้งก็ว่าได้ ส่วนสามีของเธอนั่งปั้นหน้าเหมือนกำลังแบกรับภูเขาเอาไว้บนหัวเพียงคนเดียว
“คุณคะ” คุณผู้หญิงของบ้านกล่าวขึ้นมาน้ำเสียงเบา ๆ พลางปลุกทุกคนตื่นจากความเงียบ “ฉันหาว่าที่ลูกสะใภ้เจอแล้วค่ะ” เธอทำลายบรรยากาศอึดอัดโดยฉับพลัน
“ผมไม่แต่ง” ลูกชายคนเล็กหวงแหนชีวิตหนุ่มโสดโหมดหนุ่มเพลย์บอย รีบแย้งมารดาขึ้นมาทันที มีหรือเขาจะยอมหากไม่รักจะไม่แต่งโดยเด็ดขาด จะให้เขาแต่งก่อนพี่ชายได้อย่างไร ถือว่าเขารอดตัวแล้วในวันนี้ วันหน้าอาจไม่แน่
“ผมก็ไม่” พี่ชายนั่งเงียบมานาน ในมือของเขาหมุนแก้วไวน์แดงวนไปมา และยังคงไม่ดื่มเสียที ชายหนุ่มคนนี้น้ำเสียงทุ้มดูน่าฟังกว่าใครทั้งหมด แต่สีหน้าของเขาเรียบเฉยกระทั่งสายตายังคงว่างเปล่าอีกต่างหาก ทำให้อดีตผู้นำตระกูลกระแทกไม้เท้าลงกับพื้น ดัง ตึ้ง ตึ้ง
ทุกคนต่างก็หันหน้าไปมองและเงียบกริบทันที “แกไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธอะไรที่แม่แกว่าดี ย่อมดี ไม่เหมือนผู้หญิงหน้าด้านคนนั้น” น้ำเสียงเหี้ยมกล่าวขึ้นมาทันใด เมื่อครู่มีคนรายงานว่าเจ้าหลานชายคนโตโอนเงินให้นังผู้หญิงหิวเงินอีกหลายแสน
“แต่ว่าคุณปู่ครับ ผมรักอยู่กับซูหลิน” เขาค้านขึ้นมาทันที ท่าทางฟึดฟัดเอาแต่ใจอีกด้วย และไม่คิดว่าสิ่งที่ตนพูดและแสดงออกมาจะผิด ทุกครั้งและทุกคนเมื่อเขาพูดถึงเธอมักจะมีสายตาไม่พอใจส่งมาเหมือนเชือดเฉือนเนื้อหนังเขาจนปวดแสบปวดร้อน
“แกไม่ต้องพูดมาก แกทำอะไรเอาไว้ต้องรู้อยู่แก่ใจ” คราวนี้เป็นผู้นำตระกูลพูดขึ้นมาบ้าง เกรงว่าบิดาของตนหรือก็คือคุณปู่ของเจ้าสองแสบจะเครียดมากจนเส้นเลือดในสมองแตก เพราะมีหลานชายแบบนี้ เขาไม่ดีเองสอนสั่งอันใดไม่ได้ ต้องคอยให้ภรรยากำราบเจ้าเด็ก ๆ สองครั้งอยู่ร่ำไป
“ผมทำอะไร” เขายังคงตีสีหน้าเฉยชาราวกับไร้ความรู้สึก แม้ว่าในใจของเขาจะเดือดปุด ๆ เหมือนกาน้ำกำลังร้อนจัด รอเวลาที่จะปะทุขึ้นมา
“ลูกแม่ น้องนะเป็นผู้หญิงยังไงก็ต้องรับผิดชอบ ใครต่อใครก็เห็นว่าเดินออกมาด้วยกันทั้งนั้นจริงไหม” เธอกล่าวจบแล้วจิบน้ำชาอุ่น ๆ ดับกระหาย พลางช้อนสายตาไปทางผู้ช่วยมือขวาอีกครั้งหนึ่ง พยักหน้าเล็กน้อย เป็นอันว่ามีหลักฐานวางอยู่บนโต๊ะเรียงราย
รูปถ่ายสามใบตอนเดินออกมาจากโรงแรม รูปถ่ายตอนที่เด็กสาวคนหนึ่งเข้าให้ไปข้างใน เพราะถูกฝ่ายชายกระชากเธอ “พอไหมจ๊ะ” ผู้เป็นมารดากล่าวอย่างยิ้ม ๆ “แม่ว่าหากลูกยังคงดื้อดึงละก็นะ แม่หนูซูหลินมีจุดจบไม่ดีแน่ ๆ ลูกแม่โอนเงินให้เธอพยุงกิจการไปกี่สิบล้านแล้ว ได้คืนบ้างหรือยัง” ถ้วยชาที่ยกขึ้นเมื่อครู่ เธอวางลงแม้ว่าจะไม่ดังมากแต่รับรู้ถึงความไม่พอใจเป็นหนักหนา
ใบหน้าของสตรีสูงวัยเพียงหนึ่งเดียวในบ้านตระกูลจ้าว เธอมีสิทธิ์ขาดในทุก ๆ เรื่อง และยังจะมีอะไรที่เธอบงการไม่ได้บ้าง ขนาดพ่อสามีหัวแข็งเธอยังปราบมาแล้ว นับประสาอะไรกับลูกชายแค่หัวดื้อรั้นเท่านั้น
“ว่ายังไงลูกแม่” เสียงหวานกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ยิ้มแย้มสักนิดแววตาดูแข็งกร้าวน่าหวาดกลัวนัก
“ผู้หญิงคนนั้นก็แค่ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านออกไป ถ้าคุณแม่คิดจริงจังแบบนี้ ผมคงต้องแต่งงานกับผู้หญิงไม่ต่ำกว่าสามสิบคนแน่ ๆ” น้ำเสียงแข็งกระด้างกล่าววาจาแดกดันผู้เป็นมารดา ท่าทางยังคงเย็นชาเหมือนไร้ความรู้สึก
เขายังนั่งท่าสบาย ๆ ในมือยังคงหมุนแก้วไวน์เล่น เหมือนกำลังใช้ความคิดจะทำอย่างไรดีหากเขาพลาดท่าเสียทีถูกจับแต่งงาน ส่วนน้องชายคนเล็กเหมือนกำลังหาจังหวะจะเดินออกจากวงสนทนา
“หยุดแม้แต่จะคิดเดินออกไป แกด้วยอีกคน เดี๋ยวแม่จะหาเมียให้” จ้าวจื่อเทาแค่ยกก้นขึ้น หมายว่าจะลุกจากเก้าอี้ กลับถูกน้ำเสียงตวาดมาให้ทันใด เขารีบนั่งลงทันทีไม่มีทางจะเถียงคุณแม่ผู้โหดร้าย ใครจะกล้าขัดคำสั่งคุณผู้หญิงได้กัน ขนาดเป็นลูกคนเล็กยังถูกตำหนิขนาดนี้ มีหรือพี่ใหญ่จะไม่ถูกเล่นงาน
“ลูกชายแม่เคยรู้บ้างหรือไม่ ในวันที่แม่ไม่เหลือใคร เด็กผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามา เนื้อตัวเธอเปียกชุ่มเต็มไปด้วยน้ำฝน ด้วยความหวังดีของเธอ และยังระบุว่าต้องการบริจาคเลือด แล้ววันนั้นลูก ๆ ที่รักของแม่หายไปไหนกัน คนโตยุ่งอยู่กับแม่หนูคนนั้น หลงลืมแม่คนนี้ ส่วนคนเล็กไม่ต้องพูดถึงไม่เมาไม่กลับบ้าน คุณพ่อกับคุณปู่เดินทางไปต่างประเทศ วันนั้นแม่เหลือใครกัน!”
“คุณแม่พูดก็ถูก ทำไมไม่เอาเงินฟาดหัวเธอไปก็สิ้นเรื่อง” เขายังคงเถียงอยู่ แต่รู้สึกผิดขึ้นมาอย่างท่วมท้น วันนั้นเกิดเหตุการณ์นั่นขึ้นจริง ๆ เขาละเลยหน้าที่ของลูกไปเพราะเป็นวันเกิดของซูหลิน นาน ๆ จะได้อยู่กับเธอเพียงลำพัง
“ใช่นะสิ คนรวยมักแก้ปัญหาด้วยเงิน” เธอลุกขึ้นยืน ทุกคนต่างหวาดกลัวเป็นที่สุด หากคุณผู้หญิงเหลืออดขึ้นมา มักจะยืนเสมอและนั่นหมายถึงหายนะอันยิ่งใหญ่จะมาเยือน ไม่รู้ใครกันแน่ที่เป็นผู้นำตระกูลจ้าวที่แท้จริง ชายชราเอาแต่หัวเราะหึ ๆ อยู่ในลำคอ ส่วนบิดาทำได้เพียงแค่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เห็นทีว่าลูกชายคนโตจะซวยที่สุดในวันนี้
ฝ่ามือเรียวมีร่องรอยเหี่ยวย่น เดินไปหาผู้ช่วยของเธอ “ซูหลินปีนี้อายุเท่าไหร่นะ” หล่อนพูดขึ้นมา ท่วงท่าสง่างามราวกับนางเสือร้าย แววตานั้นทำให้ศัตรูต้องพ่ายแพ้อย่างราบคาบ
“โอเคผมยอม แต่งก็แต่ง” ในที่สุดหยางเฉินถึงขั้นต้องวางแก้วในมือลุกขึ้นยืน แม้ว่าจะไม่พอใจนักกับท่าทีของมารดา แต่ใครกล้าขัดกัน เขาเพียงแค่อยากลองเกือบจะทำให้ผู้หญิงที่เขารักเดือดร้อนไปด้วย หากถามคำถามนี้ทีไร มักจะมีผู้ชายไปยืนอยู่หน้าบ้านของแฟนสาวเสมอเธอจะโทรมาร้องห่มร้องไห้เพราะหวาดกลัว
“ก็แค่นั้น แต่...ไปรับหนูเจียวอิงจดทะเบียนซะ ทำยังไงก็ได้ให้เธอยอมจดทะเบียนกับลูก” คำสั่งอันเด็ดขาดกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว แววตาดูราวกับผู้มีชัยชนะ เธอกดยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากจากนั้นหายไวไปทันทีไม่มีใครได้เห็นรอยยิ้มนางปีศาจร้าย
“ทำไมคุณแม่ไม่จัดการเสียเอง” ลูกชายคนโตยังคงดื้อรั้นเล็กน้อย และเขาจะไปหาตัวยัยผู้หญิงคนนั้นที่ไหน เหลือบไปเห็นผู้ช่วยส่วนตัวของมารดา เธอเป็นแหล่งข้อมูลชั้นเลิศทีเดียว ยิ่งกว่าการค้นหาทางอินเทอร์เน็ตเสียด้วยซ้ำ และยังแม่นยำอีกด้วย
“ก็แม่ไม่ได้เป็นคนนอนกับแม่หนูนั่นนี่นา แกทำก็ต้องรับผิดชอบ” คุณผู้หญิงแห่งตระกูลจ้าวมีฐานะใหญ่ที่สุดในบ้าน มีอำนาจล้นมือยิ่งกว่าท่านผู้นำตระกูลหรือสามีของหล่อน พื้นเพหล่อนเป็นคนตระกูลโม่ มาเฟียขาโหดดี ๆ นี่เอง ลูกชายของเธอแต่ละคนไม่เอาถ่าน จึงต้องให้อดีตมาเฟียสาวจัดการเสมอ แต่ตอนนี้เธอวางมือไปหมดแล้ว เป็นภรรยาที่ดีของสามี เป็นลูกสะใภ้ที่ดีต่อพ่อสามี
“แม่ใจดีกับลูก ๆ มากรู้ไหม ขนาดภรรยาแม่จึงต้องคัดสรรหาให้ รับรองอยู่ ๆ กันไปคร้านจะรักจะถนอมยิ่งกว่าไข่ในหินเสียอีก” สิ้นเสียงผู้เป็นใหญ่ในบ้าน ชายชราหัวเราะเสียงดัง คงจะสาแก่ใจทีเดียว ท่านหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดง กระทั่งฟันปลอมยังหลุดกระเด็นออกจากปาก ครานั้นเองหลาน ๆ ถึงได้หัวเราะกันท้องขดท้องแข็ง
โดยเฉพาะหลานชายคนเล็กรีบวิ่งหยิบทิชชูทันที รวบฟันปลอมของคุณปู่ แววตานั้นเป็นประกายราวกับปีศาจในบัดดล “คุณปู่ขอค่าไถ่ด้วยครับ” เขาแบมือทันทีทันใด ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มอย่างพึงพอใจโชคเข้าข้างแล้ว
“แกอยากได้ก็เอาไปเถอะ พรุ่งนี้ปู่ไปทำใหม่ก็ได้” ชายชราไม่ฟังเสียงจับไม้เท้าคู่ใจทำทีลุกขึ้นจะเดินขึ้นไปชั้นสอง จังหวะพ่อหลานชายเผลอเข้าให้ ถูกไม้เท้าคู่ใจนั่นฟาดลงมาที่กลางศีรษะ จนเจ้าตัวต้องกุมศีรษะทรุดกายลงนั่งกองอยู่บนพื้นร้องโอดโอยชวนให้สงสาร
“เสืออย่างปู่จะสิ้นลายได้ยังไงกันฮะ ไอ้หลานรัก” ชายชราคว้าหมับฟันปลอมที่หล่นกองกับพื้น “คราวหน้าหากแกยังคิดมาขอค่าไถ่ฟันปลอมปู่อีก ทีนี้ล่ะจะยิงให้ไส้แตกคอยดู” ใครว่าเขาถอดเขี้ยวเล็บไม่มี ชายชราเช่นเขานี่แหละที่ทุกคนหวาดกลัวเมื่อในอดีต
มาเฟียขาใหญ่ที่สุดในประเทศ มีกิจการมากมายนับไม่ถ้วนและยังเป็นผู้ทรงอิทธิพลอันดับหนึ่งอีกด้วย ส่วนลูกสะใภ้เป็นมาเฟียสาว ลูกของเพื่อนสนิทเขาเอง ถูกใจแม่หนูนั่นเข้าให้อยากได้มาเป็นสะใภ้จนตัวสั่น ถึงขั้นวางแผนให้ลูกชายปลุกปล้ำ แต่อนิจจัง เจ้าลูกชายไม่ได้ความเอาเสียเลย
แค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ยังจัดการไม่ได้ ถูกอวี้เจินเล่นงานจนตาบูดบวมกลับมา นึกถึงทีไร อดหัวร้อนไม่ได้ โม่อวี้เจินในตอนนั้นก็ได้กลายเป็นจ้าวอวี้เจินในตอนนี้แล้ว มารดาของเจ้าพวกเด็กซื่อบื้อไม่ได้ความ ไม่เก่งกาจแค่ขี้เล็บยังไม่ได้เลย
ก่อนจะเดินขึ้นชั้นสอง ยังไม่ลืมเย้นหยันหลานชายคนโตสักเล็กน้อย ขอคนแก่ได้สะใจก่อนนอน “ปู่จะรอต้อนรับหลานสะใภ้นะ รีบ ๆ เข้าล่ะ อย่าให้อวี้เจินรอนานมันไม่ดี คงรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น” ชายชรายิ้มแป้นอย่างมีความสุข ลูกสะใภ้ทำได้ดีจริง ๆ ไม่เสียแรงที่รักและเอ็นดูยกย่องให้เป็นใหญ่ในบ้าน
“ทำตามที่แม่เขาสั่งดีแล้ว พ่อช่วยแกไม่ได้จริง ๆ ตัวใครตัวมัน” ผู้นำตระกูลเห็นหน้าของลูกชายซีดราวกับไก่ต้ม เหมือนกำลังขอความช่วยเหลือ แต่คำสั่งก็คือคำสั่งกล้าขัดใจได้หรือ
“พี่ใหญ่อย่ามองผมแบบนั้นสิ ผมก็คงมีชะตากรรมไม่ต่างจากพี่สักเท่าไหร่”