ตอนที่ 5 ใส่ความ
เจียวอิงลงจากแท็กซี่กำลังจะเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ เธอทอดสายตามองบ้านหลังใหญ่โตหรูหราจากนั้นคลี่ยิ้มขึ้นมา ดวงตากลมโตทอแสงหม่นหมอง สองเท้าเล็ก ๆ ค่อย ๆ เดินเข้ามาคล้ายว่าหมดแรง กลางกายสาวยังรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาทันใด เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่า เธอลืมอะไรไป คิดจะหันหลังเดินออกจากรั้วของบ้านตระกูลลู่
ทันใดนั้นน้ำเสียงตะคอกของชายอายุมากคนหนึ่งตะโกนออกมาทันใดเพียงแค่เห็นแผ่นหลังของเธอเท่านั้น เหมือนกับว่าเขาจดจ่อการกลับมาของเธอ สีหน้าของอีกฝ่ายเกรี้ยวกราด เธอหันไปมองด้วยสายตาแห่งความปวดร้าว “มีอะไรจะให้หนูรับใช้คะ คุณผู้ชาย” ถ้อยคำของเธอเรียกอีกฝ่าย ไม่มีคุณพ่อออกจากปากให้ได้ยิน
“แกกลับมาทำไม” ผู้เป็นบิดาตะคอกเสียงดังใส่เธอ รีบสาวเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว หวังจะกระชากนังเด็กเหลือขอ คิดจะสั่งสอนเสียบ้างกล้าดีอย่างไรลงมือทำร้ายพี่สาวของตนเอง เขาไม่น่าจะให้เกิดมาจริง ๆ
“หนูแค่...” เธอยังพูดไม่จบก็ถูกผู้เป็นบิดาแท้ ๆ ฉุดกระชากเธอเข้ามาหน้าบ้านอย่างรวดเร็ว แม้จะขัดขืนเท่าไหร่แต่ก็ไม่เป็นผล อันที่จริงวันนี้เป็นงานมงคลพี่สาวคนที่สอง และพี่สามของเธอน่าจะไปสนุกเฮฮาหลังงานแต่งถึงจะถูก แต่กลับมาบ้านยังทำหน้าระรื่นใส่เธออีกต่างหาก พอเจียวอิงนึกได้ที่แท้ก็กลับมาหาเรื่องจัดการเธอ คิดจะให้บิดาลงโทษเธอเป็นแน่
ชายสูงวัยดึงลูกสาวเข้ามาถึงหน้าบ้าน พื้นหยาบปูด้วยหินกรวดหลากหลายสี เขาสะบัดมืออย่างรุนแรงจนทำให้แม่นางร้ายถลาล้มลงอย่างหมดสภาพ ใบหน้างามเงยมองผู้ชายคนนี้ด้วยหัวใจอันรวดร้าวอย่างแสนสาหัส แต่ไหนแต่ไรมิเคยสนใจดูดำดูดีเธอสักนิด เขามัวแต่เอาอกเอาใจลูก ๆ ทั้งสามของเขา แต่เธอ...เหมือนตัวอะไรกัน กาฝากอย่างนั้นหรือ
ข้อมือของหญิงสาวไถลไปกับพื้นมีร่องรอยถลอกเล็กน้อย หัวเข่าสองข้างก็เช่นเดียว เธอได้รับบาดเจ็บเข้าให้แล้วในตอนนี้ และพรุ่งนี้เธอมีถ่ายละครอีกแค่ฉากเดียวก็ปิดกล้อง เธอจะทำอย่างไรต่อจากนี้ดี เธอจดจ้องใบหน้าของชายคนนี้อีกครั้ง
“แกอย่ามามองหน้าฉันอย่างนี้ ฉันไม่เคยมีลูกอย่างแก” น้ำเสียงเหี้ยมพร้อมกับแววตามาดร้ายไม่เบา เขายกนิ้วขึ้นชี้หน้า ต่อว่าเธอปาว ๆ โดยไม่ไต่ถามความเป็นมาเป็นไปสักครึ่งคำก็ไม่เคย
“คุณพ่อขา น้องสี่ตีลูกค่ะ คุณพ่อดูสิคะ แขนลูกยังช้ำอยู่เลย” เธอจะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีทางรอดเลยก็ว่าได้ ผู้หญิงคนนี้ใจคอโหดเหี้ยมที่สุด เธอเหยียดยิ้มขึ้นมาราวกับผู้มีชัยชนะ แน่ล่ะเธอชนะใส ๆ ก็ว่าได้
“แกเห็นพี่แกเป็นอะไรทำไมถึงกล้าลงมือแบบนี้ นังสารเลว” ฝ่ามือของชายสูงอายุตวัดฟาดลงมาที่แก้มของเจียวอิงจนเธอหน้าคว่ำลงแนบพื้น เธอไม่มีน้ำตาสักหยด มีแต่ความชิงชังและเคียดแค้นคนพวกนี้ช่างมีจิตใจโหดเหี้ยมจริง ๆ
“พวกคุณจิตใจหยาบช้ามาก ๆ คุณรู้อะไรไหม ตั้งแต่เกิดมา หนูไม่เคยได้รับความเป็นธรรมสักครั้ง” เจียวอิงหมดความอดทนเข้าให้ เธอลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ชุดสีชมพูกลีบบัวเปรอะเปื้อนไปด้วยความเศษฝุ่น หญิงสาวมองใบหน้าของผู้เป็นบิดาอีกครั้งหนึ่ง
“เพราะคุณไม่เคยเห็นหนูเป็นลูก ต่อไปนี้ก็กรุณาอย่าได้มองมาที่หนูอีก” เธอสะบัดหน้าพรืดเดินหนี ปล่อยให้สองพ่อลูกโมโหจนแทบคลั่งตายอยู่ตรงนั้น เธอก้าวเดินไปยังห้องเล็ก ๆ ที่ซุกหัวนอนในเรือนคนใช้ ดวงตาของเธอเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความเจ็บปวดและรวดร้าวใจนัก
“คุณหนู” สาวรับใช้คนหนึ่งเห็นเธอเดินมาเสื้อผ้าเปรอะเปื้อน ใบหน้ามีรอยฝ่ามือมาให้เห็นอย่างเด่นชัด เธอรีบเข้ามาสวมจับแขนของเด็กสาว พยุงเดินเข้ามาในห้องเล็ก ๆ ที่คับและแคบ ห้องนี้เล็กกว่าห้องเก็บของเสียอีก ใครจะรู้บ้างว่านางร้ายอย่างเธอมีชีวิตอันรันทดยิ่งกว่าละครหลังข่าว
“ทำไมถึงปล่อยให้คุณผู้ชายทำร้ายละคะ” ถึงจะรู้ว่าเด็กสาวที่ประคองเข้ามาไม่เคยแม้แต่จะอ้าปากทวงความเป็นธรรมให้ตัวเองสักครั้ง แต่ครั้งนี้มันเกินไปจริง ๆ เป็นถึงนักแสดงต้องอาศัยใบหน้า “ดูสิแก้มช้ำไปหมด ใจร้ายจริง ๆ” สตรีสูงอายุกล่าวขึ้น พลางจับเด็กสาวนั่งบนเก้าอี้ รีบหายามาทาให้ทันที
“หนูผิดอะไร แค่หนูเกิดจากคนใช้ทำไมพวกเขาถึงได้รังเกียจหนูแบบนี้คะ แม่หนูไปทำอะไรให้พวกเขาไม่พอใจกัน ถึงได้จงเกลียดจงชังหนูขนาดนี้ ยี่สิบสี่ปีหนูทรมานขนาดไหน มีใครเห็นใจหนูบ้าง” คำพรั่งพรูอันแสนหดหู่ แววตาแสนจะเศร้าหมอง คนฟังเจ็บปวดใจไม่ต่างกัน เมื่อทายาที่แก้มให้เรียบร้อยแล้ว ยกมือเหี่ยวย่นหยาบกร้านยกขึ้นลูบไล้ศีรษะเด็กสาวด้วยความอ่อนโยน
“คุณหนูสี่เก็บเงินได้เยอะหรือยังคะ ป้าจะให้เพิ่มอีกนะ รีบย้ายออกไปเถอะค่ะ” สาวรับใช้คนนี้เป็นคนเก่าแก่เธอเห็นอะไรต่ออะไรมากมาย แต่เพราะฐานะอันต่ำต้อยไม่กล้าสอดปากยุ่งเรื่องของเจ้านาย และไม่กล้าออกหน้ายื่นมือเข้าไปช่วยเหลือด้วย เพราะว่าจะถูกไล่ออกอย่างเดียว
“ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูคิดว่าหนูจะย้ายออกพรุ่งนี้หลังจากปิดกล้อง ถ้าย้ายออกเลยงานหนูจะมีปัญหา พรุ่งนี้แค่วันเดียวค่ะ” เจียวอิงกล่าวขึ้น จากนั้นสาวใช้อายุมากจึงได้ออกไปจากห้องเล็ก ๆ ของเธอ หญิงสาวเดินมาเตียงนอนสภาพนั้นเก่าทรุดโทรม
เธอพยายามเก็บเงินให้มากที่สุดเพราะเธออยากจะย้ายออกไปจากที่นี่เต็มแก่ หากแต่ว่างานของเธอมันไม่แน่นอน และไม่มีสังกัดเหมือนนักแสดงคนอื่น ๆ ด้วย เธอล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยล้า หลงลืมไปแล้วว่าจะไปซื้อยาคุมกำเนิดมากิน เธอลืมไปสิ้น
ดวงตาของเธอมองไปข้างบน ฝ้าเพดานสีขาว ลวดลายดอกไม้ ห้องแคบ ๆ ของเธอมีเพียงแค่เสื้อผ้าไม่กี่ชุด เครื่องสำอางก็มีไม่มาก ห้องของเธอแคบราวกับหนู เธออดทนมายี่สิบสี่ปีแล้ว “ทนอีกสองวัน” ดวงตากลมโตค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงเธอไม่อาบน้ำเสียด้วยซ้ำไปเพราะความเหนื่อยล้า
หยางเฉิน ต้องการข้อมูลของผู้หญิงที่ตนนอนด้วยเมื่อวาน แม้จะดูไม่ใส่ใจสักเท่าไหร่แต่ก็ตั้งใจทีเดียว ผู้ช่วยฝ่ายขวาของมารดา วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะในห้องทำงานและข้อมูลแม่นางร้ายนั่น ทำให้เขาต้องตกใจจริง ๆ
“เธอเล่นละครมาสามเรื่องมีแต่ข่าวกับผู้ชายทั้งนั้น!” เขาไม่อยากจะเชื่อสักนิด ผู้หญิงคนนี้เป็นดาวยั่วหรืออย่างไรกัน มีข่าวตั้งแต่ช่างไฟยันคนขับรถยังมีผู้กำกับอีก ให้ตายเถอะจะให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ได้ยังไง
“คุณชายใหญ่คะ แต่ว่าคุณผู้หญิงกำชับเอาไว้ อย่างไรคุณชายก็ต้องรีบจดทะเบียนก่อนได้ แต่ไม่ต้องจัดงานแต่ก็ได้นี่คะ” เธอเสนอทางออกของเรื่องให้ ขนาดเธอเองยังเห็นใจคุณชายของตระกูลจ้าว เขาจะต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงแบบนี้
“ก็จริงนะ ฉันจะลองขอคุณแม่ดู” จ้าวหยางเฉินยิ้มเหี้ยมขึ้นมาแววตาเป็นประกายวาววับเมื่อมีทางออก และผู้หญิงคนนั้นเขาจะจัดการเธอแน่ ๆ หากจะต้องอยู่ด้วยกัน แน่นอนย่อมต้องทำสัญญาข้อตกลงกันเอาไว้ ตั้งแต่เนิ่น ๆเสียก่อน เรื่องเงินทองไม่เข้าใครออกใคร
ขณะเดียวกันผู้มีอำนาจเด็ดขาดในบ้านตระกูลจ้าว เธอยืนอยู่หน้ากระจก กำลังปลดต่างหูลงเก็บในกล่องเครื่องเพชร แต่ทว่ามีวงแขนกว้างของสามีสวมกอดที่เอวของหล่อน ซบใบหน้าลงมาเกยบนไหล่ของภรรยาอย่างน่าเอ็นดู
“มีอะไรคะ หรือว่าอยากช่วยลูกชาย แต่บอกไว้ก่อนเลยว่าฉันเลือกแม่หนูเจียวอิงเป็นสะใภ้ ส่วนซูหลินฉันไม่ยอมเด็ดขาด” เธอถูกสามีจับให้หันหน้ามาคุยกัน เมื่อเห็นสายตาไม่ยินยอมแบบนั้น ก็ทำให้เขาต้องล้มเลิกความคิดจะพูดอะไรต่อจากนี้
“ผมก็แค่...” ชายวัยกลางคนกล่าวขึ้นมา อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลขแต่ความรักที่เขามีต่อภรรยาไม่เคยจืดจาง อยู่กินกันมาตั้งสามสิบกว่าปี เขายังคงรักภรรยาเหมือนเดิมทุกวัน
“คุณคะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ เมื่อถูกฝ่ามือของสามีค่อย ๆ รูดซิปด้านหลังลงอย่างช้า ๆ “หนูเจียวอิงน่าสงสารมาก ๆ แม่เลี้ยงเธอโหดร้ายที่สุด ไม่รู้ว่ากลับบ้านไปจะต้องถูกคนบ้านนั้นทำอะไรบ้าง” ตามจริงเธอพอทราบเรื่องของเด็กสาวคนนั้นคร่าว ๆ
เธอได้เล่นละครก็เพราะว่าตระกูลจ้าวเป็นผู้ร่วมลงทุน เลยจัดให้ทดสอบบทนักแสดง แต่ฝีมือของเด็กสาวก้าวกระโดดจริง ๆ ไม่โดดเด่นเหมือนนางเอก แต่ได้บทนางร้ายมานับว่าไม่เลว ส่วนข่าวลือต่าง ๆ นั่นมันก็เป็นเพียงแค่การสร้างกระแสของขึ้นมา เนื้อแท้ของเด็กคนนั้นเป็นเช่นไรมีหรือคนอย่างจ้าวอวี้เจินจะไม่รู้ หากไม่ดีพอ ไม่ได้มาเป็นสะใภ้บ้านตระกูลจ้าวหรอก
“ถ้าคุณว่าดีผมก็ไม่ขัดข้องอะไร ก็แล้วแต่คุณต้องการ เรื่องความรักมันห้ามกันไม่ได้ ผมกังวลก็เพียงแค่ลูกชายบ้านนั้นมากกว่ากลัวจะมาก่อกวนลูกของเรา”
แววตาเหี้ยมโหดของจ้าวอวี้เจินและน้ำเสียงแข็งกร้าวกล่าวขึ้นมาทันใด “ก็ให้มันลองดูสิคะ ฉันจะจัดการถอนรากถอนโคนมันให้หมดทั้งตระกูล”